Bonus ใกล้ออกแล้ว งบราว 2 แสน BigBike คันไหน คุ้มค่าน่าโดน MotoRival เราขอพามาเจาะลึกกันครับ

0

เหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 เดือนก็จะเริ่มปีใหม่ 2017 กันแล้ว นั่นหมายความว่ามนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆนี้ ที่รอคอยกันก็ คือ โบนัสสิ้นปี หลายคนอาจจะเลือกที่จะนำเงินเหล่านั้นไปเที่ยวหรือซื้อของที่อยากได้ แต่สำหรับ Biker ทั้งหลายแน่นอนว่ารถมอเตอร์ไซค์คู่ใจในฝันก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเราอยากได้มาไว้ครอบครอง
ดังนั้น MotoRival จึงขอเสนอบทความเกี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์ที่คุ้มค่ากับเงินในงบ 2 แสนบาท มาให้เพื่อนๆได้ตัดสินใจกันครับ
ว่าคันไหนจะน่าโดน คุ้มค่าราคา มาชมกันเลย

2017-honda-cbr500r_15

สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ที่มีราคาในช่วงดังกล่าว และจำหน่ายในไทยตอนนี้มีอยู่หลากหลายรุ่นด้วยกัน แต่เราจะเลือกมาเพียง 8 คัน จาก 4 ค่ายที่เรารู้จักกันดี ซึ่งครบทั้งสไตล์ Sport และ Naked เหมาะที่จะใช้งานได้ทั้งการเดินทางไปทำงานในเมือง รวมถึงขี่ท่องเที่ยวออกทริป ทั้ง 8 คันจาก 4 ค่ายอย่าง Honda, Kawasaki, KTM และ Yamaha ที่มีรถทั้ง 2 สไตล์รวมถึงจัดอยู่ในงบที่เราจะนำมาพูดถึงด้วย ในระดับ 2 แสนบาท และที่สำคัญทางผู้เขียนเองได้เคยสัมผัสมาแล้ว ทั้ง 8 โมเดล จึงสามารถอธิบายกันได้แบบเจาะลึกทั้ง 8 รุ่น มีดังต่อไปนี้

2016-honda-cbr500r-cb500f-redHonda CBR500R ราคา 215,000 บาท และ CB500F ราคา 210,000 บาท

KTM-390-Duke-RC
KTM RC390 ราคา 214,900 บาท และ Duke 390 ราคา 199,000 บาท

yamaha-300-series
Yamaha YZF-R3 ราคา 185,000 บาท และ MT-03 ราคา 177,000 บาท

kawasaki-300-series
Kawasaki Ninja 300 ราคา 182,500 บาท และ Z300 ราคา 172,000 บาท

เริ่มกันที่รูปลักษณ์ภายนอก
ก่อนอื่นต้องขอพูดเกริ่นกันก่อนว่าในส่วนรูปลักษณ์นั้น แล้วแต่ความชอบแต่ละบุคคล ซึ่งเราจะขอพูดเพียงแค่จุดเด่นของแต่ละคันครับ

2017-honda-cbr500r_23Honda 500 Series มากับไฟหน้า-ไฟท้าย LED ที่ดูทันสมัยกว่าเพื่อน ขณะที่รูปลักษณ์นั้นให้ความสปอร์ตได้ดี ทั้งบริเวณชุดแฟริ่ง และท่อไอเสียออกข้าง

2017-honda-cbr500r_04ทางด้านท้ายมีช่องดักลม ในแบบรถ Superbike ตัวพัน เพื่อเพิ่ม Aerodynamic ในขณะที่ขี่ด้วยความเร็วสูง

รีวิว-KTM-390-RC-Duke_40
KTM 390 Series ในโมเดล RC ออกแบบมาได้โดดเด่นในสไตล์ Supersport อย่างแท้จริง
ไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์คู่ ไฟท้าย LED ขาทะเบียนท้ายออกแบบมาให้ถอดแผ่นป้ายทะเบียนทำท้ายโล่งได้สะดวก
กระจกมองข้างมาพร้อมไฟเลี้ยว LED ในตัว
แฮนด์จับโช้กตำแหน่งเตี้ยแบบรถ Supersport
เบาะนั่งตอนท้ายเป็นโฟมขึ้นรูปทั้งชิ้น ทำให้ผู้ซ้อนนั่งได้สบายสุด
มีอีกลูกเล่นบนมาตรวัด ก็คือ ตัวเลขบอกตำแหน่งเกียร์ และไฟ Shift Light

รีวิว-KTM-390-RC-Duke_31ในโมเดล Duke นั้นเนื่องจากโมเดลที่ขายอยู่ในไทยยังเป็นโฉมเก่า จึงอาจไม่มีลูกเล่นมากมาย แต่จุดเด่นอยู่ที่สไตล์ท่านั่งของ Duke
จะมีความโดดเด่นกว่ารถ Naked คันอื่น เพราะเป็นสไตล์ Naked Sport ผสมรถ Super Moto

YZF-R3-P-Dizz_2
Yamaha 300 Series
แม้ไฟหน้าจะเป็นไฟหลอดธรรมดา แต่ไฟท้ายเป็นแบบ LED
ขณะที่เบาะนั่งด้านท้าย Yamaha 300 เป็นเบาะแบนกว้าง และนุ่มกว่าเพื่อนๆ Sport Entry คันอื่น
อีกจุดที่ถือเป็นลูกเล่น คือ ตัวเลขบอกตำแหน่งเกียร์ และไฟ Shift Light เช่นเดียวกับ KTM

2017-ninja-300-winter-test_1
Kawasaki 300 Series
แม้จะออกมานานกว่าเพื่อนคันอื่น แต่ยังคงให้รูปลักษณ์สปอร์ตตามแบบฉบับ Ninja และ Z ได้เป็นอย่างดี
ไฟเลี้ยวแนบแฟริ่งในโฉม Ninja ให้ความสปอร์ตในแบบพี่ใหญ่ตระกูล ZX ขณะที่ Z ก็คงโฉมหน้าที่ดุดันตามแบบพี่ใหญ่ Z800 นอกจากนี้มาตรวัดจะมีลูกเล่นไฟ Eco ขึ้นบ่งบอก หากคุณขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน

ท่านั่งขี่

KTM-RC250-Riding-Position_3
เริ่มที่โฉม Sport
Ninja 300 และ YZF-R3 จะมีตำแหน่งที่แฮนด์ที่ใกล้เคียงกัน คือ ไม่สูงไม่ต่ำเกินไป
ขณะที่ RC390 จะเตี้ยที่สุดในแบบรถ Supersport โดนใจสายหมอบเวลาขี่ในสนาม แต่อาจเมื่อยหลังหากต้องขี่ใช้งานในชีวิตประจำวัน

2017-honda-cbr500r_21CBR500R จะเป็นรถที่นั่งสบายที่สุด เนื่องจากตำแหน่งแฮนด์จะสูงกว่าเพื่อนในแบบ Sport Touring ช่วยให้การเดินทางไกล หรือ
ใช้งานในชีวิตประจำวันนั้นสบายที่สุด

KTM-Duke250-Riding-Position_2
ต่อด้วยโฉม Naked
Z300 และ MT-03 จะเป็นแฮนด์บาร์ที่ค่อนข้างสั้น และให้ความคล่องตัวสูงเมื่อขี่ในเมือง แต่การขี่เวลาเทโค้ง และการขี่ด้วยความเร็วสูงอาจจะดูไม่มั่นคงนัก
Duke 390 ด้วยความที่เป็นรถผสานสไตล์ Super Moto จึงทำให้ตำแหน่งแฮนด์สูงขึ้นมาอีกนิด ท่านั่งอาจต้องหลังตรงกางศอกหน่อย
รวมถึงตำแหน่งพักเท้าที่ต้องเขยิบขาไปทางด้านหลังอีกเล็กน้อยในแบบรถสปอร์ต ซึ่งจะต้องงอเข่ากว่า Naked คันอื่น
หากคนที่ไม่เคยขี่รถแนวนี้มาก่อนคงจะมาขี่ Duke และรู้สึกแปลกๆ ไปบ้างในช่วงแรก

2017-honda-cb500f_05
CB500F ตำแหน่งแฮนด์เตี้ย และกางออก ซึ่งจะให้ท่านั่งที่ต้องแบะแขนออกเล็กน้อย แต่ให้ความมั่นใจเวลาเข้าโค้งได้ดีกว่า รวมถึงการ
ขี่เดินทางไกลที่ดูจะสบายกว่าแฮนด์สั้น

เครื่องยนต์

2017-honda-cb500f_03Honda 500 Series : 471cc / 2 สูบเรียง / DOHC 8 วาล์ว (4 วาล์วต่อสูบ ) / ระบายความร้อนด้วยน้ำ
KTM 390 Series : 373.2cc / 1 สูบ / DOHC 4 วาล์ว / ระบายความร้อนด้วยน้ำ
Yamaha 300 Series : 321cc / 2 สูบเรียง / DOHC 8 วาล์ว ( 4 วาล์วต่อสูบ ) / ระบายความร้อนด้วยน้ำ
Kawasaki 300 Series : 296cc / 2 สูบเรียง / DOHC 8 วาล์ว ( 4 วาล์วต่อสูบ ) / ระบายความร้อนด้วยน้ำ

2016-Kawasaki-Ninja300-KRT_2เริ่มจากผู้มาก่อน (เปิดตัวก่อนใครเพื่อน) อย่างคู่หูจากค่ายแตนเขียว นั่นก็คือ Ninja 300 กับ Z300 ที่มาด้วยเครื่องยนต์ความจุน้อยที่สุด ต่อด้วยค่ายส้อมเสียง YZF-R3 กับ MT-03 ที่ให้ความจุล้นพิกัดมานิดหน่อย ในขณะที่ชาวต่างชาติ (ออสเตรีย) ทั้ง RC390 และ
Duke 390 ก็ให้ปริมาตรกระบอกสูบมาใหญ่พิเศษถึงเกือบ 400cc เพื่อเพิ่มกำลังวังชาให้สูงขึ้น เนื่องจากเป็นค่ายเดียวที่ใช้เครื่องยนต์สูบเดียว
ในกลุ่มทำให้อาจจะเสียเปรียบในช่วงรอบปลาย และปิดท้ายด้วยคู่หูปีกนกอย่าง CBR500R และ CB500F ที่ให้ความจุของเครื่องยนต์
แบบสองสูบเรียงมาเยอะที่สุดในกลุ่มราคานี้

และเนื่องจากความจุของรถมอเตอร์ไซค์แต่ละรุ่นมีความเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน ทำให้แรงม้าและแรงบิดที่ได้มีความแตกต่างกันค่อนข้างเห็นได้ชัด

2017-honda-cbr500r_01Honda 500 Series : พละกำลังสูงสุด 49.6 แรงม้า ที่ 8,500 รอบต่อนาที, แรงบิดสูงสุด 43 นิวตันเมตร ที่ 7,000 รอบต่อนาที
KTM 390 Series : พละกำลังสูงสุด 42.9 แรงม้า ที่ 9,000 รอบต่อนาที, แรงบิดสูงสุด 35 นิวตันเมตร ที่ 7,000 รอบต่อนาที
Yamaha 300 Series : พละกำลังสูงสุด 41.4 แรงม้า ที่ 12,000 รอบต่อนาที, แรงบิดสูงสุด 29.6 นิวตันเมตร ที่ 10,000 รอบต่อนาที
Kawasaki 300 Series : พละกำลังสูงสุด 38.5 แรงม้า ที่ 11,000 รอบต่อนาที, แรงบิดสูงสุด 27 นิวตันเมตร ที่ 10,000 รอบต่อนาที

จากตัวเลขจะเห็นได้ว่าทางฝั่งของ Kawasaki นอกจากพละกำลังจะน้อยที่สุดแล้ว ยังมาด้วยรอบที่สูงเอาเรื่อง ซึ่งอาจจะทำให้การใช้งานในชีวิตประจำวันดูเหนื่อยไปบ้าง เพราะต้องใช้รอบช่วยนิดหน่อยในการออกตัวทางชันหรือการเร่งแซง

2016-Yamaha-R3_07
ส่วน Yamaha ที่ให้พละกำลังเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย จากความจุที่มากกว่า ส่งผลให้แรงม้าและแรงบิดสูงขึ้นและเมื่อประกอบกับลักษณะเครื่องยนต์ที่มีขนาดลูกสูบโตกว่ารายก่อนหน้าจึงทำให้อัตราเร่งมีความกระฉับกระเฉงมากขึ้น

รีวิว-KTM-390-RC-Duke_27
ในด้านของ KTM 390 Series นั้น ด้วยความที่ว่าเป็นเครื่องยนต์สูบเดียวแถมยังเป็นแบบลูกโต (มาก) และระยะชักยาว (มาก) ทำให้แรงบิดและแรงม้ามาด้วยรอบที่ต่ำเพียงไม่ถึง 10,000 รอบต่อนาที ซึ่งหมายความว่าอัตราเร่งของเจ้าคู่หูตัวจี้ดคู่นี้มาด้วยความว่องไว รวมถึง
น้ำหนักตัวที่เบากว่าเพื่อน แต่ก็น่าเสียดายเพราะ มาไวแล้วหมดไวด้วยเช่นกัน และที่สำคัญคืออาการสะท้านของเครื่องยนต์ที่เป็นอันรู้กันอยู่แล้วว่ามันคือธรรมชาติของเครื่องยนต์สูบเดียวความจุสูง ประกอบกับการขี่รถติดในเมืองอาจจะต้องเลี้ยงรอบเครื่องยนต์ หรือ เลี้ยงคลัทช์เอาไว้เสียหน่อย

Honda-500-Motor-Expo-2015_050 (6)ปิดท้ายด้วยรุ่นใหญ่สุดในกลุ่มราคานี้นั่นก็คือ CBR500R และ CB500F ที่ให้พละกำลังสูงที่สุดในรุ่นเนื่องจากมีความจุเยอะที่สุด
แถมพละกำลังยังมาด้วยรอบที่ต่ำมาก จึงส่งผลให้อัตราเร่งสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันไปจนถึงการเดินทางท่องเที่ยวนั้นดูจะให้การ
ตอบสนองที่ดีที่สุดในกลุ่มราคานี้ เพียงแต่กำลังเครื่องนั้นจะมาไวหมดไวไปเสียหน่อย อาจไม่มันส์มือสายลากรอบ

ระบบกันสะเทือนหน้า-หลัง

2017-honda-cb500f_09Honda 500 Series :
หน้า ตะเกียบคู่ ขนาดแกน 41 มิลลิเมตร ปรับแข็ง-อ่อนได้ด้วยน็อตปรับที่หัวโช้ก (ระยะยุบ 109 มิลลิเมตร)
หลัง สวิงอาร์มเหล็กกล่อง โช้กเดี่ยว ปรับแข็ง-อ่อน 9 ระดับ พร้อมระบบ Pro-Link (ระยะยุบ 119 มิลลิเมตร)
KTM 390 Series :
หน้า ตะเกียบคู่ “หัวกลับ” ขนาดแกน 43 มิลลิเมตร (ระยะยุบ 125 มิลลิเมตรในรุ่น RC และ 150 มิลลิเมตรในรุ่น Duke)
หลัง สวิงอาร์มเหล็กหล่อขึ้นรูปโช้กเดี่ยว ปรับแข็ง-อ่อน 5 ระดับ (ระยะยุบ 150 มิลลิเมตร)
Yamaha 300 Series :
หน้า ตะเกียบคู่ ขนาดแกน 41 มิลลิเมตร (ระยะยุบ 130 มิลลิเมตร)
หลัง สวิงอาร์มอลูมิเนียมทรง Banana โช้กเดี่ยว ปรับแข็ง-อ่อน 5 ระดับ (ระยะยุบ 125 มิลลิเมตร)
Kawasaki 300 Series :
หน้า ตะเกียบคู่ ขนาดแกน 37 มิลลิเมตร (ระยะยุบ 120 มิลลิเมตร)
หลัง สวิงอาร์มเหล็กกล่อง โช้กเดี่ยว ปรับแข็ง-อ่อน ได้ 5 ระดับ พร้อมระบบ Uni-Trak (ระยะยุบ 130 มิลลิเมตร)

2017-honda-cbr500r_03
ในส่วนของระบบกันสะเทือน เนื่องจากกลุ่มราคาของรถในระดับนี้ ไม่ได้มีราคาที่สูงมากมาย สเป็กอุปกรณ์ที่ให้มากับรถนั้น จึงไม่แตกต่างกันมากนัก ทั้งโช้กหน้าตะเกียบคู่เทเลสโกปิคที่ประจำการอยู่ใน 3 ค่ายรถญี่ปุ่น ได้แก่ Yamaha และ Kawasaki
แต่ Honda จะพิเศษกว่าเพื่อน เพราะสามารถขันปรับค่าแข็ง-อ่อน ได้ที่แกนโช้กด้านบน

รีวิว-KTM-390-RC-Duke_45
ส่วน RC390 และ Duke 390 จาก KTM เลือกที่จะให้มาดีกว่าเพื่อน เพราะเป็นโช้กหน้าแบบหัวกลับ ที่มีขนาดแกนโช้กใหญ่ถึง
43 มิลลิเมตรจาก WP ซึ่งเลื่องชื่ออยู่แล้ว ทำให้ภาพลักษณ์ออกไปทางรถสนามมากขึ้น

KTM-RC250-Detail_09
โช้กหลังปรับค่าแข็งอ่อนได้อย่างเดียวเหมือนกันทั้งหมด แต่จะมีส่วนแตกต่างกันก็คือทางฝั่งของ KTM, Yamaha เป็นแบบยิงตรงระหว่างเฟรมกับสวิงอาร์มธรรมดา ส่วน Honda, Kawasaki เป็นแบบกระเดื่องทดแรงซึ่งมีประสิทธิภาพในการรองรับแรงสั่นสะเทือนมากกว่าแบบปกติ

2017-honda-cb500f_12และจุดสังเกตอีกอย่างก็คือทั้ง CBR500R และ CB500F นั้นสามารถปรับค่าแข็งอ่อนได้ถึง 9 ระดับ ซึ่งละเอียดกว่าอีก 3 ค่ายที่สามารถปรับได้เพียงแค่ 5 ระดับเท่านั้น

ระบบเบรก

2017-honda-cbr500r_25Honda 500 Series :
หน้า จานเดี่ยว 320 มิลลิเมตร, แอกเซียลเมาท์คาลิปเปอร์ลูกสูบคู่ พร้อมระบบ ABS
หลัง จานเดี่ยว 240 มิลลิเมตร, แอกเซียลเมาท์คาลิปเปอร์ลูกสูบเดี่ยว พร้อมระบบ ABS
KTM 390 Series :
หน้า จานเดี่ยว 320 มิลลิเมตร, เรเดียลเมาท์คาลิปเปอร์ลูกสูบคู่ พร้อมระบบ ABS เปิด-ปิดได้ รุ่น 9MB จาก Bosch
หลัง จานเดี่ยว 230 มิลลิเมตร, แอกเซียลเมาท์คาลิปเปอร์ลูกสูบเดี่ยว พร้อมระบบ ABS เปิด-ปิดได้ รุ่น 9MB จาก Bosch
Yamaha 300 Series :
หน้า จานเดี่ยว 298 มิลลิเมตร, แอกเซียลเมาท์คาลิปเปอร์ลูกสูบคู่ พร้อมระบบ ABS
หลัง จานเดี่ยว 220 มิลลิเมตร, แอกเซียลเมาท์คาลิปเปอร์ลูกสูบเดี่ยว พร้อมระบบ ABS
Kawasaki 300 Series :
หน้า จานเดี่ยว 290 มิลลิเมตร, แอกเซียลเมาท์คาลิปเปอร์ลูกสูบคู่ พร้อมระบบ ABS
หลัง จานเดี่ยว 220 มิลลิเมตร, แอกเซียลเมาท์คาลิปเปอร์ลูกสูบเดี่ยว พร้อมระบบ ABS

รีวิว-KTM-390-RC-Duke_18
ในส่วนของระบบเบรก ทุกโมเดลเป็นแบบดิสก์เบรกหน้าเดี่ยว และดิสก์เบรกหลังเดี่ยว แต่สองคู่หู KTM ใช้คาลิปเปอร์เบรกหน้าแบบเรเดียลเมาท์ และให้ระบบ ABS ชุดใหญ่จาก Bosch รุ่น 9MB ที่สามารถเปิด-ปิดระบบได้ เพื่อเอาใจนักบิดสายแข่งขัน

ในขณะที่ของค่ายอื่นก็มี ABS หน้า-หลัง เช่นกัน แต่ไม่สามารถปิดระบบได้เลย ซึ่งก็มีข้อดีในเรื่องของความปลอดภัย เพราะหากขี่ไปบนท้องถนนที่มีความลื่นแล้วไม่ได้เปิดระบบ ABS อาจส่งผลให้ล้อล็อคจนเกิดอันตรายได้

รีวิว-Honda-500-Series_06
สำหรับขนาดจานเบรกด้านหน้า จะแปรผันไปตามความจุเครื่องยนต์ ใหญ่สุดเริ่มจาก Honda และ KTM ที่มีขนาดจานเบรกด้านหน้า
เท่ากัน แต่ด้านหลัง Honda ใหญ่กว่าเล็กน้อย

honda-500_35
นอกจากนี้ Honda ยังเป็นค่ายเดียวที่มีแถมลูกเล่นอย่าง ก้านเบรกปรับระดับได้มาให้ด้วย

ตามมาด้วย Yamaha และ Kawasaki ตามลำดับ ซึ่งก็สัมพันธ์กับขนาดหน้ายางติดรถที่ให้มาด้วยเช่นกัน โดยไซส์ยางที่ให้มีดังนี้

ขนาดยาง

2017-honda-cbr500r_19Honda 500 Series : ยางหน้า ขนาด 120/70-17, ยางหลัง ขนาด 160/70-17
KTM 390 Series : ยางหน้า ขนาด 110/70-17, ยางหลัง ขนาด 150/70-17
Yamaha 300 Series : ยางหน้า ขนาด 110/70-17, ยางหลัง ขนาด 140/70-17
Kawasaki 300 Series : ยางหน้า ขนาด 110/70-17, ยางหลัง ขนาด 140/70-17

KTM-RC250-Detail_19ในส่วนของความกว้างหน้ายางนั้นมีเพียงแค่ Yamaha และ Kawasaki ที่ให้มาเท่ากันทั้งหน้าและหลัง แต่คนละยี่ห้อ Yamaha ใช้ Michelin รุ่น Pilot Street ส่วน Kawasaki ใช้ IRC รุ่น Road Winner, KTM ใช้ยางของ Pirelli รุ่น Rosso II ขวัญใจสายเทโค้ง
ทั้งหลาย และเพิ่มขนาดด้านหลังมาอีก 1 ไซส์เป็น 150/70-17

2017-honda-cbr500r_18
และสำหรับคู่หูห้าร้อยจาก Honda เป็นยางของ Dunlop รุ่น Sportmax D222 ซึ่งมีขนาดใหญ่ถึง 120/70-17 ที่ล้อหน้า และ
160/70-17 ที่ล้อหลัง เพื่อรองรับกับพละกำลังที่มากกว่าและยังช่วยให้การใช้งานบนท้องถนนปลอดภัยยิ่งขึ้นเนื่องจากมีพื้นที่ผิวให้ยึดเกาะมากขึ้นนั่นเอง

ความสูงเบาะ

2017-honda-cbr500r_11Honda 500 Series : CBR500R 785 มิลลิเมตร, CB500F 785 มิลลิเมตร
KTM 390 Series : RC390 820 มิลลิเมตร, Duke 390 800 มิลลิเมตร
Yamaha 300 Series : YZF-R3 780 มิลลิเมตร, MT-03 780 มิลลิเมตร
Kawasaki 300 Series : Ninja 300R 785 มิลลิเมตร, Z300 785 มิลลิเมตร

Yamaha-Launch-GT125-Fino125-Nmax-MT-03_70สำหรับความสูงเบาะนั่งของ Yamaha นั้นอยู่ในระดับที่เป็นมิตรกับผู้ขับขี่ไซส์เล็กที่สุดในกลุ่มราคานี้ ด้วยความสูงเพียง 780 มิลลิเมตร ส่วนอีกสองค่ายทั้ง Kawasaki และ Honda จะสูงขึ้นมาอีกเล็กน้อยที่ 785 มิลลิเมตร ซึ่งจะว่าไปแล้ว ทั้ง 3 แบรนด์นี้ ถือได้ว่าเป็นมิตรกับผู้ขี่ที่มีสรีระไม่สูงมากนัก ยังพอยืนคร่อมได้เต็มเท้า ทำให้มั่นใจในการขี่รถยิ่งขึ้น

KTM-RC250-Duke250_17 ในทางกลับกันสำหรับ Duke 390 และ RC390 ที่มีความสูงเบาะมากถึง 800 มิลลิเมตร และ 820 มิลลิเมตร จะให้ภาพลักษณ์แบบรถสปอร์ตสายสนามมากกว่า แต่คงไม่เป็นมิตรกับผู้ขี่ที่มีสรีระไม่สูงนัก

น้ำหนักตัวรถ

2017-honda-cbr500r_10Honda 500 Series : CBR500R 194 กิโลกรัม, CB500F 192 กิโลกรัม
KTM 390 Series : RC390 166 กิโลกรัม, Duke 390 154 กิโลกรัม
Yamaha 300 Series : YZF-R3 169 กิโลกรัม, MT-03 165 กิโลกรัม
Kawasaki 300 Series : Ninja 300R 172 กิโลกรัม. Z300 170 กิโลกรัม

แน่นอนว่าอันดับหนึ่งในเรื่องของความเบาคงหนีไม้พ้น KTM ที่เอาดีในเรื่องของความปราดเปรียว ทำให้ทั้ง RC390 และ Duke 390 ดูจะโดดเด่นในเรื่องของการพลิกโค้งไปมา ซึ่งจำเป็นอย่างมากในการแข่งขัน

honda-500_14แต่ในขณะเดียวกันสำหรับอีก 3 ค่ายจากญี่ปุ่นที่มีน้ำหนักมากขึ้นตามลำดับ คือ Yamaha, Kawasaki และ Honda จะได้เปรียบในเรื่องของความนิ่งช่วงความเร็วสูง (โดยเฉพาะ Honda ที่หนักที่สุด) และลดอัตราการเสี่ยงของลมปะทะที่เกิดขึ้นขณะขับสวนเลนกับรถยนต์หรือรถบรรทุก ซึ่งมักเกิดขึ้นบ่อยๆ ในการเดินทางไปตามเส้นทางข้ามจังหวัด

ความจุถังน้ำมัน

2017-honda-cbr500r_20Honda 500 Series : CBR500R 16.7 ลิตร, CB500F 16.7 ลิตร
KTM 390 Series : RC390 10 ลิตร, Duke 390 11 ลิตร
Yamaha 300 Series : YZF-R3 14 ลิตร, MT-03 14 ลิตร
Kawasaki 300 Series : Ninja 300R 17 ลิตร, Z300 17 ลิตร

รีวิว-KTM-390-RC-Duke_50
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตัว Duke 390 และ RC390 มีน้ำหนักตัวเบากว่าใครเพื่อนนั้นก็เพราะความจุถังน้ำมันมีขนาดเล็กที่สุด ซึ่งข้อดีก็อย่างที่เราได้บอกไปในหัวข้อก่อนหน้า แต่ถ้าพูดถึงข้อเสียล่ะก็ ใช่แล้วครับ ในการเดินทางไกลที่เราแทบไม่รู้เลยว่าปั๊มน้ำมันนั้นอยู่ใกล้ไกลแค่ไหน แถมยังไม่ได้เปิดตลอด 24 ชั่วโมงนั้นเป็นอะไรที่น่าหวาดเสียวพอสมควรเลยทีเดียว หากน้ำมันเกิดหมดกลางทางขึ้นมาล่ะยุ่งแน่

2016-Yamaha-R3_10
แต่อีกสามค่ายแดนญี่ปุ่น เริ่มจาก Yamaha ให้ความจุ 14 ลิตรใหญ่ขึ้นมาอีกนิด อาจจะลดความกังวลในเรื่องของปั๊มน้ำมันลงไปบ้าง เนื่องจากค่าเฉลี่ยในการบริโภคน้ำมันของรถมอเตอร์ไซค์พิกัด 300cc นั้นอยู่ที่ประมาณ 20 กิโลเมตรต่อลิตรขึ้นไป จึงหมายความว่า Yamaha จะมีน้ำมันพอให้ขี่ไปได้ไกลขึ้นอีกถึง 60 กิโลเมตร เมื่อเทียบกับ KTM

2016-Ninja300_resize
ทางฝั่งของ Kawasaki และ Honda อยู่ที่ราว 17 ลิตรทั้งคู่ ทำให้ตัวรถสามารถขี่ไปได้ไกลกว่า KTM และ Yamaha

สรุป

ในงบ 2 แสนบาท หากคุณกำลังมองหา BigฺBike สักคันแล้ว รถทั้ง 8 รุ่น 4 แบรนด์ที่เรามาแนะนำ ต่างมีข้อดี-ข้อเสีย ทั้งสิ้น ลองมาดูสรุปกันว่าคันไหนจะคุ้มค่า หรือตอบโจทย์คุณที่สุด

2017-ninja-300-winter-test_1_1Kawasaki นั้น อาจมีสมรรถนะที่ดูจะด้อยกว่าเพื่อน จากความจุ และด้วยอายุการทำตลาดที่นานพอสมควรสำหรับ Ninja 300R และ Z300 เพราะถึงแม้ว่าจะมีระบบสลิปเปอร์คลัทช์มาให้ แต่ด้วยความจุที่น้อยกว่าเพื่อน ทำให้อัตราเร่งช่วงต้นไม่หวือหวานัก แต่ข้อดี คือ ความคล่องตัวในเมือง และความเก๋าของ Kawasaki ที่ทำตลาดในกลุ่มนี้มานาน ทำให้ครองใจสาวกค่ายเขียวได้อย่างต่อเนื่อง และมีของตกแต่งที่หลากหลายโดนใจ Biker

yamaha-300-seriesส่วน YZF-R3 และ MT-03 จาก Yamaha นั้นมีลูกเล่นเพิ่มอย่างไฟบอกตำแหน่งเกียร์ และ Shift Light รวมถึงความจุที่มากกว่าทำให้กำลังอัตราเร่งดีกว่า Kawasaki .ในขณะที่การใช้งานคล่องตัวในระดับเดียวกับ Kawasaki แต่ข้อเสียอาจพบปัญหาเรื่องลูกปืนคลัทช์ในสองโมเดลนี้

รีวิว-KTM-390-RC-Duke_58ส่วนคู่หู RC390 และ Duke 390 จาก KTM ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของน้ำหนักที่เบาและออปชั่น ทั้งสลิปเปอร์คลัชท์, ABS เปิดปิดได้ ระบบกันสะเทือนจาก WP ที่โดดเด่นเกินใคร แต่ท่านั่งนั้นออกแบบมาค่อนไปทางสปอร์ตมากที่สุดในรุ่น RC ส่วน Duke ก็ออกแบบมาในแนว Super-moto ผู้ที่ไม่เคยขี่รถสไตล์นี้อาจจะไม่ถนัดและควบคุมรถได้ไม่คล่องตัวนัก รวมถึงสไตล์เครื่องยนต์ 1 สูบ ที่การขี่ในเมืองนั้นอาจให้ความจี๊ดจ๊าด แต่การเดินทางไกลก็สั่นสะท้านกันพอควร ดังนั้นการใช้งานในชีวิตประจำวันนั้นอาจจะเหนื่อยและเมื่อยกันหน่อยสำหรับคู่หูจากประเทศออสเตรียรายนี้

2017-honda-cbr500r_16สุดท้าย Honda 500 Series มีจุดเด่นในเรื่องของรูปลักษณ์ที่เป็นรถ BigBike สไตล์สปอร์ตแฝงความทันสมัย จากไฟหน้า-ท้าย LED และแฟริ่งที่ได้รับการออกแบบอย่างสวยงาม ท่านั่งออกแบบมาให้ขี่ได้ทั้งใกล้-ไกลโดยไม่เมื่อยล้า รวมถึงกำลังเครื่องยนต์ที่ได้เปรียบกว่าค่ายอื่น จากความจุที่มีมากกว่า ช่วยให้แรงบิดมาตั้งแต่รอบต่ำพร้อมใช้ทันท่วงที รวมถึงการเดินทางไกลก็ไม่เหนื่อยกับการต้องเค้นกำลังเครื่องจนเกินไป น่าเสียดายที่รอบเครื่องหมดไวไปนิด อาจไม่ถูกใจสายลากรอบ ความเร็วปลายจึงอาจไม่ได้มากไปไกลกว่าเพื่อนๆ 300 คันอื่นๆนัก แต่อย่าลืมกว่าการใช้งานส่วนใหญ๋ อัตราเร่งสำคัญกว่าความเร็วปลาย

2017-honda-cbr500r_12นอกจากนี้ เรื่องจอดรถทาง Honda ได้มีการสำรองที่จอดรถ Honda BigBike ไว้ พร้อมล็อกเกอร์ให้คุณไม่ต้องแบกหมวกแบกและสัมภาระเดินเข้าห้างฯ ให้เกะกะ อีกต่อไป อย่างเช่น ห้างฯ Central World ที่ได้จัดเตรียมไว้ให้ เป็นต้น

2017-honda-cbr500r_22หากมองตามโจทย์ในงบ 2 แสนบาทแล้ว Honda นั้นอาจจะเกินงบไปอยู่เล็กน้อย แต่จากการเปรียบเทียบข้อมูลต่างๆทั้งในทางเทคนิคและการสัมผัสด้วยตัวผู้เขียนเองแล้ว รถทุกค่ายมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ซึ่งใครชื่นชอบแบบไหนก็คงจะหาคำตอบได้เอง แต่ถ้าคุณกำลังมองหารถ BigBike ที่ครบเครื่องที่สุดในงบ 2 แสนบาท 2 คู่หูจากค่ายปีกนก น่าจะตอบโจทย์คุณได้อย่างครบเครื่องที่สุด

อ่านข่าว Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าว Yamaha เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าว kawasaki เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าว KTM เพิ่มเติมได้ที่นี่

เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ

Share.

About Author

error: Content is protected !!