เปิดประวัติ Aleix Espargaro “นักบิดจอมตั้งไข่” ผู้พา Aprila คว้าโพเดี้ยมแรกใน MotoGP

0

แม้ในการแข่งขัน BritishGP 2021 ครั้งล่าสุด Aleix Espargaro จะไม่ใช่ผู้ที่คว้าชัยชนะมาได้ แต่การขึ้นโพเดี้ยมเป็นอับที่ 3 ของเขานั้นก็ถือว่าเป็นการบันทึกอีกหนึ่งประวัติศาสตร์สำคัญกับการพาตัวแข่งของ Aprilia ขึ้นโพเดี้ยมในการแข่งขันรุ่นใหญ่สุดได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ศึกการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลกได้เข้าสู่ยุค MotoGP ดังนั้นในวันนี้เราจึงขอพาเพื่อนๆมาดูประวัติคร่าวๆของเขากันสักหน่อยดีกว่าครับ


Aleix Espargaro เกิดวันที่ 30 กรกฏาคม ค.ศ. 1989 มีบ้านเกิดคือ เมืองกราโนลเลอส์ รัฐกาตาลุนญ่า ประเทศสเปน โดยเขาได้เริ่มแข่งขันระดับโลกเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2003 ในรายการ FIM CEV International Championship และต่อมาในปี 2004 เขาก็สามารถคว้าแชมป์ประจำฤดูกาลในรายการดังกล่าวได้ จนในปีเดียวกัน เขาได้สิทธิ์ในการลงแข่งแบบนักบิด Wildcard ในศึก MotoGP ในรุ่น GP125 ณ สนามแข่งวาเลนเซีย ซึ่งเป็นสนามสุดท้ายของศึก MotoGP ปีดังกล่าวพอดี ภายใต้สังกัดทีม Racc Caja Madrid และตัวแข่งของ Honda ส่วนผลการแข่งขันที่ได้ก็ยังไม่น่าพอใจเท่าไหร่นัก เพราะได้อันดับที่ 24

หลังจากนั้นในปี 2005 Espargaro ผู้พี่ ก็ได้ลงแข่งในรุ่น GP125 อย่างเต็มตัว ภายใต้สังกัดทีม Seedorf RC3 – Tiempo Holidays (ตัวแข่ง Honda) ซึ่งผลการแข่งขันของเขาในปีนั้นก็ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก และจบอันดับดีที่สุดได้เพียงอันดับ 7 พร้อมเก็บคะแนนสะสมตอนจบฤดูกาลดังกล่าวเอาไว้ในอันดับที่ 16 จึงทำให้ต่อมาในปี 2006 เขาก็ได้ย้ายมาอยู่ภายใต้สังกัดทีม Wurth Honda BQR แต่ลงแข่งในรุ่นดังกล่าวแค่เพียงครึ่งแรกของฤดูกาลเท่านั้น เพราะในครึ่งหลังนักบิดของทีมเดียวกันในรุ่น GP250 อย่าง Sebastián Porto ได้ตัดสินใจรีไทร์ระหว่างฤดูกาลเนื่องจากไม่มีความสุขในการแข่งขันอีกต่อไปแล้ว และนั่นก็เป็นผลทำให้ AE41 ได้ขยับขึ้นมาแข่งในรุ่นกลางเพื่อทำหน้าที่แทนทันที

aleix-espargaro-bio-2008-001
ต่อมาในปี 2007 เขาก็ได้ย้ายมาอยู่กับต้นสังกัดใหม่อีกหนึ่งแห่งอย่าง Blusens Aprilia พร้อมเก็บแต้มได้เพียง 47 คะแนน จบอันดับที่ 15 ในตารางคะแนนสะสม ตามด้วยในปี 2008 ก็ย้ายมาอยู่สังกัด Lotus Aprilia เก็บคะแนนได้มากขึ้นจากปีก่อนขึ้นมาเป็น 92 แต้ม จบอันดับ 12 ในตารางคะแนนสะสม ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ในปี 2009 เขาก็ต้องเจอจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้ง เมื่อย้ายมาแข่งภายใต้สังกัด Balatonring Team (ตัวแข่ง Aprilia เช่นเดิม) ได้เพียงครึ่งฤดูกาล ทีมก็ดันถอนตัวออกไปกระทันหันกลางฤดูกาลทำให้ AE41 เคว้งในทันที

aleix-espargaro-bio-2010-001
แต่การเคว้งดังกล่าวก็เกิดขึ้นแค่เพียง 2 เรซเท่านั้น เพราะในการแข่งขันสนามที่ 11 ของการแข่งขัน MotoGP ที่จัดขึ้น ณ สนามอินเดียน่าโปลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา Aleix Espargaro ก็ได้มาบิดตัวแข่ง Ducati Desmosedici GP9 ให้กับทีม Pramac Racing ซึ่งผลงานในการแข่งขันครั้งนั้น และอีก 3 สนามอื่นๆที่เขาได้โอกาสลงแข่งในรุ่นใหญ่กับทีมดังกล่าวต่อ ก็ถือว่าค่อนข้างน่าพอใจ เพราะล้วนจบด้วยอันดับ 10 ต้นๆทั้งสิ้น

aleix-espargaro-bio-2011-001
อย่างไรก็ดี แม้ในปี 2010 Aleix Espargaro จะได้ลงแข่งกับทาง Pramac Racing ในรุ่นใหญ่ MotoGP อย่างเต็มตัว และจบการแข่งขันในอันดับเลขหลักเดี่ยวอยู่หลายครั้ง ทว่าในช่วงเวลาเดียวกันเขาก็ล้มไปถึง 6 จาก 18 สนาม ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของฤดูกาล จึงทำให้เขาต้องลงไปเก็บประสบการณ์ในรุ่นกลางอีกครั้งเมื่อถึงปี 2011 แต่ในคราวนี้เป็นการลงแข่งด้วยรถสเปค Moto2 กับทีม Pons Kalex ไม่ใช่สเปค GP250 อีกต่อไป ซึ่งผลงานที่ทำได้ในปีนั้น ก็มีการขึ้นโพเดี้ยม 1 ครั้ง ในอันดับ 3 และเก็บคะแนนสะสมไปได้ 76 แต้ม หรืออันดับที่ 12 ของการแข่งขัน Moto2 ในปีนั้น

aleix-espargaro-bio-2012-001
และเมื่อเข้าถึงปี 2012 Aleix Espargaro ก็เริ่มแสดงถึงความเป็นนักบิดจอมตั้งไข่มากขึ้น เมื่อเข้าได้มาแข่งในรุ่นใหญ่ MotoGP อีกครั้ง ภายใต้สังกัด Power Electronics Aspar แต่เป็นการแข่งโดยใช้ตัวแข่งสเปคพิเศษที่เรียกว่า CRT-Specs ซึ่งเป็นตัวแข่งที่แม้จะใช้ชิ้นส่วนโครงสร้างหลักหลายๆอย่างเหมือนตัวแข่ง MotoGP แท้ๆ แต่ขุมกำลังจะเป็นเครื่องยนต์ของโปรดักชันไบค์ที่วางจำหน่ายทั่วไปที่ถูกปรับแต่งให้มีสมรรถนะสูงขึ้นที่สุดเท่าที่ได้แทน (เพื่อที่จะได้มีทีมมาร่วมลงแข่งในรุ่นใหญ่มากขึ้น จากงบการทำทีมที่ต่ำลง) โดยตัวแข่งที่เขาใช้นั้นก็จะเป็นตัวแข่ง ART GP12 ที่ใช่ขุมกำลังของ Aprilia RSV4 ที่ถูกปรับแต่งใหม่จนให้กำลังสูงสุดราวๆ 230 แรงม้า

และแม้ผลการแข่งขันในปี 2012 Aleix Espagaro จะยังคงสามารถทำผลงานในภาพรวมได้แค่เพียงอันดับ 12 เมื่อรวมคะแนนสะสมตอนจบฤดูกาล ทว่านั่นถือเป็นคะแนนที่ดีที่สุดแล้วสำหรับนักบิดที่ใช้ตัวแข่งสเปคกติกาเดียวกัน (เหนือกว่านั้นล้วนเป็นอันดับของนักบิดที่ใช้ตัวแข่ง MotoGP แท้ๆ) และเขาก็ยังคงทำผลงานเช่นนี้ได้อีกครั้งในปี 2013 เช่นกันด้วยการจบอันดับที่ 11 ในตารางคะแนนสะสม

aleix-espargaro-bio-2014-001
ไม่เพียงเท่านั้น ในปี 2014 ที่ Aleix Espargaro ได้ย้ายมาอยู่กับทีม Forward Yamaha พร้อมตัวแข่งกติกาใหม่อย่าง Open-Class Bike ที่สามารถใช้เครื่องยนต์ของตัวแข่ง MotoGP แท้ๆได้ แต่จะเป็นเครื่องยนต์ที่ถูกตัดสเปคหรือชิ้นส่วนสำคัญออกไปบางอย่างเพื่อควบคุมต้นทุนในการทำทีมเช่นเคย ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะยังคงไปได้ดีกับตัวแข่งสเปคพิเศษเช่นนี้อีกครั้ง เพราะอย่างน้อยในฤดูกาลดังกล่าวเขาก็สามารถขึ้นโพเดี้ยมอันดับ 2 ได้ ณ สนามเอรากอน และเก็บคะแนนสะสมตอนสิ้นปีไปได้ทั้งหมด 126 แต้ม จบอันดับที่ 7 และเป็นคะแนนรวมถึงอันดับที่ดีที่สุดของเขาในการแข่งขัน MotoGP จนปัจจุบัน

Aleix Espargarò
เมื่อเข้าสู่ปี 2015 AE41 ได้รับโอกาสให้เป็นนักบิดคนแรกของ Suzuki Factory ในการกลับมาทำทีมแข่งรุ่น MotoGP อีกครั้ง หลังถอนตัวไปแล้วก่อนหน้านี้ตอนสิ้นปี 2011 เนื่องจากทางทีมเล็งเห็นถึงความสามารถในด้านประสบการณ์และความสามารถในการช่วยพัฒนาตัวแข่งสเปคใหม่ๆที่พึ่งเริ่มตั้งไข่ในการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลก ซึ่งดูเหมือนว่าทางค่ายคนบ้าจะคิดถูก เพราะ Espargaro สามารถลงแข่งกับตัวแข่ง Suzuki GSX-RR แล้วเก็บสะสมแต้มจนจบอันดับที่ 11 ได้ถึง 2 ครั้ง ในตอนสิ้นปี 2015 และ 2016

41-aleix-espargaro-portimao-test
ทว่าในปี 2017 ทาง Suzuki ได้ตัดสินใจที่จะเริ่มหานักบิดดาวรุ่งคนใหม่มาปั้น และให้ Alex Rins ที่มาแทน Maverick Vinales ซึ่งย้ายไปอยู่กับ Yamaha Factory ในปีดังกล่าว เป็นนักบิดหลักของทีมแทน Aleix Espargaro จึงทำให้เขาต้องโยกไปอยู่กับทาง Aprilia ที่พึ่งมาลงแข่งในศึก MotoGP รุ่นใหญ่อย่างเต็มตัวได้เพียง 2 ปี และยังคงต้องการนักบิดที่มีความสามารถในเรื่องของการช่วยพัฒนาตัวแข่งเช่นกัน ไม่ต่างจากทีมค่ายคนบ้า ดังนั้น AE41 จึงเหมาะสมที่สุดที่จะมาทำหน้าที่นี้

41-aleix-espargaro_2021-Qatar-Test
หลังผ่านไป 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2017 ถึงปี 2020 แม้ Aleix Espagaro จะไม่ได้พาตัวแข่ง Aprilia RS-GP เข้าใกล้เคียงความสำเร็จในฐานะตัวแข่งทีมโรงงานแถวหน้าได้มากเท่าไหร่นัก เพราะส่วนใหญ่ก็ยังคงเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 10 ต้นๆ และจบการแข่งขันตอนสิ้นปีของทั้ง 4 ฤดูกาลด้วยอันดับ 14-17 แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาทำจะเป็นไปในทิศทางบวกขึ้นมาเลยทีเดียวสำหรับปี 2021 เมื่ออันดับการเข้าเส้นชัยส่วนใหญ่ของเขาในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาลนั้นขยับมาอยู่ในกลุ่มเลขตัวเดียวเป็นส่วนใหญ่ และที่สำคัญที่สุดคือการคว้าอันดับ 3 ซึ่งเป็นโพเดี้ยมแรกของ Aprilia ในการแข่งขัน MotoGP ซึ่งหลังจากนี้เขาจะยังคงทำผลงานกับทีมนี้ได้ดีขึ้นอีกแค่ไหน เราก็ต้องรอติดตามกันต่อไปครับ

อ่านข่าว MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่

Share.

About Author

error: Content is protected !!