2022 BMW R18 Transcontinental ครุยเซอร์สไตล์ทัวร์ริ่งโมเดลใหม่ล่าสุดจากผู้ผลิตสัญชาติเยอรมัน ถูกเผยโฉมโฉมแล้วในไทยวันนี้ มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่รองรับการใช้งานแสนจะสะดวกสบายจาก 2022 BMW R18 B ที่เปิดตัวพร้อมกันขึ้นไปอีกขั้น
สำหรับข้อมูลในเบื้องต้นของ 2022 BMW R18 Transcontinental หลักๆแล้ว มันก็จะใช้พื้นฐานเดียวกันกับ BMW R18 รุ่นปกติแทบทุกชิ้นส่วน ไล่ตั้งแต่ชุดเฟรมแบบ Twin Loop Steel (แต่ถูกเสริมความแข็งแรง ด้วยการดามแผ่นเหล็กช่วงแผงคอให้มากขึ้น), ระบบเบรกหน้า-หลัง, (โช้กคู่หน้า แต่ปรับตำแหน่งแผงคอใหม่ ให้โช้กเยื้องเข้ามาอยู่ด้านหลังแกนคอ เพื่อย้ายจุดศูนย์ถ่วงบริเวณด้านหน้ารถเล็กน้อย), และ เครื่องยนต์ 2 สูบนอน ระบายความร้อนด้วยอากาศ ความจุ 1,802cc ให้กำลังสูงสุด 91 HP ที่ 4,750 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 158 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบ/นาที, และระบบส่งกำลังแบบชุดเกียร์ 6 สปีด พร้อมเกียร์ถอยหลังไฟฟ้า
แต่เพื่อให้ผู้ขี่สามารถใช้งานตัวรถได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทาง BMW ก็ได้ทำการปรับแต่งชิ้นส่วนยิ่งย่อยบางรายการของ R18 Transcontinental ให้ต่างจาก R18 รุ่นพื้นฐานในหลายๆจุดด้วยกัน เช่น เบาะนั่งแบบใหม่ที่หนานุ่มกว่า BMW R18 B ไปอีกระดับ และเป็นแบบตอนยาวแบ่งชั้นกันระหว่างผู้ขี่กับผู้ซ้อน, เสริมบังโคลนหลังให้ยื่นยาวออกมา, เพิ่มช่วงยุบโช้กหลังขึ้นอีก 30% เป็น 120 มิลลิเมตร เพื่อการซับแรงที่ดีกว่า, พักเท้าผู้ขี่เปลี่ยนจากแบบก้านเล็กๆธรรมดาๆ ให้เป็นบอร์ดขนาดใหญ่, ชิลด์หน้าสูงขึ้นกว่า R18 B, บริเวณใต้บังลมหน้า และบังลมข้าง มีชิ้นส่วน Flap สำหรับกันลม ที่ผู้ขี่สามารถปรับตำแหน่งได้
ถังน้ำมันก็ขยายความจุเพิ่มขึ้นจาก 18 ลิตร เป็น 24 ลิตร เพื่อเพิ่มระยะทางในการใช้งานแตะหลัก 320 กิโลเมตร ต่อน้ำมันเต็ม 1 ถัง
และติดตั้งกระเป๋าข้างเข้าไป ซึ่งแต่ละฝั่งจะมีความจุอยู่ที่ 26.5 ลิตร (จากเดิม 27 ลิตร เนื่องจากตัวรถ R18 Transcontinental สเป็คประเทศไทย ได้รับการติดตั้งลำโพง Marshall Stage 2 กำลังขับ 280 วัตต์ มาแล้วเรียบร้อย) แล้วยังเสริมด้วยชุดกล่องหลังความจุ 48 ลิตร ที่กลายเป็นพนักพิงให้กับผู้ซ้อนไปในตัว พร้อมเคลมน้ำหนักตัวรวมของเหลวจากความมหึมาของมันไว้ที่ 427 กิโลกรัม
ไม่เพียงเท่านั้น ชุดบังลมหน้าของมัน นอกจากจะมีความสูงที่มากกว่าชิลด์หน้าของ BMW R18 B ขึ้นไปอีกระดับ มันก็ยังคงมาพร้อมกับไฟตัดหมอกที่เสริมเข้ามาอีก 2 ดวง
ชุดมาตรวัดแบบหน้าปัทม์กลม 4 วง เอาไว้แสดงผล ความเร็ว, รอบเครื่องยนต์, ระดับน้ำมันเชื่อเพลิง, และอุณภูมิเครื่องยนต์ เสริมด้วยชุดหน้าจอ TFT ขนาดยักษ์ 10.25 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัภท์มือถือผ่านสัญญาณบลูทูธเพื่อเข้าถึงฟังก์ชันการใช้งานระบบ GPS, การรับสายโทรเข้า, การแสดงข้อความ, และการเล่นเพลงเป็นต้น
ซึ่งฟังก์ชันสุดท้ายที่ว่า ผู้ขี่ก็ไม่จำเป็นจะต้องฟังเสียงจากหูฟังที่ติดหมวก แต่ฟังจากลำโพงคู่หน้า-หลังของ Marshall ก็ได้ ซึ่งลำโพงที่ติดรถ BMW R18 Transcontinental สเปคประเทศไทย ก็จะได้รับการอัพเกรดเป็น Stage 2 เสร็จสรรพแล้วเรียบร้อย โดยการจัดตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆที่ว่ามา ก็ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ของ Roll-Royce อีกด้วย
ส่วนระบบอิเล็กทรอนิกส์ และระบบความปลอดภัยอื่นๆใน BMW R18 Transcontinental ก็ยังคงจัดเต็มไม่แพ้ R18 รุ่นพื้นฐาน ทั้ง โหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ “Rain”, “Roll” และ “Rock”, ฝาถังน้ำมันเชื้อเพลิงพร้อมระบบล็อกไฟฟ้า, ระบบควบคุมการทรงตัวแบบอัตโนมัติ ASC, ระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อหลังตอนลดเกียร์ MSR ทำงานร่วมกับระบบป้องกันรถกระชาก Anti-hopping Clutch, ระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน Hill Start Control, ระบบสตาร์ทแบบไร้กุญแจ Keyless Ride พร้อม Central Lock (ล็อคทั้งรถ ถังน้ำมัน และกระเป๋าข้าง), ระบบสัญญาณกันขโมย, และระบบ Dynamic Brake Control นอกจากนี้ยังพกพาระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Electronic cruise control มาเป็นมาตรฐานอีกด้วย
โดย 2022 BMW R18 Transcontinental “First Edition” จะสนนราคาสำหรับวางจำหน่ายในประเทศไทย ที่ 1,640,000 บาท และมาพร้อมกับ Box Kit Package สุดพิเศษสำหรับลูกค้า ซึ่งประกอบไปด้วย หมวกแก็ปพิเศษเฉพาะรุ่น, หนังสือประวัติรถมอเตอร์ไซค์ BMW ฉบับอัพเดทปี 2021, เข็มขัด BMW R18, และตราสัญลักษณ์แบรนด์ Classic BMW พร้อมตัวเปลี่ยน
อ่านข่าว BMW เพิ่มเติมได้ที่นี่
