เมื่อวันที่ 8 กค. 2016 ที่ผ่านมา ทาง MotoRival เราได้รับเชิญเข้าร่วมงานเปิดตัว Honda Safety Riding Park ใหม่ ณ ดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งครอบคลุม พร้อมทั้งการขับขี่ในรูปแบบ OnRoad และ OffRoad และในวันเดียวกันนี้เอง ทาง MotoRival เราก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมสัมภาษณ์ คุณสุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายการตลาด A.P. Honda ซึ่งใช้ระยะเวลาในการสัมภาษณ์กว่าครึ่ง ชม. ซึ่ง MotoRival เราจะขอมาสรุปประเด็นที่น่าสนใจ และเราเชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนคงให้ความสนใจกับประเด็นดังกล่าวที่เราจะนำเสนอกันไม่น้อย
ภาพรวม ตลาดรถจักรยานยนต์ครึ่งปีแรก 2016 % ยอดขายใกล้ๆกับปีที่แล้ว ซึ่งถือได้ว่า ยอดขายยังอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจทรงๆ
โดยมีสัดส่วน รถ Family 48%, รถสปอร์ต 16% ที่เหลือ AT 36%
ยอดรวม ตก 2-3% โดยตกลงจากกลุ่มรถสปอร์ต (150-300cc) ที่โตไม่เท่ากับตลาด เนื่องจากรถของ A.P.Honda ในกลุ่มนี้เป็นรถ 1 สูบ
ซึ่งในส่วนนี้จะต้องมีการแก้เกมอย่างแน่นอน โดยยังขอไม่ให้ข้อมูลในส่วนนี้ ขออุบไว้ก่อน
ในประเด็นนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะหมายถึงรถสปอร์ต ที่มีข่าวลือกันมายาวนานอย่าง Honda CBR250RR (CBR350RR)
ซึ่งมีกระแสข่าวอัพเดทอย่างต่อเนื่องในอินโดนีเซีย และเป็นที่น่าจับตาดูว่าผู้บริโภคชาวไทยจะมีโอกาสได้สัมผัสหรือไม่
คงต้องรอติดตามกันต่อ เพราะการเตรียมแก้เกม ในความหมายนี้ นั่นหมายความโมเดล ต่อไปจะต้องสู้กับรถในคลาสเดียวกันจากแบรนด์อื่นๆ ได้
และ CBR250RR หรือ อาจจะเป็นเวอร์ชั่น CBR350RR ที่จะมาทำตลาดในเมืองไทย มีความเป็นไปได้มากที่สุด ณ ขณะนี้
รถเล็กยอดขายตกเล็กน้อยทรงตัว ด้าน BigBike (Honda นับที่ 400cc Up) โตสวนสภาพเศรษฐกิจ โดยในครึ่งปีแรกโตขึ้นถึง 20%
โดยเฉพาะรถที่มีราคาสูงๆ
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกที่จะมาส่งเสริมตลาด Bigbike ในปีหน้า จากภาษีนำเข้ารถจักรยานยนต์จากญี่ปุ่น (JTEPA) จะลดลงเหลือ 0% ในปีหน้า 2017 ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ตลาด Bigbike คึกคักแน่นอน
และยังเชื่อว่า แม้ภาพรวมตลาดรถยนต์จะตกลงมาก แต่ไม่ส่งผลกระทบสะเทือนมาถึงรถจักรยานยนต์ ซึ่งสังเกตุได้จากยอดขายครึ่งปีแรกว่าตกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เดี๋ยวนี้รถจักรยานยนต์ ออกรถง่าย ดาวน์ 0% ก็มี รวมไปถึงรถ Bigbike ที่ยังคงโตขึ้นต่อเนื่องทุกๆปี
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของประเด็นรถไฟฟ้า EV มาแน่นอน แต่ยังต้องรอศึกษาตลาดก่อน รวมไปถึงการพัฒนาตัวเทคโนโลยี แบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าด้วย จึงยังไม่สามารถระบุเวลาแน่ชัดได้
อย่าง CUB EV ที่มาโชว์ในงาน Motor Show 2016 ที่ผ่านมา สามารถวิ่งได้ประมาณ 70 กม./ชม. และในส่วนของแบตเตอรี่ ในปัจจุบันรถจักรยานยนต์ยังวิ่งได้เพียงระยะทางสั้นๆ
ซึ่งหากดูรถไฟฟ้า แบรนด์อื่นๆ อย่าง KTM Free Ride E ก็จะวิ่งได้เพียงระยะสั้นๆ และตัวรถมีราคาแพง เน้นเอาไว้ใช้งานแบบกิจกรรม Lifestyle ขี่สนุกมากกว่า ใช้เพื่อประหยัดพลังงานในปัจจุบัน
หรือแม้กระทั่งแบรนด์ Zero ที่ทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นรถไฟฟ้าที่มีสมรรถนะสูง เทียบเท่ารถจักรยานยนต์ Bigbike และมีราคาแพง ซึ่งหากมองรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ณ ขณะนี้คงยังไม่ได้ทำมาเพื่อใช้ประหยัดพลังงานอย่างแน่นอน
สำหรับในอนาคต เชื่อว่าคนไทยจะต้องได้มีโอกาสใช้รถไฟฟ้า EV แน่ ตัวรถสามารถจดทะเบียนได้ถูกต้องตามกฎหมาย
ซึ่งจะนับจาก กำลัง watt ของมอเตอร์ไฟฟ้านั่นเอง
ขณะที่การสัมภาษณ์ คุณอารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร A.P.Honda ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับศูนย์ฝึก Honda Safety Riding Park แห่งนี้ที่ใช้งบลงทุนกว่า 600 ล้านบาท (ไม่รวมอุปกรณ์ และรถ) ทาง A.P.Honda เน้นในเรื่อง Safety และความปลอดภัย ทักษะให้กับผู้ขับขี่เป็นสำคัญ
ซึ่งในหลักสูตรการสอนนั้น จะเคร่งกว่าการไปเรียนกับที่กรมขนส่งเพื่อทำใบขับขี่ เพราะของเรา เรียน 15 ชม. ใช้เวลา 2 วัน
โดยมีครูผู้ฝึกสอนที่มีประสบการณ์ ทั้งในการแข่งขัน และอบรม Safety Riding จากญี่ปุ่นมาถ่ายทอด โดยมีอัตราส่วนการดูนักเรียน 1/10 คน ซึ่งมั่นใจได้ว่า จะดูแลการสอนได้อย่างทั่วถึง
คุณครูหลายคน จาก กทม. ได้ถูกย้ายขึ้นมาประจำการสอนที่เชียงใหม่นี้
นอกจากนี้ยังมีแผนเปิด Honda Safety Riding Park ในภูมิภาคอื่นๆ อีกด้วย หลังจากที่เปิดที่เชียงใหม่ และ ภูเก็ต แล้ว
โดยมีแผนจะเปิดที่ภาคอีสาน (อุดรธานี ในอีก 3 ปี), จังหวัดใหญ่ๆ อื่นๆ เช่น หาดใหญ่ เพชรบุรี ต่อไปในอนาคต
อ่านบทสัมภาษณ์อื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าว Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ