รีวิว Triumph Speed Twin “บอนนี่ 1200 ที่ขี่สนุกควบคุมดีที่สุด” พร้อมชนโมเดิร์นคลาสสิคฝั่งญี่ปุ่น

0

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทาง MotoRival เราได้รับเกียรติจากทาง Triumph Motorcycles Thailand ในการเข้าร่วมทดสอบ Triumph Speed Twin ใหม่ เป็นกลุ่มแรกๆในโลก ที่เกาะ Mallorca ประเทศสเปน บนเส้นทางที่ถือเป็นดินแดนแห่งฝัน ทั้งอากาศที่หนาวเย็น เห็นท้องทะเลเมดิเตอร์เรนียน ว่าแต่จะน่าสนใจขนาดไหน เรามาชมกันใน รีวิว Triumph Speed Twin ใหม่ กันเลยครับ

Review-2019-Triumph-Speed-Twin-Cover_2
ในคืนวันก่อนทดสอบ ได้มีการประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของประเทศไทย พร้อมกับ 3 ประเทศยุโรป ซึ่งราคาของไทย เราอยู่ที่ 5.76 แสนบาท ซึ่งเท่ากับราคาประมาณการณ์ ที่ คุณจักรพงษ์ ศานติรัตน์ ได้บอกเอาไว้ตั้งแต่เปิดตัวในบ้านเราที่งาน TIME2018 ไปเมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา ซึ่ง Speed Twin ใหม่ นี้ จะมีให้เลือกด้วยกัน 3 สี ได้แก่ Korosi Red/ Storm Grey, Silver Ice Storm Grey และ Jet Black ตัวรถพร้อมส่งมอบในช่วง ก.พ. เดือนหน้า

Review-Triumph-Speed-Twin_7
ก่อนอื่นเลย Speed Twin ถือเป็นรถโมเดิร์นคลาสสิคคันล่าสุด จากตระกูล Bonneville 1200 ที่ดูเผินๆ เหมือนจะเป็น Street Twin ในร่าง เครื่องยนต์ 1200 ที่มากับรูปลักษณ์ให้โดดเด่น และ สมรรถนะที่ร้อนแรงจากขุมพลัง 1200 HP (จูนกำลังแรงสุดแบบเดียวกับ Thruxton R รวมถึงเทคโนโลยีด้วย) ในขณะที่ Bonny 1200 ตัวอื่นจะเป็นรหัส 1200 HT แต่ที่จริงแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น นอกจากนี้ทาง Triumph ได้เปิดเผยว่า การพัฒนา ไลน์อัพ ของ Speed Twin ใหม่ นี้ หวังมาสร้างมาตรฐานใหม่ ให้กับรถโมเดิร์นคลาสสิค สายโรดสเตอร์ ที่ให้การควบคุมที่ดี คล่องแคล่ว แม่นยำ ขี่คอนโทรลทำได้ง่าย ซึี่งพร้อมชนกับหลายๆ แบรนด์ ทั้งฝั่งยุโรป และ ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น BMW R NineT, Yamaha XSR900, Honda CB1100RS, Kawasaki Z900RS เป็นต้น เอาเป็นว่าพร้อมแล้ว มาเข้าเรื่องกันเลย

2019-Triumph-Speed-Twin-thai-launch-18
Triumph Speed Twin ยังคงสไตล์ในรูปแบบคลาสสิค แต่แฝงความโมเดิร์น ด้วยไฟหน้าทรงกลมพร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED ตามแบบฉบับ Bonneville เครื่อง 1200 ใหม่ หลายๆ รุ่น

2019-Triumpj-SpeedTwin_Taillight
ไฟท้าย LED รูปทรงใหม่ ขนาดเล็ก กะทัดรัด
ถูกติดตั้งอยู่เหนือบังโคลนท้ายอลูมีนัมปัดเงา
พร้อมกับไฟเลี้ยวใหม่ หันมาใช้แบบ LED ทั้งหน้า-หลัง

2019-Triumph-Speed-Twin-thai-launch-08
เบาะนั่งยาวตอนเดียว ในสไตล์แบบ Street Twin

2019-Triumph-Speed-Twin-thai-launch-09
ล้อซี่ลวด ที่เราพบใน Bonneville รุ่น อื่นๆ เกือบทุกรุ่นนั้น ไม่ถูกนำมาใช้ใน Speed Twin เพราะ มันถูกสวมด้วยล้ออัลลอย ในแบบเดียวกับ Street Twin เพียงแต่
Speed Twin เลือกใช้ล้อ 17″ เท่ากันทั้งหน้า-หลัง โดยหน้ากว้าง 3.5″ ด้านหลังกว้าง 5″ และถ้าดูที่ลวดลายแล้วจะรู้สึกคล้ายของ Machesini

7J9A9996_GRD_RT
นอกจากนั้นยังสร้างความแตกต่างด้วยการสวมยางสปอร์ตซีรีส์ Diablo Rosso III แทนยางตระกูลคลาสสิคอย่าง Phantom เพื่อเน้น Performance ในการเข้าโค้ง ไซส์ยางหน้า 120/70 และหลัง 160/60

ในส่วนรูปทรงท่อไอเสียออกคู่เป็นแบบ Megaphone

2019-Triumph-Speed-Twin-thai-launch-10
ชุดแฮนด์บาร์ + กระจกมองหลังติดปลายแฮนด์ยกมาจาก Street Triple RS 765 ดูเท่ และสปอร์ตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

Triumph-Thruxton-R-Detail_23
ก้านคลัทช์ปรับได้ 4 ระดับ ขณะที่ก้านเบรกปรับระดับได้ด้วยการหมุนทำให้มีความความละเอียดสูง

2019-Triumph-Speed-Twin-thai-launch-17
ชุดพลาสติกครอบแบตเตอรี่ทางด้านข้างนั้น มีดีไซน์ใหม่ ดูสปอร์ตขึ้น พร้อมโลโก้ Speed Twin
รวมไปถึง แบตเตอรี่แบบใหม่ ที่ขนาดเล็กลง

2019-Triumph-Speed-Twin-thai-launch-07
ฝาถังน้ำมันแบบ Monza อลูมีนัมปัดเงา มอบความคลาสสิค ขณะที่ตัวถังน้ำมันดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ มากับสายรัดถังน้ำมันพาดกลาง

Triumph-Thruxton-R-Detail_22
เมื่อเปิดเบาะขึ้น จะพบกับช่อง USB Socket เอาไว้สำหรับชาร์จไฟมือถือได้ในขณะที่เรากำลังขี่ ซึ่งจะพบได้ในตระกูล Bonneville ใหม่ทุกรุ่น

2019-Triumpj-SpeedTwin_Meterมาตรวัดแบบอนาล็อกปนดิจิตอล ทรงถ้วยคู่ ทางฝั่งซ้ายวัดความเร็ว ฝั่งขวาวัดรอบเครื่องยนต์
โดยวัดความเร็ว คันที่เราทดสอบที่ยุโรป หน่วยด้านนอกเป็นไมล์ และด้านในเป็น กม. แต่เวอร์ชั่นที่จำหน่ายในไทยเรา จะบอกความเร็วเป็น กม.

หน้าจอดิจิตอล ทางด้านซ้ายแสดงผล Odo, เซ็ททริป, อัตราสิ้นเปลือง, TTC ปิดได้, บอกตำแหน่งเกียร์
ทางฝั่งขวาเป็น เกจ์น้ำมัน, Riding Mode, ระยะทางคงเหลือที่วิ่งได้

2019-Triumph-Speed-Twin-thai-launch-13
สวิทช์ทางฝั่งซ้ายมีปุ่ม i ที่ใช้ตั้งค่าต่างๆ และปุ่มไฟ Pass (เมื่อเปิดไฟ DRL แต่ถ้าเปิดไฟหน้าปกติ จะทำหน้าที่เป็นสวิทช์ไฟสูงซึ่งต้องกดเปิด-ปิด) ปุ่ม Mode คือ ปุ่มปรับ Riding Mode ได้ 3 รูปแบบ (Rain, Road, Sport)

2019-Triumph-Speed-Twin-thai-launch-14
ขณะที่สวิทช์ไฟฉุกเฉินจะไปอยู่ทางฝั่งขวา

Review-2019-Triumph-Speed-Twin-Cover_5
มิติรถ 2019 Speed Twin
มีความสูงเบาะที่ 807 มม.
น้ำหนักตัว 196 กก. (Dry) เบากว่า Thurxton R ถึง 7 กก. ได้อานิสงส์ จาก ล้ออัลลอย, แบตเตอรี่ที่เล็กลง, เฟรมใหม่, รายละเอียดภายในเครื่องยนต์ใหม่
ความจุถังน้ำมัน 14.5 ลิตร

Review-Triumph-Speed-Twin_Hand-Positionด้านท่านั่งและการใช้งานขับขี่
Speed Twin นี้ ถือเป็นรถในกลุ่มคลาสสิค ที่มีท่านั่งที่แตกต่างจากเพื่อนหลายๆ คัน เนื่องจากการเลือกใช้แฮนด์บาร์แบบ Street Triple RS แทนแฮนด์ทรงคลาสสิค
ทำให้มันมีความคล่องแคล่วสูง ตำแหน่งดูเหมาะสมคอนโทรลง่าย

และหากเทียบกับ Thruxton R ที่มี Performance ขี่สนุกในระดับเดียวกัน พบว่ามันขี่ได้สนุก และควบคุมได้ง่ายสบาย คล่องตัวกว่าเยอะเลย

Pon-Triumph-Speed-Twin_03ในขณะที่ตำแหน่งพักเท้านั้น ถือว่า เตี้ยกว่า 4 มม. และ เขยิบมาทางด้านหน้ามากกว่าอีก 38 มม. ด้วย จึงทำให้นั่งได้สบายกว่า ขี่นานๆ ทั้งวันก็ไม่เมื่อยนัก

ตัวเบาะ 807 มม. เทียบความสูงระดับนี้ใกล้กับรถ Naked Roadster ฝั่งญี่ปุ่น หลายรุ่น แต่เวลานั่งคร่อมรถจริง ผู้ขี่สูง 174 ซม. สวมรองเท้าบูท ก็ถือว่านั่งคร่อมรถหย่อนขาได้สบายๆ เนื่องจากตัวเบาะนั่งบริเวณช่วงที่ใกล้กับถังน้ำมันนั้น ค่อนข้างแคบ

Pon-Triumph-Speed-Twin_09อย่างไรก็ดี เนื่องจากเราขี่ใช้งานที่ Mallorca สเปน แทบไม่เจอกับสภาพการจราจรรถติดในเมืองเลย ส่วนใหญ่เป็น ทาง High way + ขึ้นลงเขา เน้นการคอนโทรล เสียมากกว่า เบื้องต้นทางเรามองว่า ความคล่องตัวนั้น ใกล้เคียงกับ Street Triple RS เลย เนื่องจากทรงแฮนด์ ที่ใกล้เคียงกัน

2019-Triumph-Speed Twin Engine_1เครื่องยนต์ 1200HP (High Power) ระบายความร้อนด้วยน้ำ แบบ 2 สูบเรียง SOHC ความจุ 1,199cc ให้กำลัง 97 PS@6,750rpm และแรงบิด 112 Nm@4,950rpm ส่งกำลังผ่านเกียร์ 6 Speed มาพร้อมระบบ Slip Assist Clutch

2019-Triumph-SpeedTwin-Graphถ้าให้เทียบกำลัง แบบเข้าใจง่าย กับตัวเครื่อง 900 ล่ะก็ มันแรงกว่า Street Twin MY18 ถึง 76% และ แรงกว่า MY19 ถึง 49% ขณะที่แรงบิด มากกว่า Street Twin MY19 ถึง 40% ด้วยกัน

2019-Triumph-Speed Twin Engine_3จุดภายในเครื่องยนต์ที่แตกต่างจาก Thurxton R ได้แก่ การใช้ฝาแคม แมกนีเซียม, ปรับปรุงชุดคลัทช์ใหม่ และ ฝากแคร้งเครื่องยนต์ ใหม่ ตรงนี้ทำให้มันสามารถลด นน. เครื่อง ลงไปถึง 2.5 กก. เมื่อเทียบกับ Thurxton R

2019-Triumph-Speed Twin Engine_2Riding Mode ปรับได้ 3 แบบ คือ Rain, Road, Sport
เริ่มต้นออกตัว ทันทีที่กำคลัทช์ ต้องขอบคุณระบบ Slip Assist Clutch มันช่วยให้น้ำหนักเบาผ่อนแรงนิ้วมือได้พอประมาณ

Review-2019-Triumph-Speed-Twin-Cover_1ด้านเสียงเครื่องยนต์ที่ดังผ่านท่อ Megaphone นี้ เสียงออกแตกๆ เล็กน้อย ดูอาจไม่ทุ้มเท่าท่อทรง Pea Shooters ใน T120 และ เสียงอาจไม่แผดดังเท่าปลายท่อตัดของ Bobber

Pon-Gary-Johnson
เริ่มแรกหลายคนคงยังไม่ชินมือ Marshall Leader กลุ่มไทยเรา ได้ Gary Johnson ดีกรีแชมป์ IOM TT 2 สมัย มานำให้ ได้แนะนำ ให้เราใช้ Rain กันก่อนเลย ซึ่งคันเร่งไฟฟ้าตอบสนอง แบบหน่วงๆหน่อย ทำให้เราไม่ต้องกลัวระวังกับคันเร่งมากไปนัก โหมดนี้มันจะช่วยคุณในจังหวะเปลี่ยนเกียร์ในช่วงเกียร์ 1-2 ป้องกันไม่ให้ล้อสลิป จนสูญเสีย Traction ด้วยซึ่งจะเข้ามาทำงานร่วมกับ TTC

Pon-Triumph-Speed-Twin_02พอเริ่มชินก็ค่อยมาใช้ Road ซึ่งการใช้งานบนถนนปกติ โหมด Road จะว่าเป็นมิตรก็เป็นมิตร แต่ถ้าเผลอเปิดคันเร่งเกินๆ ก็อาจจะเกรี้ยวกราดได้

Pon-Triumph-Speed-Twin_05แน่นอนว่า ทอร์คเยอะ เครื่องใหญ่ แรงบิดมาให้ใช้ทันทีตั้งแต่รอบต่ำ ราวๆ 2,000rpm ลากยาวเป็น Flat Torque ที่ระดับมากกว่า 100Nm ยาวไปจนถึง 6,000rpm + ก่อนที่จะเริ่มตื้อลง ซึ่งช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ได้ม้าสูงสุดชดเชยเข้ามา จนจบที่ก่อน 7,000rpm เริ่มตื้อแบบชัดเจน

ถ้าได้เปิดคันเร่งกระแทกพรวดเดียว ไปถึงช่วงสัก 3,000rpm จะว่าแรงดึงเอาเรื่อง หน้ายกได้ ซึ่งแรงดึงระดับนี้ ต้องหนีบถังให้ดีไม่งั้นอาจมีเหวอ

Pon-Triumph-Speed-Twin_06ที่จริงแล้ว ผมแอบใช้ Sport Mode ตั้งแต่ออกตัวไปได้สักไม่กี่ กม. แล้วล่ะ มันให้ความสนุกสนาน และเร้าใจยิ่ง คันเร่งติดมือมาก คือมันทำให้การไม่อยากกลับไปขี่โหมด Road อีกเลย

แต่ทว่า หลายจังหวะ ที่ออกจากโค้งและผมพยายาม เดินคันเร่งให้เร็วหน่อย แม้จะได้ยางสปอร์ตที่ดูดี แต่ อุณหภูมิที่นี่ช่างหนาวเย็น ระดับ เลขตัวเดียว มันก็ไม่ได้ช่วยให้ตัวยางมี Grip นัก ล้อท้ายปัดไปหลายรอบ ก็ยังดีที่ TTC เข้ามาช่วยเราด้วย

Pon-Triumph-Speed-Twin_08และยิ่งช่วงบนเขาที่พื้นเปียกชื้นจากหมอก และตะไคร่สีเขียวที่ติดอยู่บนพื้น ทำให้ผมต้องลดลงมาเหลือโหมด Road ซึ่งอย่างไรก็ดี เมื่อมันมือ ก็เผลอเปิดคันเร่งอย่างเมามันออกจากโค้งทุกที อาการท้ายปัดก็ยังมีมาให้เห็นอยู่เรื่อยจน ต้องค่อยๆ ใจเย็นลง รอตั้งลำให้ตรงก่อน และค่อยชูทคันเร่งจะดีกว่า

และขอบคุณทอร์คที่มาหนักหน่วง ในหลายช่วงที่ขึ้นเขา ผมแทบไม่ต้องลดเกียร์ลง และหลายครั้งที่แซงรถยนต์ช้า ก็สามารถกระแทกคันเร่งที่เกียร์ 6 ขึ้นไปได้เลย

Pon-Triumph-Speed-Twin_01
สำหรับ Top Speed ที่เคลมบน Thurxton R ระดับ 217 กม./ชม. บนรถที่เป็นแฮนด์บาร์แบบ Roaster เช่นนี้ ก็อย่าได้คาดหวังนัก เพราะขี่ที่ระดับ 140 กม./ชม. ลมก็ปะทะมากพอควรแล้ว ในทริปนี้ผู้เขียนซัดไปได้ที่ระดับ 170 กม./ชม. นี่ก็หนาวตัวแทบสั่น จนต้องหมอบเกือบติดถัง และผ่อนคันเร่งเสียแล้ว

Review-Triumph-Speed-Twin_6
ในส่วนของอัตราสิ้นเปลืองนั้น เราได้ตัวเลขที่ 54.5 mpg (19.29 กม./ลิตร) ตามมาตรวัด บนการวิ่งทั้งวัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทางขึ้น-ลงเขา ค่อนข้างเยอะ เลขไมล์บอกว่าระยะทางทั้งวันที่เราวิ่งไป 158.9 ไมล์ (255.7 กม.)

2019-Triumph-Speed-Twin-studio-06
ระบบกันสะเทือน เฟรมใหม่ ที่ได้รับการพัฒนามาจาก Thruxton R เน้นการขับขี่ในแบบรถ Roaster มากขึ้น

2019-Triumpj-SpeedTwin_Front-Fork
โช้กหน้า KYB ขนาดแกน 41 มม. มีระยะเคลื่อนตัว 120 มม.

โช้กหลังคู่ปรับ Preload ได้ มีระยะเคลื่อนตัว 120 มม. จาก KYB เช่นกัน

Pon-Triumph-Speed-Twin_07โดยรวมแล้ว ผู้เขียนค่อนข้างประทับใจมากทีเดียว เหมือนอย่างที่ทีม Engineer ของ Triumph ได้กล่าวไว้ว่า มันมาสร้างมาตรฐานใหม่ ให้กับกลุ่ม โมเดิร์นคลาสสิค ที่เน้น การควบคุม ที่ดีเยี่ยม แม่นยำคอนโทรลรถได้ง่าย และก็เป็นจริงตามนั้น หากเทียบกับคู่แข่งตามที่ผู้เขียนได้เคยสัมผัสไปบ้างแล้วนั้น เจ้า Speed Twin นี่ดูจะขี่คอนโทรลได้ง่าย เลี้ยวได้คล่องจริงๆ ต้องขอบคุณ นน. ตัว แฮนด์โรดสเตอร์ และ ซีรีย์ยาง ที่ทำให้มันเป็นรถตระกูล Bonneville ที่ขี่สนุก และควบคุมดีที่สุดเลยก็ว่าได้

Pon-Triumph-Speed-Twin_10สำหรับสเป็กช่วงล่างที่ด้านหน้าเป็นหัวตั้งปกติ มีกระบอกยางหุ้มโช้ก และปรับอะไรไม่ได้เลย มันดูไม่คอยจะดีนักเมื่อเทียบกับราคา แต่การใช้งานจริงช่วงล่างนี้บนเฟรมปรับปรุงใหม่ ผมว่ามันทำหน้าที่ได้ค่อนข้างดีเลยล่ะ เมื่อขี่คนเดียวบนสภาพการใช้งานเดินทางบนถนน ช่วงล่างดูไม่แข็งจนเกินไป ในขณะที่ไม่โหวง ที่ความเร็วสูงนัก

2019-Triumph-Speed-Twin-studio-07
ระบบเบรก ABS ทั้งหน้า-หลัง เบรกหน้าจานดิสก์คู่ ขนาด 305 มม. ใช้ปั๊มเบรกล่างแบบ Axial Mount Brembo คาลิปเปอร์ 4 สูบ

Triumph-Thruxton-R-Detail_23ด้านปั๊มเบรกบน เป็นปั๊มลอยของ Brembo เช่นกัน (แบบเดียวกับ Thurxton R)

ด้านหลังจานเดี่ยวขนาด 220 มม. ปั๊ม Nissin คาลิปเปอร์ 2 ลูกสูบ
ในด้านการใช้งาน ปั๊มน้ำมันลอย ให้ฟีลลิ่งหนึบแน่นมือดีพอควร

Review-2019-Triumph-Speed-Twin-Cover_3การใช้งานนั้น รู้สึกได้ว่าดีกว่า Bonneville 1200 รุ่นอื่นๆ ที่ใช้ปั๊มเบรกหน้า Nissin ได้ชัดเจน พละกำลังการจับเบรกดูหนักแน่นพอควร แต่ก็ยังรู้สึกไม่จิกเท่า Thruxton R

ขณะที่เบรกหลัง เราแทบไม่ค่อยรู้สึกมากนัก จนบางครั้งกดเยอะหนักไป ABS ก็เข้ามาช่วยทำงานเสียแล้ว

Review-Triumph-Speed-Twin_4
สรุป รีวิว Triumph Speed Twin ที่บินมาไกลกันถึง Mallorca สเปน ในครั้งนี้ ถือได้ว่า เป็นอีกหนึ่งทริปในฝันของนักขี่ ที่ได้ขี่บนเส้นทางดีๆ บนรถที่สวยงาม และขี่สนุกไม่ว่าจะพละกำลังที่แรง รวมไปถึงการคอนโทรลที่ทำได้ดีเยี่ยมในแบบรถ Naked Roaster เมื่อเทียบกับรถในคลาสเดียวกัน ตระกูล Modern Classic นั้น มันถือได้ว่า เป็นรถที่ดีเยี่ยมที่สุดคันหนึ่งในคลาสสนี้เลย

Review-Triumph-Speed-Twin_3หากเทียบกับระดับราคา 5.76 แสนบาท อาจจะมีจุดที่คุณน่าจะพอติ ได้คือ ช่วงล่างที่มันปรับอะไรไม่ได้มาก แต่ถ้าพอได้ขี่ดูก็จะรู้ว่ามันก็ไม่ได้แย่อะไรเลย นอกจากนี้ การได้สเป็กเครื่องและเทคโนโลยี แบบ Thruxton R รวมถึงรูปลักษณ์ดีไซน์ใหม่ เบรก Brembo มันกลับมีราคาถูกกว่า Bonny T120 อยู่อีก 2,000 บาท มองแบบนี้ ผมว่าค่าเสื่อมรถในระยะ 3 ปี แรกกับการซื้อความสุขให้ตัวเอง (สำหรับสาย Custom Classic) มันก็ไม่แพงไปหรอกนะ

Khun-Jake-Pon-Triumph-SpeedTwin
ขอขอบคุณ Triumph Motorcycles Thailand สำหรับทริปทดสอบ Triumph Speed Twin ใหม่ ณ ประเทศสเปน
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver

อ่านข่าว Triumph เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านรีวิวรถอื่น เพิ่มเติมเติมได้ที่นี่

เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ

Share.

About Author

Background EXP in Automotive journalists more than 10 Years Writer & Test Driver @Pantip Garage 2018-Present @9carthai 2015- 2017 @Torque & VIPStyle Magazine 2015 @Autospinn 2012-2015 @GTmania.tv 2009-2010

error: Content is protected !!