All-New BMW S1000RR หรือ “ฉลาม V3” ถูกเปิดตัวครั้งแรกในโลกเมื่อปลายปีก่อน ต่อมาเมื่อ 3 เดือนก่อนหน้านี้ ก็มีคนพบเห็นมันถูกนำมาวิ่งทดสอบทั่วประเทศไทย ในที่สุดเหลืออีกแค่เพียงไม่ถึง 1 สัปดาห์นับจากนี้ มันก็ได้เวลาแล้วที่จะเผยโฉมในงาน Motor Expo 2019 ซึ่งก่อนจะถึงเวลานั้น เรามาทวนสเปคของมันกันหน่อยดีกว่าครับว่าจะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจาก “ฉลาม V2” กันบ้าง ? เริ่มจากดีไซน์ภายนอกตัวรถ S1000RR V3 ที่จะเห็นได้ว่าทาง BMW ได้ปรับเปลี่ยนเส้นสายของมันในทุกจุด ไล่ตั้งแต่ด้านหน้า ที่มีการออกแบบให้ตัวรถดูมีความโหนกนูนมากขึ้น ส่วนโคมไฟหน้าก็ปรับมาเป็นแบบ LED-Projector ซ้าย/ขวา สมมาตรกันจากเดิมที่เป็นแบบตาเหล่ แต่ก็ไม่ลืมที่จะใส่ช่องแรมแอร์ขนาดใหญ่ไว้ตรงกลาง และหากมองขึ้นไปด้านบนก็จะเห็นว่าทางค่ายได้ย้ายไฟเลี้ยวขึ้นไปไว้จุดเดียวกับกระจกมองข้าง ชุดแฟริ่งด้านข้าง แม้จะมีเส้นสายที่โค้งมนมากขึ้น แต่ BMW ก็ยังคงรักษาจุดเด่นดั้งเดิมของ S1000RR เอาไว้ นั่นก็คือครีบฉลาม 3 ช่องด้านซ้าย ที่มีการออกแบบให้เล่นมิติกับแฟริ่งนิดหน่อย ส่วนด้านขวาก็เป็นช่องว่างทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่เปิดโล่งเอาไว้เพื่อระบายความร้อนจากพัดลม…
Author: admin
ห่างหายไปพักหนึ่งสำหรับข่าวคราวของ Honda CBR250RR ที่แม้จะพึ่งเปิดตัวในบ้านเราเมื่อต้นปี แต่หากเทียบกับตลาดของประเทศอินโดนีเซียและประเทศญี่ปุ่นแล้ว มันกลับมีอายุการตลาดที่นานถึง 3 ปีด้วยกัน ดังนั้นในปี 2020 จึงควรได้เวลาแล้วที่มันจะต้องถูกแต่งหน้าทาปากใหม่ที่ไม่ใช่แต่การเปลี่ยนสีภายนอกเท่านั้น และจากข้อมูลล่าสุด ทางสื่อญี่ปุ่นได้ระบุไว้ว่า ขณะนี้ความเคลื่อนไหวของ 2020 Honda CBR250RR เริ่มกลับมาให้ถูกพดถึงอีกครั้ง จากการที่เหล่าดีลเลอร์ให้ข้อมูลกับพวกเขาว่าเจ้าสปอร์ตเรพิลก้าไบค์รุ่นนี้ มีแผนที่จะเปิดตัวโฉมปี 2020 ในประเทศอินโดนีเซียก่อนหมดปี 2019 หรือก็คือภายในไม่เกิน 1 เดือนกับอีก 1 สัปดาห์นับจากนี้ และจะพร้อมเปิดจองในช่วงเดือน มกราคมปีหน้า ส่วนลิสต์รายการเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับ 2020 CBR250RR นั้นก็มีทั้ง – การเพิ่มระบบควิกชิฟท์เตอร์ (ซึ่งอาจจะมีติดตั้งให้เฉพาะรุ่นบน หรือว่าง่ายๆก็คือมันจะถูกแบ่งออกเปน 2 สเปค) – เพิ่มระบบสลิปเปอร์คลัชท์ (โอกาสสูง) – ปรับแรงม้าเพิ่มขึ้นอีก 1 ตัว (โอกาสสูง) – ปรับเปลี่ยนระบบหมุนเวียนน้ำมันเครื่อง…
หลังจากที่เมื่อวันก่อน เราได้นำเสนอไปว่าทาง Suzuk ได้ทำการเปิดตัว 2020 Suzuki GSX-S1000 รุ่นปรับสีใหม่ออกมา ในวันนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะพาเพื่อนๆไปพบกับร่างปรับสีของฝาแฝดร่างสปอรต์อย่างเจ้า 2020 Suzuki GSX-S1000F กันบ้าง แน่นอนว่าในเมื่อมันมีแค่การปรับสี ดังนั้นเจ้า GSX-S1000F โฉม MY2020 จึงยังคงใช้พื้นฐานเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 999cc ที่ยกมาจาก GSX-R1000 “K5” ที่ถูกปรับจูนพละกำลังใหม่จนสามารถทำแรงม้าสูงสุดได้ที่ 150 HP เหมือนกับ GSX-S1000F รุ่นปี 2019 นอกนั้นในส่วนของชุดเฟรม, ระบบกันสะเทือน, ระบบไฟส่องสว่าง, หน้าตาแฟริ่งภายนอก และระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆก็ยังคงเหมือนทั้งหมดไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนการปรับเปลี่ยนชุดสีที่เกิดขึ้นก็จะเริ่มจากชุดสี Pearl Grescher White หรือ ขาวมุก ที่มีการเพิ่มความน่าสนใจให้กับตัวรถอีกเล็กน้อยด้วยสติ๊กเกอร์สีน้ำเงิน/ดำ ตามด้วยชุดสี Glass Sparkle Black หรือดำตันเทาด้าน ที่ดูเคร่งขรึมที่สุดในปีนี้…
แม้ว่าในตอนแรก Suzuki จะดคงเช็งไม่ปิดตัว GSX-S1000 รุ่นปี 2020 เสียทีทั้งๆที่น้องๆพากันปรับสีไปหมดแล้ว จนเริ่มเกิดการคาดคะเนว่ามันอาจจะถูกปรับโฉมภายในสิ้นปีนี้ ทว่าสุดท้ายเมื่อคืนที่ผ่านมาผลปรากฏว่า ทางค่ายก็ยังอินดี้ปรับแค่สีเช่นเดิมเพื่อขายมันต่อในปีหน้า ดังที่เพื่อนๆได้เห็นกันอยู่ตอนนี้ ใช่แล้วครับ สรุปแล้ว Suzuki GSX-S1000 รุ่น MY2020 นั้นก็จะยังคงใช้พื้นฐานเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 999cc ที่ยกมาจาก GSX-R1000 “K5” แต่มีการปรับจูนใหม่ให้เหมาะสำหรับการใช้งานของตระกูล “GSX-S” มากขึ้น จนสามารถทำแรงม้าสูงสุดได้ที่ 150 HP นอกนั้นในส่วนของชุดเฟรม, ระบบกันสะเทือน, ระบบไฟส่องสว่าง, หน้าตาแฟริ่งภายนอก และระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆก็ยังคงเหมือน GSX-S1000 MY2019 ทั้งหมด ส่วนการปรับเปลี่ยนชุดสีที่เห็นได้ตอนนี้ก็จะประกอบไปด้วยชุดสี Metallic oat gray / Metallic matte black หรือ เงิน/เทาด้าน ที่ถูกตัดโทนด้วยสติ๊กเกอร์สีแดง ตามด้วยชุดสี…
เป็นประจำในทุกๆปีอยู่แล้วที่เมื่อไหร่ก็ตาม หาก Kawasaki EU ได้ทำการเผยโฉมรถมอเตอร์ไซค์ใหม่ในงาน EICMA Show ทาง Kawasaki Thailand ก็ไม่รอช้าที่จะนำรถโมเดลใหม่หนึ่งถึงสองเป็นอย่างน้อยในนั้นมาเปิดตัวในบ้านเราต่อทันทีช่วงงาน Motor Expo ซึ่งโมเดลล่าสุดที่เราได้รับข้อมูลมาว่าจะเปิดตัวอย่างแน่นอนในเร็วๆนี้ก็คือ 2020 Kawasaki Ninja 650 และ 2020 Kawasaki Z650 โดยสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถทั้งสองรุ่นก็มีอยู่ว่า มันยังคงใช้เครื่องยนต์บล็อค 2 สูบเรียง 649cc ลูกเดิมกับโฉมก่อนหน้าแต่มีการปรับจูนไส้ในกับระบบบำบัดไอเสียใหม่จนสามารถผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ Euro5 แล้วเรียบร้อย และปรับชุดแฟริ่งครึ่งหน้าใหม่ให้ดูสดใหม่ยิ่งขึ้น โดยในฝั่ง Ninja 650 จะหันไปใช้ชุดไฟแบบเดียวกับ Ninja 400 ขณะที่ Z650 ก็จะปรับไปใช้ชุแฟริ่งที่ออกแบบขึ้นใหม่เพื่อให้เข้ากับไฟหน้าที่ยกแบบมาจาก Z400 ส่วนจุดขายสำคัญที่เป็นไฮไลท์ของ Kawasaki 650-Series รุ่นอัพเดทปี 2020 ก็คือชุดหน้าจอ TFT-LCD ที่สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่านระบบสัญญาณบลูทูธซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกในรถมอเตอร์ไซค์ระดับ 650cc…
แม้ว่าจะเปิดตัวไปได้เกือบเดือน (จริงๆพรุ่งนี้ก็ครบหนึ่งเดือนพอดี) แต่เราก็ยังไม่เคยเห็นใครพูดถึงราคาของ Kawasaki Z H2 ไฮเปอร์-เนคเก็ทไบค์รุ่นใหญ่ใหม่สุดๆจากค่ายเขียวเลยสักครั้ง จนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ทาง Kawasaki EU ได้ประกาศราคาของมันแล้วเรียบร้อยว่าจะอยู่ที่ 17,590 ยูโร หรือก็คือราวๆ 590,000 บาท และหานำราคาของ Z H2 ในยุโรป ไปเทียบกับราคาของ Z1000 ในตลาดโซนเดียวกัน เราก็จะทราบได้ว่าเจ้า เนคเก็ทพ่วงซุปเปอร์ชาร์จคันนี้ มีการอัพราคาขึ้นมาจากอดีตเนคเก็ทเรือธงประจำตระกูลอยู่ราวๆ 150,000 บาท ดังนั้นด้วยส่นต่างตรงนี้จึงทำให้เมื่อ Z H2 ถูกเปิดตัวในไทยแล้ว ราคาของมันก็อาจจะไปหยุดอยู่ที่ราวๆ 9 แสนบาท ซึ่งเอาจริงๆก็ถือว่ากำลังเหมาะสมเพราะอยู่ใต้ Ninja H2 SX แฝดร่างสปอร์ตทัวร์ริ่งของมันในช่องวางที่กำลังดีนั่นเอง ด้านกำหนดการเปิดตัวขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเกิดขึ้นในงาน Motor Expo 2019 สิ้นเดือนนี้เลยหรือไม่ แต่ก็ถือว่ามีโอกาสสูงอยู่ไม่น้อย เนื่องจากกำหนดการเปิดตัวของ Kawasaki 650-Series นั้นได้ขยับขึ้นมาก่อนถึงงานมหกรรมยานยนต์ดังกล่าวอย่างน่าสงสัย…
แม้ว่าในช่วง 3-4 ปีมานี้ นักบิดในซุ้ม Honda ทั้งหลายไม่เว้น Marc Marquez เองก็บ่นกันอุบว่าตัวแข่ง RC213V นั้นขี่ยากขึ้นเรื่อยๆ แต่ด้วยผลงานของ MM93 ที่สามารถจัดการมันได้อย่างอยู่หมัดจนคว้าแชมป์โลกได้หลายสมัยติดต่อกัน จึงทำให้นักบิดรายนี้ยังคงต้องการให้ทางค่ายเพิ่มความแรงของตัวแข่งขึ้นไปอีก โดยไม่สนว่ามันจะขี่ยากแค่ไหน และไม่แคร์ว่าใครจะบอกว่าเอาตัวแข่งคันนี้ไม่อยู่ก็ตาม “ถ้าคุณมีรถที่ขี่ง่ายขึ้น มันก็จะช่วยนักบิด Honda ทั้งหมด, แต่เป้าหมายของผมคือการมีตัวแข่งที่เร็วที่สุด” Marquez กล่าวในการเทสตัวแข่ง RC213V ของศึก MotoGP ปีหน้าในแทร็ควาเลนเซียวันสุดท้าย “มันไม่ได้อยู่ที่ว่ารถจะขี่ยากหรือง่าย, เพราะสิ่งที่ผมต้องการคือความพยายามที่จะชนะ, มันไม่ได้เกี่ยวเลยว่าผมจะต้องหวดมันมากหรือน้อยแค่ไหนตอนขี่” “แต่มันก็ใช่ ว่าตอนนี้เรากำลังทำงานกับแชสซีย์ใหม่อยู่ เพื่อให้มันสามารถกดเวลาได้ดีขึ้น”, “และผมก็สามารถทำเวลาที่สุดกับรถต้นแบบ (2020 RC213V-Proto), และผมจะทำงานต่อไปกันรถคันนี้” อ่านข่าว MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
แม้ว่าในตอนนี้เราจะทราบกันแล้วว่า Alex Marquez ได้เข้ามาเป็นทีมเมทคนใหม่ของ Marc Marquez แทน Jorge Lorenzo ในซุ้ม Repsol Honda Team แต่ก่อนหน้านั้นช่วงที่หลายคนยังสงสัยอยู่ว่า Johann Zarco คือคนที่เหมาะจะมานั่งบนเก้าี้ตัวนี้หรือไม่นั้น Aleix Espagaro นักบิดจาก Aprilia ก็ได้ให้สัมภาษณ์เาไว้ว่า “Zarco ไม่เหมาะเลยที่จะอยู่กับ HRC” “หลายคนบอกว่า Zarco เหมาะกับรถ, แต่สำหรับผม ผมว่าไม่ใช่” Aleix Espagaro กล่าว “สำหรับผม ถ้า Zarco เหมาะกับรถคันนั้น, Pol (น้องชาย) และผมเหมาะกับมันมากกว่าอีกเป็น 10 เท่า, ผมคิดว่าถ้าแชมป์โลก Moto2 อย่าง Alex Marquez ไปตรงนั้น, มันน่ายินดี, และผมว่าเค้าเหมาะแล้วกับมัน”…
ในงาน EICMA Show 2019 นอกจากเหล่าผู้ผลิตรายใหญ่ต่างๆจะพากันเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ๆที่น่าสนใจแล้ว เหล่านักประดิษฐ์น้อยใหญ่ทั้งหลายก็มักจะนำโปรเจ็กท์แจ่มๆที่ตนสร้างขึ้นมาโชว์ตัวในงานนี้ด้วย ซึ่งโปรเจ็กท์ล่าสุดที่เราจะนำเสนอให้เพื่อนๆได้ทราบกันก็คือ Ducati 1299 Panigale ที่ถูกดัดแปลงด้วยการเปลี่ยนชุดเฟรมแล้วเสริมมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อส่งกำลังแบบ Hybrid เข้าไปจนทำให้มันมีพละกำลังสูงสุดถึง 299 แรงม้า ไม่เพียงเท่านั้นด้วยข้อดีของชุดมอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถสร้างแรงบิดอันมหาศาลได้ถึง 150 นิวตันเมตร จึงทำให้เมื่อมันถูกนำมาต่อพ่วงกับเครื่องยนต์ L-Twin Superquadro พิกัด 1,285cc ของ 1299 Panigale ด้วยชุดเกียร์เสริมแล้ว ตัวเลขแรงบิดสูงสุดที่วัดได้จากล้อหลังจึงขยับขึ้นไปอีกเป็น 295 นิวตันเมตร นอกจากนี้ เพื่อให้ตัวรถสามารถใช้งานได้อย่างประหยัดพลังงาน และเหมาะสมมากขึ้น ทาง Efesto เจ้าของผลงาน ก็ได้ทำการเพิ่มฟังก์ชั่นปรับโหมดการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าว่าจะให้มันทำงานร่วมกับเครื่องยนต์อย่างไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่น ทำงานเต็มกำลังเฉพาะในจังหวะออกตัวหรือเร่งแซง, ทำงานคู่กับเครื่องยนต์จังหวะขี่ด้วยความเร็วคงที่ (ช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง), หรือทำงานด้วยตัวเองอย่างเดียวเพื่อใข้งานในช่วงความเร็วไม่เกิน 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ราวๆ 30-40 นาที เมื่อประจุไฟฟ้าในแบตเตอรี่เต็ม เป็นต้น…
หลังจากที่ได้ทำการเผยโฉมออกมาเป็ฯครั้งแรกในงาน EICMA Show 2019 มาตอนนี้ก็ได้เวลาแล้วที่ MV Agusta จะประกาศราคาของ All-New MV Agusta Rush 1000 เนคเก็ทไบค์สายบ้าพื้นฐานเดียวกับ ที่นี่Brutale 1000 RR คันนี้ ที่ 34,000 ยูโร หรือราวๆ 1.136 ล้านบาท โดยสำหรับ Rush 1000 นั้น อย่างที่เราได้ระบุไว้ข้างต้นว่าแท้จริงแล้วมันก็คือ Brutale 1000 ที่ถูกเปลี่ยนชิ้นส่วนบอดี้พาร์ทใหม่ เช่น ชุดไฟหน้าโคมกลมสนิท ที่ MV Agusta ระบุว่ายกดีไซน์มาจาก “RVS #1”, ชุดล้อซี่ลวดอลูมิเนียมลายเดียวกับ Superveloce 800 Serie ORO, ตูดมดด้านท้ายชิ้นจิ๋ว, และชุดฝาครอบล้อหลังคาร์บอนสุดแปลกตา ด้านเครื่องยนต์ก็ยังเป็นบล็อค 4 สูบเรียง…