รีวิว Harley-Davidson Street Rod 750 สัมผัสแรก Hot Rod มิดไซส์สูบ V กับสไตล์ที่หลากหลาย

0

หากเพื่อนๆ ที่เป็นแฟน Captain America ได้ชมภาค Civil War เมื่อปีที่แล้วกันไปแล้ว คงยังจำฉาก Winter Soldier บิด Harley-Davidson หนีการไล่ล่าจาก Black Panther กันได้

New-Harley-Civilwar2
ซึ่งนั่นเป็นการปรากฎกลายครั้งแรกของ Harley-Davidson Street Rod 750 ซึ่งถือได้ว่าเป็นโฉม Prototype ก่อนที่จะเปิดตัว Production เป็นครั้งแรกในโลกช่วงเดือน มี.ค. ปีนี้

Harley_BIMS2017_0016_resize
หลังจากนั้นครึ่งเดือน ในงาน Motor Show 2017 ที่ผ่านมา ทาง Harley-Davidson ประเทศไทย ได้เปิดตัวรถมิดไซส์น้องใหม่ล่าสุดในกลุ่ม Street นั่นคือ Harley-Davidson Street Rod 750 ซึ่งมีการผสมผสานในสไตล์ที่หลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน นั่นจึงทำให้มันมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งนับได้ว่าเป็นรถที่เหมาะแก่ผู้ที่อยากจะเริ่มต้นเข้ามาเล่นรถอเมริกันแบรนด์นี้

Harley-Davidson-Street-Rod-750_04
เมื่อช่วงวันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมาทาง AAS Harley-Davidson of Bangkok ได้จัดกิจกรรม Test Ride ให้แก่ สื่อมวลชน และลูกค้า ซึ่งทาง MotoRival ของเราได้รับเกียรติให้เข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้ด้วย เราจึงจะขอมานำเสนอรีวิว รีวิว Harley-Davidson Street Rod 750 สัมผัสแรก เจ้ามิดไซส์สูบ V คันนี้กันครับ

Harley-Davidson-street-rod-750
รูปลักษณ์
Street Rod 750 เป็นรถในกลุ่ม Street เป็นรถที่ต่อยอดจาก Street 750 เหมือนจับเอามาแต่ง Custom ใหม่ ให้พอมีกลิ่นอาย Sport Bobber ผสมกับรถสไตล์ Hot Rod ซึ่งจะว่าไปมันเป็นรถที่มีตัวตนที่หลากหลาย สำหรับรายละเอียดที่ต่างจาก Street 750 ได้แก่

Harley_BIMS2017_0008_resize
เพิ่มแผ่นบังเรือนไมล์ด้านบน ตัวไฟหน้ายังเป็นทรงกลม หลอด Halogen
ใช้แฮนด์บาร์แบบกางตรง ติดตั้งกระจกปลายแฮนด์ทรงกลม

Harley-Davidson-Street-Rod-750_03
โช้กหุ้มยางสไตล์คลาสสิค ปรับมาใช้แบบหัวกลับ
จานเบรกหน้าเดี่ยว ใน Street 750 ถูกให้มาเป็นหน้าคู่ใน Street Rod

Harley_BIMS2017_0006_resize
ไฟท้ายเป็นแบบ LED ซึ่งวิ่งเป็นเส้นโค้งอยู่กรอบด้านบน
พร้อมไฟเลี้ยว LED ทรงกลม ที่กรอบนอกมีโลโก้ Harley-Davidson อยู่

Harley_BIMS2017_0013_resize
ท่อไอเสียออกข้างขวาต่ำ พ่นสีดำด้าน พร้อมยางสำหรับวางส้นเท้า

Harley_BIMS2017_0005_resize
ล้ออัลลอยขอบ 17” ที่มีจุดเด่นที่ยาง Michelin Scorcher 21 ซึ่งเป็นยางที่ทางมิชิลิน ได้จัดทำมาเป็นพิเศษ ซึ่งจะมีโลโก้ Harley-Davidson ประทับอยู่
ฝาถังน้ำมันทรงกลมสไตล์ Classic

Harley-Davidson-Street-Rod-750_02
มาตรวัดเป็นแบบถ้วยกลม โดยมีตัวเลขดิจิตอลขนาดเล็กอยู่ด้านล่าง
สวิทช์ไฟซ้าย-ขวา เป็นเหมือนปกติทั่วไป ไม่มีอะไรพิเศษ

Harley_BIMS2017_0014_resize
มิติรถ
น้ำหนักตัว Wet Weight 238 กก.
ความสูงเบาะ 765 มม.
ความจุถังน้ำมัน 13.1 ลิตร

Harley-Davidson-Street-Rod-750_13
ท่านั่ง
ทันทีที่ผู้เขียนนั่งคร่อม แอบรู้สึกว่าท่านั่งเจ้า Street Rod 750 นี้เป็นรถที่มีท่านั่งที่ดูแปลก
ตำแหน่งเบาะ ดูเป็นสไตล์ครุยเซอร์นั่งจม เบาะไม่สูงนัก แต่ตำแหน่งวางขาดูจะยกสูงเสียหน่อย ทำให้ต้องงอเข่าชันไปข้างหน้าพอควร จึงอาจจะเมื่อยก้นกันบ้าง

Harley-Davidson-Street-Rod-750_05
จะว่าไปแล้ว ท่านั่งเรียกได้ว่าเป็น Bobber ก็เห็นจะได้ (Bobber จะนั่งหลังคร่อมกว่าเล็ก Street Rod เล็กน้อย) จะนั่งให้เท่ ต้องนั่งแบะขาแบบนักเลงมะกัน

Harley_BIMS2017_0012_resize
นอกจากนี้การใช้แฮนด์บาร์แบบกางตรง ให้การบังคับเลี้ยวนั้นดูอาจจะต้องเอียงไหล่ช่วยหน่อย แบบรถ Moto (Lean Out) เมื่อเลี้ยวด้วยความเร็วต่ำ

Harley-Davidson-Street-Rod-750_15
ในส่วนของความคล่องแคล่วในเมืองนั้น ก็ถือได้ว่า พอไปได้ ตามชื่อกลุ่ม Street สำหรับใช้งานในเมือง
น้ำหนักตัวกลางๆ กับรถสไตล์นี้ ยังพอให้พลิกซอกแซกได้ แต่ถ้ารถติดมาก ต้องระวังกระจกปลายแฮนด์ ที่จะไปเกี่ยวกระจกรถยนต์

Harley_BIMS2017_0007_resize
ด้วยตำแหน่งวางเท้าทางด้านขวาอาจจะดูเกะกะบริเวณหน้าแข้งนิดจากตำแหน่งกรองอากาศที่ยื่นออกมา พร้อมกับบริเวณส้นเท้านั้นจะต้องเหยียบลงบนตำแหน่งวางท่อไอเสีย ทาง HD จึงได้วางแป้นยางสำหรับรองเหยียบมาให้ แต่อย่างไรก็ดีพื้นที่บริเวณนั้นยังร้อนดังนั้นหากต้องใส่รองเท้าขี่ควรเป็นรองเท้าที่มีความหนา ไม่ควรใช้รองเท้าพื้นยางเพราะอาจทฃำให้มันโดนความร้อนละลายเสื่อมสภาพได้

Harley_BIMS2017_0011_resize
เครื่องยนต์ High Output Revolution X™ 750cc V-Twin ความจุ 749cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีกำลัง 69 แรงม้า @8750rpm แรงบิด 61Nm@4,000rpm โดยส่งกำลังผ่านเกียร์ 6 Speed

Harley-Davidson-Street-Rod-750_2
ในด้านของการทดสอบนั้นจะเป็นการทดสอบแบบสั้นๆ ออกจากศูนย์ฯ วิ่งบนเส้นวิภาวดี และ U-Turn 2 รอบกลับเข้าศูนย์ฯ ซึ่งมีการจราจรค่อนข้างติดขัด และ มีช่วงให้พอซอกแซก ก่อนที่จะมีจังหวะให้ได้ซัดลองสมรรถนะกันได้บ้างแบบเล็กๆ น้อยๆ พอหอมปากหอมคอ ผู้เขียนขอรวบรัด ในเรื่องของขุมพลังดังนี้

Harley-Davidson-Street-Rod-750_14
ทอร์คในช่วงออกตัวนั้นถือว่าหนักกำลังดี เกียร์ต้นๆ กำลังดีจัดจ้านพอตัว เหมาะแก่เร่งแซงใช้งานในเมือง ดูทรงอามรมณ์ใกล้เคียงรถสปอร์ตมิดไซส์ ซึ่งคันเร่งถือได้ว่าควบคุมได้ง่ายไม่กระชากจนน่ากลัว เหมือนพี่ๆ ที่ใช้บล็อกใหญ่ กำลังช่วงปลายนั้น ก็ถือว่าแรงพอประมาณ ไม่หวือหวาแบบรถสปอร์ตเน้นรอบจัด การขี่ลากรอบสูงๆ ไปดึงกำลังดีแต่แอบมีตื้อช่วงปลายๆ ถ้าจะให้บิดสนุกมือ น่าจะช่วงรอบใช้งานช่วงกลางกำลังดี

อาการสั่นนั้นมีให้พบบ้าง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่สั่นจนสะท้านน่ารำคาญแต่อย่างใด ขี่ได้แบบรื่นๆ ไปต่อยาวๆ ได้สบาย

Harley-Davidson-Street-Rod-750_12
ในด้านของความร้อนนั้น จากเดิมที่ใช้ระบายความร้อนด้วยหม้อลม อย่างรุ่นเก่าๆ เช่น 883 ที่ถือได้ว่าร้อนพอสมควร เจ้า Street Rod 750 นี้แม้จะปรับมาใช้แบบหม้อน้ำ ก็ถือว่ายังร้อนอยู่ หากต้องขี่ในพื้นที่การจราจรคับคั่ง ร่วมกับอากาศเมืองไทยที่ร้อนระอุ ไอความร้อนแผ่ออกมาให้สัมผัสที่บริเวณหน้าขา ซึ่งจะว่าไปก็ถือได้ว่าเป็นปกติสำหรับรถในพิกัดระดับนี้ แต่ถ้าขี่ด้วยความเร็วเดินทางแล้วไม่ถือเป็นปัญหา เพราะอากาศร้อนถูกพัดพาไปกับลมที่โกรกผ่านเข้ามา

นอกจากนี้ Engine Brake นั้นไม่หนักมาก ยังสามารถลดเกียร์ลงช่วยเบรก ได้โดยไม่ต้องกลัวรถกระตุกหนัก จึงช่วยให้บาลานซ์รถยังพอทำได้ดี

Harley_BIMS2017_0009_resize
ระบบกันสะเทือน
ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ USD ขนาดแกนใหญ่ 43 มม.

Harley-Davidson-Street-Rod-750_01
ด้านหลังโช้กคู่ พร้อมซับแท้งค์ ที่วางเฉียงแบบสปอร์ต

Harley-Davidson-Street-Rod-750_06
การปรับเซ็ทช่วงล่าง แบบเดิมนี้ ดูออกแนวสปอร์ตอย่างชัดเจน ช่วงล่างติดอาการแข็ง แบบหนักๆ
เมื่อขี่ผ่านช่วงเนิน พบว่าระยะ Bump ของโช้กอัพดูหนักแน่น ไม่มีย้วย แต่ซัดมาเร็วๆ แอบเด้งแข็งเจ็บก้นนิด เนื่องจากตำแหน่งเบาะที่ดูจมลงด้วย โดยรวมถือว่าแตกต่างจาก Iron 883 หรือ Street 750 ที่ดูจะให้ความเป็นทัวริ่งที่นั่งสบายๆ กว่ามาก

สำหรับการเลี้ยว หรือ พลิกโค้งรถนั้นผู้เขียนได้มีโอกาสเพียง 2 U-Turn พบว่า ด้วยตำแหน่งท่านั่งแปลกๆ จากแฮนด์บาร์กางตรง จึงเอื้อต่อการเลี้ยวด้วยวิธี Lean Out ในแบบรถ Moto จะช่วยให้เลี้ยวได้ง่ายกว่า มั่นใจกว่าเมื่อใช้ความเร็วไม่สูงอย่างสะพานกลับรถ

Harley-Davidson-Street-Rod-750_03
ขณะที่ระบบเบรก ABS ด้านหน้าเป็นแบบจานดิสก์คู่

Harley-Davidson-Street-Rod-750_08
การใช้เบรกมีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่า 883 หรือ Street 750 ที่เป็นจานเดี่ยว แต่ผู้เขียนพบว่า ยังต้องกำลงน้ำหนักให้ลึกหน่อย เพราะช่วงระยะฟรีมีช่วงมากอยู่นิด ไม่ได้เซ็ทเหมือนรถสปอร์ตที่เบรกจิกแน่นไม่ต้องลงน้ำหนักเยอะ ดังนั้นหากซัดมาเร็วๆ ก็ต้องลงน้ำหนักก้านเบรกให้มากหน่อย

ดังนั้นการลดเกียร์ลงช่วย ทำ Engine Brake ซึ่งตามที่ได้กล่าวไปข้างต้นแรงกระตุกของเครื่องยนต์ต่ำกว่ารุ่นเก่าอย่าง 883 ทำให้ควบคุมบาลานซ์รถได้ง่าย

Harley-Davidson-Street-Rod-750_Pon
ในด้านของการทำงาน ABS นั้นตัวเซ็นเซอร์จะอยู่ภายในลูกปืนล้อ ซึ่งจะแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ที่มีร่อง ABS อยู่บนจานเบรกเลย ในการทำงานของระบบ ABS นั้นผู้เขียนไม่ได้เบรกหนักถึงจังหวะที่ทำงาน ในการทดสอบเพียงสั้นๆ นี้ จึงยังไม่อาจบอกได้ว่าการทำงานตอบสนองไว เพียงใด

Harley-Davidson-Street-Rod-750_11
สรุป Harley-Davidson Street Rod 750 กับราคาเริ่มต้น 5.29 แสนบาท
แพงกว่า Street 750 อยู่เกือบ 1 แสนบาท แต่แลกมาด้วยออปชั่นที่ดีขึ้น และสไตล์ที่หล่อกว่า
หากคุณอยากจะสัมผัสแบรนด์รถ Harley-Davidson รุ่นเริ่มต้นสักคัน ในพิกัดขนาดกลาง มีรูปลักษณ์ และการขี่ในแบบสปอร์ต แต่งมาให้แล้ว แทบไม่ต้องไป Custom ต่อ เจ้า Street Rod 750 คันนี้น่าสนใจไม่เบาทีเดียว

Harley-Davidson-Street-Rod-750_07
จุดเด่น
– รูปลักษณ์ที่เท่ เหมือนถูก Custom มาแล้วไม่ต้องไปแต่งต่อ
– ดิสก์เบรกหน้าตู่ + โช้กหน้า USD

Harley-Davidson-Street-Rod-750_09
ข้อสังเกตุ
– ฝาถังน้ำมันดูเรียบไปหน่อย
– งานสีบางชิ้นส่วนยังไม่เรียบนัก เช่น บริเวณตุ๊กตาแฮนด์

ขอขอบคุณ AAS Harley-Davidson of Bangkok
ภณ เพียรทนงกิจ Test Drive + Photos
สุภิญญา ชำนาญกุล Photos

อ่าน รีวิว อื่นๆเพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าว Harley-Davidson เพิ่มเติมได้ที่นี่

เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ

Share.

About Author

Background EXP in Automotive journalists more than 10 Years Writer & Test Driver @Pantip Garage 2018-Present @9carthai 2015- 2017 @Torque & VIPStyle Magazine 2015 @Autospinn 2012-2015 @GTmania.tv 2009-2010

error: Content is protected !!