ผ่านเข้าสู่ปีที่ 4 และกำลังจะย่างเข้าสู่ปีที่ 5 เข้าไปแล้วสำหรับ Adventure-Bike เรือธงของ Kawasaki อย่างเจ้า Versys 1000 ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นทางค่ายยังไม่ได้ทำการปรับโฉมมันเลยซักนิด ต่างจากโมเดลยอดนิยมอื่นๆที่ได้รับการปรับโฉมไปแล้วเรียบร้อย จนกระทั่งมีความเคลื่อนไหวบางอย่างออกมาจากทางค่ายเมื่อไม่กี่วันมานี้ สำหรับความเคลื่อนไหวที่ว่าก็คือ การที่ทาง Kawasaki USA ได้ทำการยื่นเอกสารใหม่ของ 2019 Versys 1000 ให้กับทางกรมมลพิษแคลิฟอร์เนีย (CARB) แล้วปรากฏว่าค่าอัตราการปล่อยมลพิษของมันเปลี่ยนแปลงไปจากโฉมปี 2018 อย่างเห็นได้ชัดดังภาพที่เราแนบเอาไว้ทั้งด้านบนและด้านล่าง โดยสิ่งที่เราพอจะระบุได้ในตอนนี้ก็คือว่าทาง Kawasaki น่าจะทำการปรับปรุงในส่วนของเครื่องยนต์และระบบไอเสียของเจ้า Versys 1000 ใหม่เพื่อให้รองรับกับมาตรฐาน Euro5 ที่จะเริ่มบังคับใช้ในปี 2020 เพียงเท่านั้น ในขณะที่หน้าตาโดยรวมก็ไม่สามารถเดาทางได้เลยว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหน แต่ถ้าอ้างอิงจากโฉมปัจจุบันที่ใช้ไฟหน้าดีไซน์เดียวกับ Ninja 300 ก็อาจจะเป็นไปได้เหมือนกันที่ 2019 Versys 1000 จะหยิบเอาชุดไฟหน้าของ Ninja 400 มาใช้เช่นกัน ส่วนวันเปิดตัวก็น่าจะเป็นงาน…
Author: admin
จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยกับการแข่งขั้ได้น MotoGP สนามที่ 11 ประจำฤดูกาล 2018 “AustrianGP” หากเพื่อนๆคนไหนพลาดชมการแข่งขันเมื่อช่วงค่ำไป ก็เชิญคลิกชมในนี้ได้เลยครับผม อ่านข่าว MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
เหลืออีกแค่เพีงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ก่อนที่การแข่งขัน MotoGP ณ สนาม Red Bull Ring จะเริ่มขึ้น ดังนั้นเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชม เรามาทำการบ้านซักหน่อยดีกว่าว่ามีอะไรบ้างที่เราควรรู้ก่อนการแข่งขัน AustriaGP ประจำปี 2018 จะเปิดฉาก 1. แม้ว่า Marc Marquez จะเป็นผู้ที่สามารถกดเวลาคว้าตำแหน่งโพลโพซิชั่นในการแข่งขัน AustriaGP ได้ถึง 2 ครั้งซึ่งมากที่สุดในบรรดานักบิดด้วยกัน แต่เพื่อนๆเชื่อหรือไม่ว่าสนาม Red Bull Ring แห่งนี้คือหนึ่งในสองสนามของปฏิทินที่เจ้าตัวไม่เคยชนะในการแข่งขันระดับ MotoGP เลยซักครั้ง (ส่วนอีกสนามคือ ช้างฯ เซอร์กิต บ้านเรา ที่ยังไม่เคยทำการแข่งขันในรายการนี้มาก่อน) 2. การคว้าโพลครั้งของ Marc Marquez นี้ถือเป็นครั้งที่ 77 ของเจ้าตัวตลอดการแข่งขันในเวทีระดับกรังด์ปรีซ์ (GP125, Moto2, MotoGP) และถือเป็นครั้งที่ 49 จากจำนวนการแข่งขันทั้งหมด 100…
ในขณะที่ช่วงเวลาการเปิดตัวของ Yamaha YZF-R3 รุ่นใหม่กำลังใกล้เข้ามาทุกทีหลังจากที่มีภาพ Spyshot ของรถต้นแบบขณะทดสอบหลุดออกมามากขึ้นเรื่อยๆ มาในวันนี้เราขอภาพเพื่อนๆไปพบกับชุดแฟริ่งแต่งสำหรับ YZF-R3 รุ่นปัจจุบันที่เพื่อนๆใช้กันอยู่บ้าง เผื่อวันใดวันนึงโดนหาว่าตกรุ่นจะได้เปลี่ยนเกทับน้องใหม่ที่ใช้หน้าตาของ YZF-R6 กันไปเลย เพราะชุดแต่งที่ว่านี้คือชุดจำลองหน้าของพี่ใหญ่สุด YZF-R1 โฉมปัจจุบันนั่นเอง โดยสำหรับชุดแต่งของ YZF-R3 (จริงๆต้องบอกว่า R25 เพราะที่ญี่ปุ่นไม่มีโมเดล R3) ที่เพื่อนๆกำลังเห็นอยู่ตอนนี้ถูกผลิตขึ้นโดยสำนักที่ชื่อว่า Saitaniya จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนอกจากชุดแฟริ่งหน้า และข้างที่จะดูเหมือนกับพี่ใหญ่ตระกูล YZF อย่าง R1 เกือบทุกระเบียดนิ้วแล้ว ทางสำนักยังออกแบบชุดโคมไฟหน้าและถังน้ำมันแต่งให้เข้ากับแฟริ่งหน้าชิ้นใหม่นี้ด้วยเช่นกัน จะเหลือก็แค่เพียงแฟริ่งท้ายสำหรับครอบซับเฟรมเท่านั้นที่ไม่ได้ออกแบบเผื่อไว้ สำหรับราคาในเบื้องต้นของชุดแต่งนี้นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 17,570 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้าขึ้นไป และจะแบ่งเกรดตามสีของแฟริ่ง (มีสีขาวและสีดำ ซึ่งสีดำจะมีราคาสูงกว่าอาจจะด้วยเรื่องความคงทนี่สูงกว่า) กับรูปแบบการติดตั้ง เพราะทาง Saitaniya ได้ทำไว้ 2 แบบให้ลูกค้าได้เลือกซื้อคือ แบบยึดด้วยน็อตปกติ และแบบยึดด้วยเขี้ยวพิเศษสำหรับสายสนามที่ต้องการให้ตัวแฟริ่งสามารถถอดเข้า/ออกได้ง่าย เพื่อความสะดวกในการทำงาน อย่างไรก็ดีตัวเลขราคาที่เรายกขึ้นมายังไม่รวมชุดไฟหน้า, แผ่นปิดใต้ไฟหน้า,…
เรียกได้ว่านี่น่าจะเป็นการแสดงออกถึงสปิริตที่ดีที่สุดในองค์กรเลยก็ว่าได้ กับการที่ “Kouji Tsuya” ผู้บริหารใหญ่สุดของ Yamaha ฝ่ายจัดการทีมแข่ง MotoGP ได้ออกมาถือไมค์และประกาศต่อหน้าสื่อกับ Valentino Rossi และ Marverick Vinales ว่าตนขอโทษกับปัญหาของตัวแข่ง YZR-M1 จนส่งผลให้ทั้งสองไม่สามารถทำผลควอลิฟาย ณ สนาม Red Bull Ring ได้ตามที่คาดหวังชนิดที่เรียกได้ว่า “ขั้นวิกฤต” โดยประโยคที่ Tsuya ได้เอ่ยขอโทษทั้งสองนักบิดนั้นมีใจความว่า “วันนี้มันเป็นวันที่ยากมากสำหรับเรา, เราต้องดิ้นรนกันพอสมควร”, “ผมต้องขอโทษนักบิดในเรื่องประสิทธิภาพอัตราเร่งของตัวรถที่แย่มากในวันนี้” “เราดิ้นรนกันมาก และต้องขอโทษนักบิดจริงๆ, ตอนนี้เราต้องทำงานกันอย่างหนักเพื่อหาทางแก้ปัญหาให้ได้. หลังจบการแข่งขันสนามนี้ เราจะมีไพรเวทเทสที่มิซาโนก่อนจะไปแข่งอีกทีที่สนามซิลเวอร์สโตน แล้วหลังจากนั้นเราจะมีการเทสอีกรอบที่สนามอารากอนเพื่อแก้ปัญหาต่อ” “แต่ยังไงก็ตามสำหรับตอนนี้ เราต้องตั้งสมาธิกับการแข่งวันพรุ่งนี้ (ก็คือวันนี้นี่แหล่ะครับ) เพื่อให้ได้ผลแข่งที่ดีที่สุดสำหรับนักบิดของเรา” งานนี้สำหรับสาวกของ “พ่อหมอ – Valentino Rossi” และสาวกของ “ไอ้หนูท็อปกัน – Marverick Vinales”…
2 ดาวรุ่งไทย “ฟิล์ม” ปิยะวัฒน์ ประทุมยศ หมายเลข 9 และ วัชรินทร์ ทับทิมอ่อน หมายเลข 2 สร้างผลงานระดับมาสเตอร์ ควงคู่คว้าอันดับ 2 และ 3 ได้ฉลองโพเดี้ยมในศึก “ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ 2018” สนาม 4 เรซแรก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบเพื่อเฟ้นหาดาวรุ่งสู่การเป็นนักบิดระดับโลก “โมโตจีพี” รายการ “ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ 2018” ดวลความเร็วสนามที่ 4 เรซแรก เมื่อบ่ายวันเสาร์ที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ระยะทางต่อรอบ…
ดูเหมือนว่าการที่ Ducati ได้ทำการเปิดตัวเครื่องยนต์ V4 ลูกใหม่ “Desmosedici Stradale” สำหรับใช้ในซุปเปอร์ไบค์เรือธงของค่ายอย่าง Panigale V4 จะได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก ทำให้เพวกเขาเลือกที่จะขยายขอบข่ายของเครื่องยนต์ลูกนี้ให้มันกระจายไปสู่รถมอเตอร์ไซค์รุ่นอื่นๆมากขึ้น หลังผู้บริหารใหญ่ของค่าย Claudio Domenicali ได้ให้ข้อมูลสำคัญว่าตนและบริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาโมเดล V4 รุ่นใหม่เพื่อเปิดตัวในอนาคต ซึ่งเจ้าตัวได้กล่าวเอาไว้ว่า “เราจะมีโมเดล V4 อีกหลายรุ่นแน่นอน เครื่องยนต์ลูกนี้มันน่าอัศจรรย์ และเป็นแพลทฟอร์มที่แข็งแกร่งมาก มันดีเยี่ยมเลยล่ะ, มันเบา แต่ทั้งชุดเกียร์ ชุดคลัชท์ และท่อนล่างของมันกลับมีความแข็งแรงมากๆ, นับจากนี้ไปเหล่ามอเตอร์ไซค์ระดับบนของเราจะค่อยๆปรับในแนวทางเดียวกันนี้ทีละนิดๆ” “เพราะเรามองไว้คิดไว้แล้วว่า เราไม่อยากให้มันเป็นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนีี้ไปเรื่อยๆ, เครื่องยนต์ลูกใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นจะอิงเทคโนโลยีนี้เป็นพื้นฐาน, แต่มันจะถูกปรับจูนให้ใช้งานได้ไกล มีค่าดูแลรักษาต่ำ และนี่คือสิ่งที่เราต้องการ, มันอาจจะใช้เวลา เพราะเราอยากให้มันเป็นไปในทางที่ถูกต้องจริงๆ แต่นี่แหล่ะคือสิ่งที่เราอยากให้มันเป็นไป” จากประโยคทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้พอคาดเดาได้ว่า เหล่าโมเดลที่จะได้รับอานิสงค์ในตัวเครื่องยนต์ V4 ลูกใหม่พื้นฐาน “Desmosedici Stradale” นั้นจะเป็นกลุ่มผลิตภัณท์ตัวบนทั้งหมด และจะเน้นไปที่กลุ่มมอเตอร์ไซค์เดินทางใกลเป็นหลัก นั่นก็คือ Multistrada และอาจจะรวมถึงตระกููลครุยเซอร์อย่าง…
เข้าสู่ช่วงการแข่งขัน MotoGP อีกครั้งกับสนามแข่งขันที่ได้ชื่อว่า Red Bull Ring ที่ได้ชื่อว่าเป็นสนามที่เข้าทางที่สุดของ Ducati Team ซึ่งสนามนี้ืถือเป็นสนามการแข่งขันลำดับที่ 11 จาก 19 สนามทั้งหมดประจำปีนี้เข้าไปแล้ว โดยมันจะมีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจบ้าง เรามาเริ่มกันเลยครับ 1. สำหรับสนาม Red Bull Ring นั้นตั้งอยู่ในเมือง สปีลเบิร์ก ประเทศ ออสเตรีย มีความยาวทั้งสิ้น 4.318 กิโลเมตร และเป็นสนามแข่งขันที่มีจำนวนโค้งน้อยที่สุดในปฏิทินการแข่งขัน โดยมีโค้งทั้งหมด 10 โค้ง ประกอบด้วย โค้งซ้าย 3 และโค้งขวา 7 โดยมีไฮไลต์จุดแซงที่ดีที่สุด อยู่ในโค้งที่ 3, 6-7 ซึ่งเป็นโค้งต่อเนื่อง และโค้ง 10 ก่อนเข้าสู่เส้นชัยเพื่อรับธงตราหมากรุก 2. จุดเด่นของสนาม Red Bull Ring…
ผ่านไป 4 ปีนับตั้งแต่การเปิดตัวรั้งแรกของ Kawasaki Ninja H2 ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ทางค่ายจะต้องปรับปรุงอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวรถเพื่อเพิ่มความสดใหม่นอกจากการเปลี่ยนสีเฟรมเล่นๆเพียงอย่างเดียวเท่านั้นซักที โดยจุดแตกต่างของ Ninja H2 โฉมปี 2019 ที่เพิ่มขึ้นมาจากโฉมปี 2018 ก็คือ มีการเปลี่ยนชุดคาลิปเปอร์เบรกหน้าเป็น Brembo Stylema® รุ่นใหม่กว่าและดีกว่า Brembo M50 ของเดิมโดยเฉพาะย่างยิ่งกับประสิทธิภาพในการระบายความร้อน, ชุดยางหน้า/หลังมีขนาดหน้ากว้างเท่าเดิม แต่เปลี่ยนรุ่นใหม่เป็น Bridgestone RS11, และเปลี่ยนรายละเอียดจุกจิกเล็กๆน้อยๆด้วยการเปลี่ยนเพลทซุปเปอร์ชาร์จใหม่ให้เป็นสีดำ/แดง ช่วยเพิ่มลุคให้ดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ขณะที่ชุดหน้าจอแสดงผลเองก็ปรับเป็นแบบ Full-Color TFT เหมือนของ H2 SX เรียบร้อย ซึ่งสามารถแสดงผลข้อมูลต่างๆได้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นองศาการเอียงตัวรถ, อัตราการบูสต์ของอากาศที่ได้จากซุปเปอร์ชาร์จเจอร์, และอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนี้มันยังมาพร้อมกับระบบบลูทูธสำหรับเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อเข้าถึงโหมดการรับสายเข้า หรือโทรออกได้ และยังสามารถปรับตั้งค่าการแสดงผลบนหน้าจอผ่านสมาร์ทโฟนที่ว่านี้ได้อีกด้วย ส่วนการปรับปรุงเครื่องยนต์ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ของ 2019 Ninja H2 ก็คือการที่มันได้รับการปรับปรุงหลายจุดด้วยกันทั้ง กรองอากาศ, หัวเทียน, และปรับกราฟการจ่ายน้ำมันใหม่หมด…
อาจจะด้วยความที่ภาพเรนเดอร์ของ New Yamaha YZF-R25 (R3) ชุดก่อนหน้ายังดูไม่ค่อยสมจริงเท่าไหร่ ทำให้ทาง MotoBlast เลือกปล่อยภาพเรนเดอร์ของโมเดลนี้ออกมาอีกชุดให้เราได้วิเคราะห์กันว่ามันจะเหมือนหรือใกล้เคียงกับรถ Prototype ในชุดภาพ Spyshot ก่อนหน้านี้มากแค่ไหน เริ่มจากชุดหน้าตัวรถที่จะเห็นได้ว่ามีการปรับขนาดไฟหน้าใหม่ให้ใหญ่ขึ้นจากภาพเรนเดอร์ชุดก่อน ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อปรับแบบยี้แล้วทำให้มันดูคล้ายคลึงกับตัวรถ Prototype ในภาพ Spyshot มากขึ้น และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือชุดโช้กหัวกลับปลอกสีทองที่ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของ YZF-R25 คันนี้ ส่วนถังน้ำมันก็มีการทำครีบฉลาม 3 แถบไว้ให้ ขณะที่ชุดแฟริ่งด้านข้างเองก็ปรับลายเส้นใหม่ให้ดูสมจริงกว่าเดิม แถมยังดูคล้ายกับพี่ๆ YZF-R6, และ YZF-R1 มากเลยทีเดียว (แต่ถ้าถามผู้เขียนว่าคล้ายคันไหนที่สุด แอดขอตอบว่าค่อนไปทาง R1 ก็แล้วกันครับ) ด้านชุดท้ายเองก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากนัก หรือจริงๆจะเรียกว่ามันคือของเดิมที่ลอกลายมาเลยก็ได้ เพราะถ้าให้ลองเอาท้ายของ YZF-R25 (R3) โฉมปัจจุบันมาเทียบเข้าต่อเข้ากับชุดหน้าของโฉมใหม่ก็จะยิ่งเห็นได้เลยว่ามันสามารถต่อกันได้อย่างสนิทไม่ผิดเพี้ยนอะไรแต่อย่างใดเลย สำหรับข้อมูลในส่วนของเครื่องยนต์ก็ยังคงเดิมคือไม่มีอะไรมาระบุแย้งจากข้อสันนิษฐานเดิมว่ามันจะเป็นแบบ 2 สูบเรียงระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดความจุเท่าเดิมกับโฉมปัจจุบันคือ 249cc ของ YZF-R25 และ 321cc…