Tips Trick: Ram Air คืออะไร? ทำไมของมันต้องมีถ้าอยากแรง?

ในปัจจุบันตั้งแต่รถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหญ่ระดับ 1,000cc ขึ้นไป จนถึงสปอร์ตไบค์ร่างเล็กระดับ 150cc ต่างก็มีสิ่งหนึ่งที่ติดตัวมาให้ตั้งแต่โรงงานเหมือนกัน นั่นก็คือ Ram-Air ที่เหมือนกับสัญลักษณ์ที่ใช้บ่งบอกว่ารถมอเตอร์ไซค์คันนี้จะต้องแรงกว่ารถมอเตอร์ไซค์ทั่วไปอย่างแน่นอน ซึ่งในบทความ Tips Trick วันนี้เราจะมาพูดถึง หลักการ, ข้อดี, ข้อเสียของเจ้าสิ่งนี้กันครับ

แต่ก่อนที่เราจะเล่าหรืออธิบายให้ฟังว่า Ram-Air มีส่วนช่วยยังไง งานนี้เราคงต้องขอพาเพื่อนๆมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า หลักการการทำงานของเครื่องยนต์ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันนั้น จำเป็นจะต้องมีน้ำมันและอากาศ (จริงๆคือก๊าซออกซิเจน) มาเป็นตัวสันดาปกัน เพื่อให้แรงระเบิดที่ได้จากการสันดาปนี้ผลักลูกสูบลงไปดันข้อเหวี่ยงและเอาแรงที่ได้ไปหมุนล้อขับเคลื่อนเป็นลำดับสุดท้าย

ซึ่งแรงระเบิดจากการสันดาปในแต่ละครั้งนั้นจะมากจะน้อย หลักๆแล้วก็จะขึ้นอยู่กับ “ปริมาณอากาศ” และ “น้ำมัน” ที่ผสมกันภายในลูกสูบ โดยในส่วนของน้ำมันนั้นเราสามารถสั่งจ่ายเข้ากระบอกสูบมากน้อยแค่ไหนก็ได้จากการปรับจูนอัตราการจ่ายน้ำมันที่กล่องควบคุม (หรือนมหนูสำหรับคาบูเรเตอร์)

แต่กับอากาศนั้นจะไหลเวียนเข้าสู่กระบอกสูบได้มากหรือน้อย ก็ต้องขึ้นอยู่กับขนาดของ หม้อกรอง, ลิ้นเร่ง, และท่อไอดี อีกทีว่าจะสามารถออกแบบให้อากาศไหลเวียนเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้ดีแค่ไหน และลูกสูบจะสามารถดูอากาศเข้าไปได้มากเท่าไหร่

อย่างไรก็ดีการจะอาศัยให้ลูกสูบดูดอากาศจากหม้อกรองเข้ามาผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยตัวเองเพียงอย่างเดียวก็คงไม่สามารถสร้างการสันดาปที่มีประสิทธิภาพและรุนแรงได้เท่าไหร่นัก เพราะบางครั้งอากาศภายในหม้อกรองมีไม่พอให้ดูดเข้าไปในกระบอกสูบเพื่อเผาไหม้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับช่วงรอบสูงๆ)

และด้วยเหตุนี้ ทำให้เหล่าวิศวกรเริ่มหาทางที่จะทำยังไงก็ได้ให้อากาศมาอออยู่ในหม้อกรองไอดีให้มากที่สุด ซึ่งนี่แหล่ะครับ คือที่มาของเจ้า Ram-Air พระเอกของเราในครั้งนี้

โดยสำหรับหน้าที่หลักของ “Ram Air” นั้นแท้จริงแล้วหากจะให้นิยามแบบสั้นๆก็คือ “มีไว้เพื่อดักอากาศให้ไหลเข้ามาสู่หม้อกรองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” ดังนั้นเราจึงเห็นกันอยู่เสมอๆว่าเจ้าท่อ Ram-Air ตัวนี้มักจะถูกเดินท่อมาไว้ที่ด้านหน้าสุดของตัวรถเสมอเพราะมีอากาศพุ่งเข้ามาปะทะมากที่สุด

และนอกจากปริมาณอากาศที่เข้าสู่หม้อกรองจากการมี Ram-Air จะมากกว่าปกติแล้ว ความหนาแน่นของอากาศที่ถูกป้อนเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้ยังมากกว่าแบบหม้อกรองปกติที่ไม่ได้ต่อ Ram-Air ด้วย เพราะอากาศภายนอกด้านหน้ารถนั้นเย็นกว่าอากาศรอบๆเครื่องยนต์ที่ปกติหม้อกรองแบบธรรมดามักดูดเข้าไป (ยิ่งอากาศเย็นเท่าไหร่ ความหนาแน่นยิ่งมีมากเท่านั้น) ซึ่งเรื่องนี้เองก็ส่งผลถึงประสิทธิภาพในการเผาไหม้เชื้อเพลิงด้วย

แต่ในเมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสียครับ เพราะด้วยความที่ว่าการต่อท่อ Ram-Air เข้าสู่หม้อกรองโดยตรงนั้น ย่อมหมายถึงความเสี่ยงที่วัตถุขนาดใหญ่จะถูกดูดเข้าไปพร้อมกับอากาศด้วย เนื่องจากโดยปกติแล้ว ท่อ Ram-Air นั้นจะมีไม่มีชิ้นกรองใดๆขวางอยู่เลย (เต็มที่ก็แค่ตระแกรงซี่ห่างๆเท่านั้น) และแน่นอนว่าพวกเศษฝุ่นเล็กๆนี่แทบไม่ได้พูดถึง นั่นจึงหมายความว่ากรองอากาศมีความเสี่ยงที่จะตันง่ายขึ้นกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด แถมเครื่องยนต์ยังมีความเสี่ยงที่จะเสื่อมสภาพไวกว่าปกติด้วย เพราะเศษฝุ่นสามารถเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้ง่ายนั่นเอง

นอกจากนี้แล้ว ใช่ว่าหากเพื่อนๆนึกจะติด Ram-Air ให้กับรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองแล้วมันจะแรงขึ้นนะครับ เพราะส่วนใหญ่แล้วการที่จะเห็นผลได้ว่าตัวท่อ Ram-Air สามารถดักอากาศไหลเวียนเข้าสู่ห้องเผาไหม้มากกว่าปกติจริง ตัวรถที่ใช้อยู่จะต้องทำความเร็วได้มากพอสมควร (เกิน 150-200 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไปนู่นเลยทีเดียว) ดังนั้นหากโดยพื้นฐานแล้วตัวรถสองล้อคู่ใจที่เพื่อนๆใช้อยู่ไม่ได้เร็วขนาดนั้นก็ถือว่าจบครับผม

อ่านข่าว Tips-Trick เพิ่มเติมได้ที่นี่

เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ