อย่างที่เราได้เคยเสนอภาพเรนเดอร์ของเจ้าเหยี่ยวอ้วน “2019 Suzuki Hayabusa” ไปก่อนหน้านี้เมื่อช่วงปลายปี ซึ่งดูเหมือนว่าแค่นั้นก็น่าจะพอทำให้เราเดาองค์ประกอบต่างๆด้านหน้ารถได้บ้าง แต่ในช่วงไม่กี่วันมานี้ ทางเจ้าของภาพเรนเดอร์ดังกล่าวอย่าง Auto-by ก็ได้ปล่อยภาพเรนเดอร์เพิ่มเติมอีกครั้งโดยมาพร้อมกับความชัดระดับ HD ทั้งด้านหน้าและด้านข้างตัวรถ ดังที่เห็นกันอยู่ข้างล่างนี้ เริ่มจากภาพแรกนั่นก็คือช่วงหน้าตัวรถ ซึ่งเอาจริงๆแล้วมันก็ไม่ได้ต่างจากภาพก่อนหน้าที่เราได้นำเสนอไปก่อนหน้ามากมายนักจะต่างก็แค่เพียงเฉดสีและความละเอียดซึ่งผยให้เห็นสัดส่วนต่างๆของไฟหน้า, แถบ DRL, ช่อง Ram-Air, และวินชิลด์ ซึ่งถูกออกแบบให้ดูมีความแหลมคมมากขึ้นเมื่อเทียบกับโฉมปัจจุบัน ในขณะที่ตัวกระจกมองข้างนั้นดูเหมือนว่าทาง Auto-By จะหยิบยืมดีไซน์มาจากซุปเปอร์สปอร์ตร่วมค่าย GSX-R1000 ต่อมาก็เป็นภาพด้านข้างตัวรถ ซึ่งถ้าหากว่าเราดูเผินๆแล้วตำแหน่งจุดเด่นต่างๆของตัวรถยังมีอยู่ครบถ้วนทั้งหมดแม้ว่าจะมีการปรับรายละเอียดไปบ้าง เช่น ช่องระบายอากาศด้านข้าง, ชุดแฟริ่งที่ลากยาวปิดคลุมแครงก์เครื่องยนต์, ตูดมดขนาดใหญ่แต่ถูกปรับความสูงใหม่ให้เรียบลู่กว่าเดิม, ชุดล้อแม็กหน้าหลังที่มีลายเส้นของก้านแม็กเหมือนเดิม แต่เพิ่มจาก 3 ก้านเป็น 6 ก้าน ส่วนตัวเฟรมนั้นดูเหมือนว่าจะมีการปรับรายละเอียดจากเดิมไปพอสมควร ซึ่งตรงกับข้อมุลช่วงปีที่ผ่านมา ที่ระบุไว้ว่าทาง Suzuki จะออกแบบให้ All-New Hayabusa มีรูปร่างที่เพียวบางและเบาลงกว่าเดิม แต่อีกสิ่งนึงที่เรายังหาคำตอบหรือข้อสรุปไม่ได้เลยนั่นก็คือ คำถามที่ว่าแล้วเจ้า All-New Hayabusa นี้จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ใดกันแน่ระหว่าง…
Author: admin
เป็นเรื่องปกติของทุกช่วงสิ้นปีที่เหล่าผู้ผลิตต่างๆจะออกมาประกาศหรือแจ้งยอดขายที่พวกเค้าทำได้ในปีก่อนหน้าตวามรอบปีงบประมาณให้กับรัฐบาลทราบ และผู้ผลิตรายแรกที่ปล่อยข้อมูลดังกล่าวออกมานั้นก็คือ Triumph ที่แจ้งจำนวนยอดขายตัวรถระหว่างเดือนกรกฎาคมปี 2016 ถึงเดือน มิถุนายน ปี 2017 ของพวกเค้าไว้ที่ 63,404 คันทั่วโลก คิดเป็นเม็ดเงินกว่า 498.5 ล้านยูโร หรือราวๆ 21,756 ล้านบาท และจากตัวเลขยอดขายดังกล่าวนั้น เท่ากับว่าทาง Triumph มีอัตราการเติบโตทางยอดขายสูงถึง 11.1% โดยคิดตามรอบปีงบประมาณ นั่นก็คือช่วงกลางปีถึงอีกกลางปี ส่วนตัวเลขเม็ดเงินดังกล่าวนั้นหากหักต้นทุนทั้งหมดแล้ว ทางบริษัทก็จะได้กำไรแบบยังไม่หักค่าภาษีไปถึง 24.7 ล้านยูโร หรือราวๆ 1,078 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 48% หรือเกือบเท่าตัวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับรอบปีก่อนหน้า จากแนวโน้มทางการตลาดที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ตอนนี้ทางผู้บริหารตื่นเต้นอย่างมาก พร้อมกล่าวอีกว่าพวกเขาจะต้องเตรียมแผนบริหารเงินทุนแบบระยะยาวให้ดีที่สุด และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือการเตรียมนำเสนอโมเดลใหม่ๆที่น่าสนใจและมีความเป็นเอกลักษณ์ประจำแบรนด์มากยิ่งกว่าเดิม ขอบคุณข้อมูลจาก Asphaltandrubber, Ultimatemotorcycling.com อ่านข่าว Triumph เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival…
แม้ว่าจากผลงานคะแนนรวมอันดับที่ 7 หลังจบการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลก MotoGP ภายใต้สีเสื้อทีมแดง Ducati กับตัวแข่ง Desmocedisi GP17 ปีแรกของ Jorge Lorenzo นั้นดูเหมือนว่าจะสมใจหมายของกองแช่งทั้งหลายพอสมควร แต่ถ้าหากลองดูตัวเลขสถิติอันดับการเข้าเส้นขัยในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังของเค้านั้น จะเห็นได้ว่า Lorenzo เริ่มใต่ระดับจบใกล้กลุ่มหัวแถวมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสนามรองสุดท้ายที่เค้าจบด้วยอันดับที่ 2 ของการแข่งขันนั้น ซึ่งดูเหมือนว่าเค้าเริ่มจับทางตัวแข่ง GP17 ของ Ducati ได้ดีพอสมควรแล้ว โดยนี่ไม่ใช่แค่การตีความหมายจากตัวเลขสถิติเท่านั้น เพราะแม้กระทั่งเพื่อนร่วมทีมที่มีสิทธิ์ลุ้นแชมป์โลกอย่าง Andrea Dovizioso ก็ได้ออกมาพูดเช่นกันว่า Lorenzo มีพัฒนาการที่ดีขึ้นกว่าตอนแรกมาก จนถึงขั้นมีสิทธิ์เป็นหนึ่งในผู้ลุ้นแชมป์การแข่งขันฤดูกาล 2018 เลยทีเดียว นอกจากนี้เขายังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “แน่นอน Lorenzo ก็ยังคงต้องการแข่งเพื่อคว้าแชมป์ ซึ่งเค้าก็จะทำมันเหมือนปีที่ผ่านมา นั่นก็คือขับได้เร็ว แต่ระหว่างการขับให้เร็วกับขับให้ชนะมันมีความต่างกันอยู่ และเรามาดูกันว่าเค้าจะทำยังไงกับการแข่งขันปี 2018” ด้าน Lorenzo เองก็เริ่มให้สัมภาษณ์ในเชิงแสดงความมั่นใจออกมาเต็มเปี่ยมเหมือนเคย “ผมเป็นคนซื่อตรงๆ และพูดในสิ่งที่ผมคิดเสมอ, สิ่งที่ผมพูดเป็นเรื่องจริง,…
นอกจากความสามารถในการเก็บแชมป์โลก MotoGP ฤดูกาลแข่งขัน 2017 ซึ่งถือเป็นสมัยที่ 4 ของนักบิดหมายเลข 93 อย่าง Marc Marquez แล้ว ตลอดระยะเวลาที่นักบิดรายนี้เริ่มก้าวเท้าเข้ามาสู่โลกแห่งการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลกนั้น เค้าก็สามารถสร้างสถิติใหม่ๆจากการทำลายสถิติเดิมๆของนักบิดคนอื่นๆทิ้งไปอยู่ตลอด จนทำให้หลายคนเริ่มสงสัยว่าเค้าเกิดมาเพื่อทำสิ่งนี้ (การทำลายสถิติต่างๆ) นอกเหนือจากการคว้าแชมป์หรือไม่ ? แต่ล่าสุดจากบทสัมภาษณ์ที่เค้าได้กล่าวไว้กับทางสื่อยุโรป มีใจความว่า ” ผมไม่ได้สนใจในตัวเลขสถิติ หรือแม้แต่จำนวนครั้งที่คว้าแชมป์ประจำฤดูกาลใดๆทั้งสิ้น, ผมขับเพราะผมฝันที่อยากจะเป็นแชมป์ในบทสรุปสุดท้ายของการแข่งขันเท่านั้น และหลังจากที่เราสามารถทำมันได้ในทุกๆปี มันก็ยิ่งมีความท้าทายใหม่ๆเพิ่มเข้ามาอีกไม่ว่าจะนอกหรือในสนาม” อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งสถิติของ Marc ที่เราไม่พูดถึงไม่ได้นั่นก็คือตัวเลขจำนวนครั้งที่เค้าพลาดหรือล้มลงไปโหม่งโลกในสนาม โดยในปีล่าสุดนั้นเค้าครองสถิตินี้ไปถึง 27 ครั้ง ซึ่ง Kevin Schwantz อดีตนักบิดเจ้าตำนาน “คนบ้าทีม” ผู้มีสไตล์การขับขี่แนวบู้แหลกลานไม่ต่างจาก “เด็กระเบิด” ก็ได้ออกมาปรามว่า “Marquez มักจะทำขับขี่ด้วยการรีดสมรรถนะตัวรถออกมาแบบ 100% หรือเต็มลิมิตตัวรถ จนทำให้เกิดความผิดพลาดได้เสมอๆ ดังนั้นเค้าควรที่จะขับขี่โดยอาจจะยอมลดลักษณะการขับขี่ตัวรถออกมาเพียงแค่ 95-96% ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจจะต้องแลกกับความเร็วต่อรอบที่ลดลง แต่เค้าก็ต้องนึกถึงความปลอดภัยบ้าง…
ในขณะที่ใครหลายคนกำลังรอการปรากฏตัวของเจ้าลิง Honda Monkey โฉมใหม่ที่จะมาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 125cc จาก MSX125 อยู่นั้น วันนี้เราจะขอพาทุกคนไปพบกับเจ้า Monkey รุ่นปี 1969 ที่ไม่ได้มีดีแค่ความเก่าดั้งเดิมเท่านั้น แต่มันยังมีความเก๋าในตัวเนื่องจากครั้งนึงเจ้าลิงคันนี้นั้นเคยมีเจ้าของเป็นนักดนตรีจากวงในตำนาน The Beatles “จอห์น เลนนอน” อีกด้วย และสาเหตุที่มันถูกนำมาพูดถึงอีกครั้งในตอนนี้ นั้นก็เป็นเพราะว่า เจ้าของคนปัจจุบันซึ่งก็คือ พิพิทธภัณฑ์ H&H Classics ที่ถือเป็นเจ้าของลำดับสองต่อจาก จอห์น เลนนอน นั้น ได้ประกาศประมูลโดยตั้งเลขเปิดประมูลไว้ที่ 0 ยูโร หรือ 0 บาทไทยเท่านั้น สำหรับจุดเด่นของเจ้า 1969 Honda Monkey คันนี้นั้น นอกจากการที่มันเคยเป็นของนักดนตรีวง The Beatles แล้ว สภาพโดยรวมของตัวรถนั้น แม้ว่าจะดูเก่าตามอายุอานาม แต่ถ้าพูดถึงชิ้นส่วนต่างๆรอบคันตัวรถนั้นถ้าไม่นับพวกอะไหล่สิ้นเปลืองเช่น ยาง, ผ้าเบรก, ฯลฯ…
สำหรับเหตุการณ์ “เกียร์ว่าว”, “เกียร์หาย” หรือที่อธิบายง่ายๆว่า “เรากำคลัชท์เพื่องัดเกียร์ขึ้น/ตบเกียร์ลง แต่หลังจากใช้เท้าตบ/งัดเกียร์ และปล่อยคลัชท์เสร็จปรากฎว่ามีแต่รอบเครื่องพร้อมเสียง เบิ้ลเครื่องมาแทน ในขณะที่รถไม่วิ่ง หรือไม่มีแรงฉุดให้ลดความเร็วลง” นั้น เราเชื่อว่าจะต้องมีเพื่อนๆที่เคยพบเจอกับเหตุการณ์นี้กันมาบ้างไม่มากก็น้อย และในวันนี้เราทาง MotoRival เองก็จะขออธิบายถึงสาเหตุดังกล่าวในบทความ Tips Trick ครั้งนี้ให้เพื่อนๆได้เข้าใจกัน มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจกันก่อนว่า ระบบเกียร์ที่มีใช้อยู่ในรถมอเตอร์ไซค์ทั้งแบบแมนวลคลัชท์ (คลัชท์มือที่มีให้เห็นกันประจำในกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์เครื่องแรงๆทั้งหลาย) และ ออโต้คลัชท์ (คลัชท์เท้าที่มีให้เห็นกันประจำในกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์แม่บ้าน) นั้นต่างก็เป็นแบบเดียวกันแทบทั้งหมด ซึ่งก็คือระบบเกียร์แบบ “คอนสแตนท์เมช-ซีเควนเชียล” (Constant Mesh – Sequential) หรืออีกชื่อนึงที่มักได้ยินกันบ่อยๆในกลุ่มรถยนต์แดรกอย่าง “Dog Box transmission” โดยเจ้าชุดเกียร์ดังกล่าวนี้จะอาศัยหลักการที่ว่านำเฟืองจำนวนตามระดับสปีดเกียร์ที่วิศวกรออกแบบ โดยมีชุดเฟืองที่แกนเป็นเพลาขับ (เพลาที่รับแรงมาจากเครื่องยนต์) และแกนเป็นเพลาตาม (เพลาที่จะส่งกำลังต่อไปยังเสตอร์หน้าและโซ่) อย่างละชุด (ในกรณีนี้จะยกตัวอย่างเป็นเกียร์ 6 สปีด ดังที่เห็นใภาพว่ามีเฟือง 6 ตัวต่อเพลาหนึ่งตัว) มาประกบเข้าด้วยกันเพื่อให้เฟืองทั้งสองชุดขบกันอยู่ตลอดเวลา (ซึ่งนี่คือที่มาของคำว่า…
หลังจากที่ทาง Energica ได้เคยนำมันไปเผยโฉมมาแล้วครั้งหนึ่งที่งาน EICMA2017 ในที่สุดก็ได้เวลาเปิดตัวอย่างเป็นทางการเพื่อวางจำหน่ายจริงๆกันซักทีสำหรับ 2018 Energica Eva EsseEsse9 มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคันแรกของโลกที่ปรากฏโฉมด้วยหน้าตาแบบสปอร์ตเฮอร์ริเทจซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในขณะนี้ โดยสำหรับขุมกำลังหลักของตัวรถเป็นแบบมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังแรงม้าสูงถึง 109 Hp ซึ่งเทียบเท่ากับเครื่องยนต์สันดาปภายใน 4 สูบพิกัด 600-800cc ในขณะที่แรงบิดนั้นก็สูงถึง 180 นิวตันเมตรซึ่งมีตัวเลขสูงกว่าซุปเปอร์ไบค์พ่วงซุปเปอร์ชาร์จอย่าง Kawasaki H2 ซะด้วยซ้ำ แต่ความเร็วสูงสุดของมันนั้นถูกจำกัดไว้ที่ 200 กิโลเมตร/ชั่วโมงเพื่อความเหมาะสมและเป็นการยืดระยะทางในการใช้งานไปในตัว (ทาง Energica ได้เคลมตัวเลขระยะทางการใช้งานไว้ที่ 150 กิโลเมตร) นอกจากนี้เจ้า 2018 Energica Eva EsseEsse9 ยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือกอีก 4 แบบด้วยกัน ได้แก่ Urban, Eco, Rain,และ Sport เสริมด้วยโหมดควบคุมการรีชาร์จผ่านแรงเฉื่อยของตัวรถอีก 4 ระดับ ได้แก่ Low, Medium, High,…
Shineray บริษัทผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ยักใหญ่จากประเทศจีน ได้ออกมาเปิดตัวแพลฟอร์มเครื่องยนต์ V-Twin ลูกใหม่ ที่จะใช้กับรถมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ภายใต้ชื่อแบรนด์อิตาลีนามว่า SWM โดยตัวแพลตฟอร์มเครื่องยนต์ลูกดังกล่าวจะครอบคลุมขนาดความจุตั้งแต่ 350-1200cc อย่างที่เรากล่าวไปในข้างต้นว่าเจ้าเครื่องยนต์ V-Twin ลูกใหม่นี้จะถูกผลิตด้วยช่วงความจุที่กว้างมาก เนื่องจากทาง SWM ต้องการความเหมาะสมในการใช้งานเป็นหลัก โดยเริ่มจากขนาด 350cc ที่จะถูกนำไปติดตั้งในรถมอเตอร์ไซค์สำหรับมือใหม่หรือเหล่า Beginner ทั้งหลาย ต่อไปคือ 550cc ที่ออกแบบมาเพื่อติดตั้งในรถมอเตอร์ไซค์ที่เน้นใช้งานในเมือง แต่ตัวนักบิดเองต้องมีประสบการณ์มาแล้วระดับหนึ่ง หลังจากนั้นก็ไล่ระดับไปเป็น 850cc และ 1200cc สำหรับนักบิดที่ต้องการใช้ขับขี่ตัวรถด้วยความแรงที่เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้นกว่าปกติ โดยคำอธิบายเครื่องยนต์ V-Twin 1200cc นั้นทาง SWM ระบุไว้ว่า “For the ultimate experience” ซึ่งนั่นอาจหมายความว่าเราจะได้เห็นโมเดลซุปเปอร์ไบค์จากแบรนด์ SWM ที่ปกติทำแต่รถแนวซุปเปอร์โมโตก็เป็นได้ อ่านข่าว SWM เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival…
หากยังจำกันได้ก่อนหน้านี้ทาง Harley-Davidson ได้ประกาศไปว่านับตั้งแต่ปี 2018-2028 หรือ 10 ปี ต่อจากนี้พวกเค้าจะเปิดตัวโมเดลใหม่ของทางค่ายจำนวนทั้งหมด 100 รุ่นหรือ 10 รุ่นต่อปีด้วยกัน ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดที่เราได้รับมานั้นปรากฏว่าทางค่ายได้ทำการจดทะเบียนชื่อใหม่มาแล้ว 3 รุ่นสดๆร้อนๆเมื่อไม่กี่วันมานี้ ได้แก่ 48X, Pan America, และ Bronx เริ่มจากโมเดล 48X นั้นจากการคาดการณ์ของทางสื่อต้นทางระบุไว้ว่าเจ้านี่น่าจะเป็นชื่อของ Sportster รุ่นพิเศษตัวใหม่ของทางค่ายที่จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์รุ่นใหญ่กว่าปกติ ส่วน Bronx นั้นก็คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งรูปโฉมใหม่ของ Sportster ที่ถูกปรับให้เหมาะกับการใช้งานในเมืองมากขึ้นเช่นกัน หรือไม่ก็อาจจะเป็นรุ่นย่อยใหม่จากตระกูล Softail ในขณะที่ตัว Pan America นั้นจะต้องเป็นรุ่นย่อยใหม่ของกลุ่มโมเดล Touring สำหรับช่วงเวลาเปิดตัวคาดว่าภายในช่วงเดือนกุมภาพันธ์/มีนาคมที่จะถึงนี้จะต้องมีหนึ่งหรือสองโมเดลที่ได้รับการเปิดตัวในช่วงเวลาดังกล่าว ส่วนโมเดลที่เหลือจะลากยาวไปช่วงเดือนสิงหาคม/กันยายน ขอบคุณข้อมูลจาก Motobikewriter อ่านข่าว Harley-Davidson เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival…
ถือว่าเป็นข่าวดีฉลองปีใหม่ของสาวก “The Doctor” Valentino Rossi เลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อคืนวันที่ผ่านมาได้มีสื่อเบลเยียมรายนึงรายงานออกมาว่าในตอนนี้ทาง Rossi ได้รับการยื่นเอกสารเซ็นต์สัญญาสำหรับลงแข่ง MotoGP ให้กับทีม Yamaha ในฤดูกาล 2019 แล้ว หลังจากที่สัญญาฉบับล่าสุดกำลังจะหมดลงภายในสิ้นปี 2018 นี้ โดยข้อมูลดังกล่าวนั้นถูกเปิดเผยจากนาย Carlo Pernat ผู้ดูแลแข่งขัน MotoGP ซึ่งเค้าได้กล่าวเอาไว้ว่า “จากข้อมูลในแหล่งข่าวของผมระบุไว้ว่าตอนนี้ Rossi ได้รับสัญญาสำหรับทำการแข่งขันในปี 2019 ให้กับ Yamaha เรียบร้อยแล้ว, Dorna เองก็มีส่วนเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะ Rossi เป็นอะไรที่ขาดไม่ได้สำหรับ MotoGP และถึงแม้ผมจะไม่เห็นมันกับตาก็ตาม แต่ผมมั่นใจในสิ่งที่ผมพูด” นอกจากนี้ยังมีอีกสื่อจากประเทศสเปนได้ลงข้อมูลไว้ว่าตัวสัญญาดังกล่าวเป็นเอกสารที่ผูกระยะเวลาไว้ 2 ปี นั่นจึงหมายความว่าเราจะเห็นนักบิดหมายเลข 46 รายนี้อยู่หวดตัวแข่ง YZR-M1 ของ Yamaha ไปจนถึงปี 2020 ด้วยตัวเลขอายุขณะนั้น…