Triumph Motorcycles Thailand ได้ทำการ Rebranding พร้อมปรับลดราคาครั้งใหญ่ ช่วงงาน Motor Expo 2014 ซึ่ง ณ ขณะนั้นยังอยู่ภายใต้การทำตลาดของ Britbike นั่นจึงทำให้โมเดลของ Triumph หลากหลายรุ่นมีราคาในระดับเดียวกับรถจากฝั่งอิตาลี ที่ประกอบภายในประเทศ
และย้อนกลับไปเมื่อเดือน พย. 2015 ที่ผ่านมา Triumph Motorcycles Thailand ได้ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ภายใต้การทำแบรนด์ ซึ่งนับเป็นโอกาสดีของการเริ่มศักราชปีใหม่ 2016 ของ MotoRival เราด้วยการ รีวิว Triumph Street Triple R 675 รถ Sport Midsized ที่ใช้พื้นฐานรถในคลาส Supersport เดียวกับ Daytona 675 มาทำการปรับปรุงให้อยู่ในรูปลักษณ์ของรถที่ใช้งานบนท้องถนน (Street Fighter) จนได้เป็นรูปทรง Naked Roadster สุดสะดุดตาคันนี้ ซึ่งมันคว้ารางวัลมาแล้วนับไม่ถ้วนกับรถในขนาดกลาง
รูปลักษณ์ของ Triumph Street Triple R หลังจากที่โมเดลเก่าใช้รูปแบบไฟกลม ในโมเดลนี้เปลี่ยนเป็นตาตั๊กแตนตามแบบพี่ใหญ่ Speed Triple,
ท่อไอเสียออกคู่ด้านท้าย ได้ปรับมาเป็นท่อออกข้างสั้นแบบยุคสมัยใหม่ เพื่อลดศูนย์ถ่วงและบาลานซ์ที่ดี,
ไฟเลี้ยวแบบหัวลูกศรทั้งหน้าและท้าย ซึ่งด้านหน้าดูจะยื่นเกะกะออกมาจากปีกหม้อน้ำพอสมควร
สำหรับในรุ่น R ใช้ ล้ออัลลอย 5 ก้าน ด้านหน้ากว้าง 3.5” หลัง 5.5” ได้ติดสติกเกอร์ขอบล้อสีแดง รวมถึงการใช้ซับเฟรมสีแดง และปีกข้างหม้อน้ำสีแดง ตัดกับสีรถให้ดูเด่นยิ่งขึ้น
แชสซีส์ ของ Street Triple R เป็นเฟรมแบบ Aluminum Twin Spar (โครงคู่) และซับเฟรมสีแดง Aluminum+สวิงอาร์มคู่ Aluminum ช่วยให้ลดมีน้ำหนักเบาเพียง 182 กก. (Wet)
แผงหน้าปัด ใช้หน้าจอดิจิตอล LCD แสดงผลทางด้านซ้าย ได้แก่ ตำแหน่งเกียร์, จับเวลา Lap Time, เซ็ท Shift Light ตามรอบเครื่องยนต์ได้, ระบบตรวจแรงดันลมยาง TPMS, นาฬิกา, เปิด-ปิด ABS ทางด้านขวาเป็นมาตรวัดรอบแบบ Analogue
ชุดสวิทช์ไฟซ้าย มีไฟ Pass มาให้ แต่น่าเสียดายที่ไม่ติดตั้งไฟฉุกเฉินมาให้
สำหรับ Street Triple R มีให้เลือก 3 สี คือ เทา Matt Graphite, ดำ Matt Phantom Black, ขาว Crystal White
มาพูดกันต่อถึงท่านั่ง และตำแหน่งแฮนด์
Street Triple R คันนี้ มีเบาะสูง 820 มม. (สูงกว่ารุ่นปกติ 20 มม.) ช่วยให้ตำแหน่งท่านั่งถูกเขยิบไปสูงขึ้นและ Slope เฉียงไปด้านหน้าอีกเพิ่มความสปอร์ต ซึ่งผู้เขียนที่มีส่วนสูง 174 ซม. สามารถยืนเหยียบได้เต็มเท้าเมื่อสวมรองเท้าผ้าใบขี่
ตำแหน่งความสูงแฮนด์ ไม่สูง ไม่เตี้ยเกินไป นับได้ว่าจัดอยู่ในตำแหน่งค่อนข้างดี แต่ แฮนด์ที่ดูไกลตัวเกินไปทำให้เมื่อย ต้องนั่งชิดถังน้ำมัน และก้มตัวลงในแบบสปอร์ต แต่จุดที่ทำได้ดีคือถังน้ำมันทรงสปอร์ต มีความจุ 17.4 ลิตร ที่ดูใหญ่ตรงช่วงบน แต่เว้าคอดตรงด้านล่างเพื่อรองรับหัวเข่าในการหนีบถังน้ำมันซึ่งจุดนี้ทำได้ค่อนข้างกระชับดีไม่รูสึกเข่าแข้งติดกับเฟรมแบบรถอิตาลี
ขณะที่ผู้ซ้อนก็นั่งได้ไม่ลำบากจนเกินไป กับเบาะนั่งชิ้นเดียวแบบแบ่ง Step คันนี้ มันซ้อนสบายกว่ารถในแบบ Supersport อยู่พอสมควรแม้จะไม่นั่งนุ่มสบายเท่ากับรถทรง Touring ที่ใช้เบาะตอนเดียว
Handbar กว้าง 740 มม. ร่วมกับกระจกมองข้างรูปทรงคล้าย M795/796 ด้วยตำแหน่งกระจกที่สูง แถมด้วยปีกแฟริ่งที่มีความกว้างยื่นออกมามาก และไฟเลี้ยวหน้าที่ยื่นออกมาเพิ่ม มันจึงทำให้มิติในด้านความกว้างของรถกว้างพอสมควรเลยทีเดียว เมื่อเจอการจราจรในเมืองที่ช่องทางแคบ จึงดูไม่คล่องตัวนัก
ชื่อ Triple ก็บอกถึงขุมพลังที่ใช้อยู่ในตัวว่า เป็นเครื่องยนต์ 3 สูบ 675cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ ทรงพลังและขึ้นชื่อ ให้กำลังสูงสุด 106 hp@11,850rpm แรงบิด 68 Nm@9,750rpm
หลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์ เบิ้ลเปิดคันเร่งเล็กน้อย เสียงช่างหอมหวน ชวนหวานหู ไพเราะเกินกว่า เกินกว่ารถ 3 สูบจากค่ายอิตาลี ที่ดูจะดุดันไปนิด และ 3 สูบจากฝั่งญี่ปุ่นที่ดูติ๋มไปเสียหน่อย แต่เสียง 3 สูบของ Street Triple R 675 นี่ล่ะ สิ่งที่บันเทิงโสตประสาทหูของเหล่า Biker ที่ไม่ชอบเสียงดังอันหนวกหู และท่อเดิมที่มักจะเงียบเชียบจนเกินไป
เจ้า Triple 675cc มันช่างขี่ง่ายสมูทนุ่มนวล+แรงทรงพลังรอบจัด ในแบบรถสี่สูบ แต่ก็ทำอัตราเร่งทำได้ดีในแบบรถสูบคู่
จะว่าตามจริง Triple 675 มันจะมีอาการค่อนไปทาง 4 สูบเสียมากกว่า ซึ่งต่างจาก 3 สูบอิตาลี ที่เหมือนรถ 2 สูบ นั่น คือ นิ่มนุ่ม ไม่ดิบ ไม่กระชาก ช่วงรอบเครื่องต่ำๆ ยังพบว่าออกตัวไม่ดีด แต่เมื่อลากรอบเข้าย่าน 9,000rpm ไป เข่าหนีบถังเก็บคองอศอกให้ดีเชียวแรง G ดึงเอาเรื่อง ให้ความรู้สึกใกล้เคียงการขี่รถพิกัด 800cc เลยเชียว
โดยรวมต้องบอกเลยว่ามันน่าประทับใจ แรงแต่ควบคุมง่าย ระบายความร้อนได้ดีเทียบเท่า หรือดีกว่ารถญี่ปุ่นเสียอีก
แต่ในด้านการขับขี่ เราพบอาการที่ขัดใจเล็กน้อย ในการเปลี่ยนเกียร์จากตำแหน่งเกียร์ N->1 หรือ 1->2 ในช่วงนี้ มักจะเข้าเกียร์ค่อนข้างลำบาก กล่าวคือ การผ่านเกียร์ว่างดูจะติดขัด และทำให้เบิ้ลเครื่องทิ้งเสียบ่อย (เข้าเกียร์ว่าว) ในขณะที่ การหาเกียร์ N เวลาจอดติดไฟแดงนั้น ทำได้ง่ายดายมาก ไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด
อัตราสิ้นเปลืองอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง แต่พบว่าซดกว่ารถ 2 สูบญี่ปุ่นแน่นอน เนื่องจากจำนวนสูบ และรอบที่ดูจะจัดจ้านกว่าเล็กน้อย โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 21-22 กม./ลิตร ที่ความเร็วเดินทางเฉลี่ย 100-110 กม./ชม. มีเร่งแซงบ้างในบางจังหวะ
ระบบกันสะเทือนช่วงล่าง โช้คอัพหน้าคู่ UpSideDown จาก Kayaba 41 มม. ซึ่งสามารถปรับ Preload ได้ทางแกนโช้คบน และปรับ Rebound-Compression ได้ที่แกนล้อ มีระยะเคลื่อนตัว 115 มม.
โช้คหลัง Monoshock จาก KYB เช่นกัน สามารถปรับ Rebound-Compression ได้ที่ตัวกระบอก Sub-Tank และมีระยะเคลื่อนตัว 135 มม.
การใช้งานโดยรวม ต้องบอกว่ามันดูติดอาการแข็งไปนิด ผู้ชอบขับรถในสไตล์ Superspot น่าจะชอบ ช่วงล่างแน่นปึ้ก เกาะถนนดี ซับแรงพอได้ แต่เด้งกระด้างเล็กน้อย ผู้ซ้อนอาจเจ็บก้นบ้างในบางช่วงจังหวะ แต่ถ้าขี่คนเดียวนี่ล่ะใช่รถแรงทรงพลังแบบนี้ ต้องควรคู่กับช่วงล่างอาการแบบนี้ถูกต้องแล้ว
แม้หน้าจะดูเบา ตอบสนองเมื่อหักเลี้ยวได้ว่องไว เนื่องจากชุดไฟหน้าไม่ได้ติดกับแผงคอ ทำให้ไฟหน้าไม่ขยับตามวงเลี้ยว นอกจากนี้ล้อมีเนียมที่เบา และชุดแต่มันก็ช่วยให้หน้ายางสัมผัสกับพื้นถนนได้ดี และมั่นคงที่ความเร็วสูง แม้ระดับ 190 กม./ชม. มันยังคงนิ่ง ไม่ส่ายไม่ชกมวย จนเกิดอาการหวาดเสียวให้เห็น
นับได้ว่า Street Triple R เป็นรถ Middle Weight ที่ทรงช่วงล่างดีที่สุดตั้งแต่ผู้เขียนเคยสัมผัสมา แม้รถจะมีน้ำหนักเบา และพลิกง่ายก็ตาม
นอกจากนี้ยางหน้ากว้าง 120 มม. และหลัง 180 มม. ตัวเทพ Made in Germany จาก Pirelli Rosso Corsa ไม่ต้องบอกชื่อชั้นที่การันตีความหนึบแน่น ถือได้ว่าให้ยางสเป็กสูงกว่า M821 ที่เป็น Rosso II เสียอีกนะ
ระบบห้ามล้อ เบรกหน้าจานดิสก์คู่ขนาด 310 มม. ฝังโลโก้ Brembo แต่ใช้คาลิปเปอร์ 4 สูบ จาก Nissin
หลังจานดิสก์เดี่ยว 220 มม. คาลิปเปอร์ 1 สูบ จาก Brembo พร้อม ABS ที่สามารถเปิด-ปิดได้ ให้ความหนักแน่น เบรกได้อย่างมั่นใจหายห่วง ไม่ต้องดูถูกว่า Nissin ปั๊มรถเล็กอีกต่อไป
สรุป รีวิว Triumph Street Triple R 675 เป็นรถ Naked Roadster หน้าตาโดดเด่น เพียบพร้อมด้วย
เครื่องยนต์จากคลาส Supersport, ช่วงล่าง Hi-end + เบรกชั้นดี, เฟรม+ซับเฟรม+สวิงอาร์ม+ล้อ แบบอลูมีเนียม ช่วยให้มันเป็นรถที่เพียบพร้อมในด้านสมรรถนะ และน้ำหนักที่เบากว่ารถคันอื่นในคลาส
เทคโนโลยีมีไม่มาก แต่ไม่อายใคร ABS ปิดได้, ไฟ Shift Light, TPMS (วัดแรงดันลมยาง)
หลังจากลองขี่ตั๊กแตน หัวใจ Supersport คันนี้ดูแล้ว เรามีจุดที่ติดใจอยู่นิด กับคำที่ว่า มันเป็นรถ Street Fighter (ใช้งานในเมือง) มันดูจะมีมิติตัวที่กว้างไปเสียหน่อย (จากปีกแฟริ่ง) แม้จะเบา พลิกง่ายก็ตาม แต่เอาว่าเรื่องอื่นๆ ที่เหลือมันดีพอที่เราจะยกให้เป็น Best in Middle Weight Class (Under 800cc) ได้อย่างไม่มีข้อกังขา สมชื่อชั้นที่กวาดรางวัลมานับไม่ถ้วนในรถขนาดกลางเสียจริง
- เป็นรถ Mid Sized ที่น้ำหนักเบามาก
- เสียงเครื่องยนต์ 3 สูบ อันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมสมรรถนะทรงพลัง แต่ขี่ควบคุมง่าย และไม่ร้อน
- ไฟ Shift Light Indicator ที่สามารถเซ็ทได้ให้วิ่งเรียง หรือ 3 จุด, 6 จุด
- ช่วงล่างขั้นเทพ และเบรกอันยอดเยี่ยม แถมปิด ABS ได้
จุดที่อยากให้มีเพิ่มเติม ในรุ่นปรับปรุงใหม่
- สวิทช์ไฟฉุกเฉิน
- ไฟเลี้ยวแบบแนบชิดแฟริ่ง
- Engine Map + TCS
ขอบคุณ Triumph Motorcycles Thailand สำหรับ รีวิว Triumph Street Triple R สีดำ Matt Phantom Black ราคา 4.6 แสนบาท
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver, Photo
อำพล มูลทองสุข, ชาญวิทย์ วราพิมศิริ Photo
อ่านรีวิวรถอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าว Triumph เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ
รีวิว Triumph Street Triple R 675
Naked Roadster ตั๊กแตนผู้น้องหัวใจ Supersport (Daytona) ที่ครบเครื่อง ได้อรรถรสเป็นที่สุด