รีวิว สัมผัสแรก Yamaha MT-03, GT125, Fino125 และ NMax

เมื่อวันที่ 26 สค. ที่ผ่านมานี้ ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ได้ทำการเปิดตัว เปิดตัวรถจักรยานยนต์ใหม่ล่าสุด 4 รุ่น Yamaha MT-03 และอีก 3 รุ่น ที่ใช้เทคโนโลยี “Blue Core” ได้แก่ Yamaha GT125, Fino125 และ NMAX ณ Yamaha Riding Academy (สถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า) ซึ่งเหตุผลที่ทาง Yamaha ได้เลือกจัดขึ้นที่นี่เพราะว่า ได้มีการจัดกิจกรรมให้สื่อมวลชนได้ลองทดสอบรถใหม่ทั้ง 4 รุ่น ด้วยในวันเดียวกัน ซึ่งการเปิดตัวจะมีขึ้นในช่วงเช้าก่อนที่จะมีการทดสอบรถในช่วงบ่าย ซึ่งทาง MotoRival ของเราก็ไม่พลาดที่จะนำรีวิว สัมผัสแรก 1st Impression มาฝากกัน

สำหรับการทดสอบในวันนี้ จะวางไลน์ของสนามแตกต่างไปจากที่เลยทดสอบ Yamaha MT-07 ที่เคยมีมา เนื่องจากโมเดลทั้ง 3 รุ่นที่ใช้เทคโนโลยีเครื่องยนต์ Blue Core จัดได้ว่าเป็นรถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก ไลน์ของสนามจึงได้มีการปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม ซึ่งแบ่งออกเป็นเริ่มออกตัว จะเป็นสเตชั่นทดสอบเบรกกันก่อน และถัดมาจะมี Pylon ให้ได้ Slalom ทดสอบความคล่องตัวของรถ และจะมีโค้งเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย

เริ่มต้นกันที่รถพิกัด 125 อย่าง Yamaha GT125 Fino125 กันก่อน

หากใครที่ได้เคยขี่ Fino รุ่นเก่ามาก่อนจะพบกับท่านั่งที่ดูคุ้นเคย แต่จะสังเกตได้ว่าการตอบสนองของคันเร่งในเครื่องยนต์ Blue Core ใหม่ ที่ปรับจูนให้รองรับถึง E85 นี้ที่มีพิกัดมากกว่าเครื่องยนต์บล็อกเดิม 10cc จะให้การตอบสนองที่ดูจะติดมือมากกว่า ในจังหวะ Slalom นั้นดูคล่องแคล่วดีทีเดียวตามน้ำหนักของตัวรถ แต่เราจะรู้สึกได้ว่าในรุ่นล้อแม็กนั้นจะให้การยึดเกาะที่ดูดีกว่ารุ่นล้อซี่อยู่เล็กน้อย

ขณะที่ GT125 นั้นที่ใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกันแต่แตกต่าง กันในส่วนของการปรับจูนเครื่องยนต์ให้รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงเพียง E20 เท่านั้น พร้อมชูจุดขายตัวล๊อกก้านเบรกหน้า ซึ่งช่วยให้การจอดรถบนทางลาดชันนั้นสะดวกสบายยิ่งขึ้น

จุดสังเกตในเรื่องของการหักเลี้ยวนั้นพบว่า ลักษณะของรูปแบบแฮนด์บาร์ใน Fino125 และแฮนด์ในลักษณะที่มาพร้อมชุดคอบนอย่าง GT125 นั้น อาจจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันบ้าง ในด้านของการหักเลี้ยวซึ่งเราพบว่าลักษณะแฮนด์บาร์แบบของ Fino125 นั้นดูจะมีบาลานซ์ที่ดีกว่านั่นเอง และท่านั่งที่แตกต่างกันอีกเล็กน้อย ซึ่งผู้เขียนมองว่าผู้ที่มีสรีระค่อนข้างสูงใหญ่ หน่อยนั้นขี่ Fino125 จะให้ตำแหน่งการนั่งที่ดูดีกว่า GT125 มากกว่า

NMax ใหม่รถ Premium Scooter เครื่องยนต์ Blue Core พิกัด 155cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ และยังมาพร้อมวาล์วแปรผัน VAA อีก ซึ่งเรืยกได้ว่าขุมพลังชุดนี้เป็นจุดขายของเจ้า NMax คันนี้เลย

ในการขี่พบว่าในช่วงหัวรถนั้นอาจจะดูหนักๆไปหน่อย จึงทำให้จังหวะที่เราจับรถ 125cc มาก่อนหน้านี้ 2 โมเดล ดูจะไม่คุ้นชินกับเจ้า NMax นี้มากนัก แม้ว่าท่านั่งของ NMax ใหม่จะมีการดีไซน์ออกมาได้ดีตามหลัก Ergonomic มากกว่า ซึ่งตำแหน่งวางเท้า (Riding Position) นั้นสามารถวางได้ 2 ระดับ จากการวางหัวเข่าตั้งฉาก เพื่อเน้นการควบคุมรถ และ การยันฝ่าเท้าไปทางด้านหน้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสบายในการขี่เดินทางมากยิ่งขึ้น และด้วยความสูงเบาะที่เพิ่มขึ้นจากตัว 125 อีกราว 20 มม. นั้น อาจทำให้ผู้ขับขี่ที่มีขนาดตัวเล็กเริ่มมีอาการเหยียบไม่เต็มฝ่าเท้ากันบ้าง

เราพบว่า ด้วยแรงบิดที่มากขึ้น 14.4Nm จากบล็อก 125 ที่ 9.9Nm ถือว่าให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยม ทอร์คมาตามข้อมือบิด แต่ในจังหวะ Slalom นั้น กลับให้ความรู้สึกที่ยากขึ้น (ไม่พริ้วเท่ากับ) 2 รุ่น ก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด น้ำหนักส่วนหัวที่มีมากกว่า ร่วมกับท่านั่งจากเบาะนั่งที่กว้างใหญ่กว่าด้วย

ขณะที่จังหวะการเบรกนั้นถือได้ว่าทำหน้าที่ได้ค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับขนาดตัว แต่ก็แอบรู้สึกแข็งทื่อไปบ้างจากก้านเบรกหน้าทางฝั่งซ้าย ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากระบบ ABS ที่ติดตั้งเข้ามาด้วย

มาที่รุ่นไฮไลท์ Yamaha MT-03 ต้องบอกว่าน่าเสียดายจริงๆ ที่ได้ขี่กันเพียงคนละ 2 รอบเท่านั้น เนื่องจากมีผู้รอทดสอบค่อนข้างเยอะ และใช้เกียร์เพียงแค่เกียร์ 2 ในการขี่ทั้งสนามจากไลน์ที่ถูกจำกัดไว้

ใครที่เคยขี่บล็อก Crossplane 321cc ใน YZF-R3 แล้วล่ะก็คงคุ้นชินกันดี แทบจะไม่ต้องมาเล่ากันใหม่

เครื่องยนต์ตอบสนองได้อย่างน่าประทับใจ ให้อัตราเร่งช่วงต้นที่ดีเยี่ยม แม้ MT-03 จะมีน้ำหนัก 180 กก. ซึ่งเทียบเท่ารถคลาส 250-300cc อื่นๆ แต่ด้วยลักษณะแฮนด์บาร์ที่ค่อนข้างแคบใกล้เคียงกับ MT-07 ทำให้มันดูคล่องตัวเป็นอย่างมาก และควบคุมได้ดีเป็นเลิศ ในจังหวะ Slalom นั้น เป็นอะไรที่สนุกมากจริงๆ กับรถ Naked Sport แฮนด์บาร์เข่นนี้ แน่นอนหน้าไวควบคุมง่ายกว่า R3 ในจังหวะหักเลี้ยวเปิดคันเร่งออกจาก Pylon สนุกสนานเพลิดเพลินดี แต่ก็ต้องยอมรับเช่นกันในการเข้าโค้งซึ่งแฮนด์สไตล์จับโช๊ค นั้นจะทำได้ดีมั่นคงกว่านั่นเอง