ถ้าเราถามสายมอเตอร์ไซค์ว่าอยากได้คาลิเปอร์เบรกแบบไหนมาติดตั้งในรถของตัวเอง หลายคนก็คงจะตอบไปในทิศทางเดียวกันว่าต้องเป็นคาลิเปอร์แบบเรเดียลเม้าท์ เพราะนอกจากหน้าตาที่ดูสวยงาม มันยังให้ประสิทธิภาพการเบรกที่หนึบและมั่นคงกว่าแบบแอ็กเซียลเม้าท์ แต่ทุกคนจะคิดอย่างไรถ้าเราบอกว่าในอนาคต เราอาจจะได้ใช้คาลิเปอร์เบรกแบบใหม่ที่ดีกว่าเรเดียลเม้าท์ในปัจจุบัน? เพราะถ้าเราย้อนกลับไปที่งาน EICMA 2024 บริษัทผู้นำเรื่องระบบเบรก และระบบกันสะเทือนจากประเทศญี่ปุ่นอย่าง Showa และ Nissin ได้ทำการเผยโฉมระบบกันสะเทือนและระบบเบรกรุ่นต้นแบบในงานดังกล่าว จากเดิมที่ผู้ผลิตจะต้องคิดว่าจะใช้คาลิเปอร์เบรกแบบไหน และจะติดตั้งกับจุดยึดโช้คหน้าแบบไหน อุปกรณ์ต้นแบบที่ว่านี้ก็จะเป็นการนำของทั้งสองอย่างที่ว่า มาสร้างรวมกันเป็นชิ้นเดียวไปเลย ซึ่งข้อดีของการทำแบบนี้คือการลดความซับซ้อน และจำนวนชิ้นส่วนที่ต้องใช้ ถ้าคาลิเปอร์เรเดียลเม้าท์นั้นดีกว่าแอ็กเซียลเม้าท์ เนื่องจากรูปแบบการติดตั้งนั้นมีความแข็งแรงมั่นคงมากกว่า โช้คและคาลิเปอร์เบรกรุ่นต้นแบบที่ว่านี้ก็จะต้องแข็งแรงมากขึ้นไปอีก เนื่องจากมันถูกสร้างขึ้นมาเป็นชิ้นเดียวกันแต่แรก นอกจากนี้ด้วยความที่อุปกรณ์ทั้งสองนั้นเป็นชิ้นเดียวกัน แปลว่าเราสามารถตัดความยุ่งยากและโอกาสเกิดความผิดพลาดในการติดตั้งคาลิเปอร์เบรกออกไปได้ แถมการลดชิ้นส่วนยังช่วยลดน้ำหนักใต้สปริงลงไปได้ถึง 200 กรัม แต่ถ้าแค่นั้นยังไม่พอ งานออกแบบคาลิเปอร์แบบใหม่ที่มีครีประบายความร้อนอยู่ทั่วคาลิเปอร์ และความสามารถในการกระจายความร้อนออกไปสู่ขายึดและกระบอกโช้คที่ทำได้ดีมากขึ้น ก็ช่วยลดความร้อนของระบบเบรกไปได้อีก 5% ถึงจุดนี้หลายคนก็คงสงสัยว่า “ถ้าแบบนี้ตอนจะเปลี่ยนโช้คหรือเบรก เราก็ต้องเปลี่ยนพร้อมกันทุกอย่างเลยไหม?” ซึ่งคำตอบของคำถามนั้น ทางเราก็คิดว่าจะต้องเป็นแบบนั้นเช่นกัน แต่อย่าลืมว่านี่เป็นเพียงแค่สิ่งประดิษฐ์ต้นแบบเพื่อการทดลองเท่านั้น ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีอะไรมาแทนที่คาลิเปอร์เรเดียลเม้าท์ในอนาคตอันใกล้ และสำหรับคนที่สงสัยว่าทำไม Showa และ Nissin ถึงมาจับมือกันทำของแบบนี้ได้ นั่นก็เป็นเพราะบริษัททั้งสอง รวมถึงผู้ผลิตระบบจ่ายเชื้อเพลิง Keihin…
Author: Kristha
ประเทศญี่ปุ่น หนึ่งในประเทศชั้นนำของโลก และเป็นประเทศต้นกำเนิดของค่ายรถมอเตอร์ไซค์รายใหญ่อย่าง Honda Yamaha Suzuki Kawasaki แต่เคยสงสัยกันไหม ว่าทำไมในท้องถนนของญี่ปุ่น กลับไม่ค่อยมีคนใช้รถมอเตอร์ไซค์กันเลย? ซึ่งเหตุผลของคำถามที่ว่านั้น ก็อาจจะเกิดจากหลายสาเหตุรวมกัน จนส่งผลให้ประชาชนของประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก กลับไม่ได้ใช้สินค้าของตัวเอง ในบ้านของตัวเอง แต่จะมีเหตุผลอะไรบ้าง เราลองดูไปด้วยกัน 1 – อากาศหนาว เราต้องไม่ลืมว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นอยู่สูงขึ้นไปทางทิศเหนือมากกว่าประเทศไทย ทำให้ดินแดนแห่งนี้มีทั้งฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาวที่มีอุณภูมิต่ำกว่าไทยมาก บางพื้นที่อาจจะหนาว 6-10 เดือนต่อปี การจะขับขี่มอเตอร์ไซค์ในอากาศแบบนั้นคงจะไม่ง่ายดายเท่าไร โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่มักมีหิมะและน้ำแข็งบนท้องถนน ยิ่งเป็นปัญหาสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ 2 – ขนส่งมอลชนที่ยอดเยี่ยม ภาพลักษณ์อีกอย่างที่คนไทยคุ้นเคยคือระบบการขนส่งที่ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นรถไฟความเร็วสูง รถไฟใต้ดิน หรือรถบัส นอกจากนี้ยังมีทางเท้า และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนเดินเท้าที่อยู่ในอันดับท็อปของโลก ทำให้คนทั่วไปไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหารถมอเตอร์ไซค์ที่ถือเป็นรายจ่ายอย่างนึงมาใช้ 3 – Kei Car หรือ รถยนต์ขนาดเล็ก ถือเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการวิธีเดินทางที่เป็นส่วนตัว แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้แพงเกินไป ซึ่งแนวคิดต้นกำเนิดของรถแบบ Kei Car…
ในยุคที่รถมอเตอร์ไซค์คลาสเริ่มต้น เปิดตัวมาพร้อมกับเทคโนโลยีทันสมัยแน่นคันจากโรงงาน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีผู้ใช้บางกลุ่ม จากบางตลาด ในบางมุมของโลก ที่ยังต้องการรถที่มีความเรียบง่ายไม่จุกจิก และดูเหมือนว่าค่ายปีกนก Honda ก็จะเข้าใจในเรื่องนั้นเป็นอย่างดี จนเป็นที่มาของภาพสิทธิบัตรล่าสุดที่ทุกคนกำลังเห็นอยู่นี้ ตามปกติแล้ว เวลาที่ค่ายรถจดสิทธิบัตรเรื่องงานออกแบบรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ พวกเขามักจะยื่นเอกสารเป็นไฟล์ CAT ที่อยู่เรนเดอร์มาจากคอมพิวเตอร์ แต่ในสิทธิบัตรชิ้นล่าสุดของรถไฟกลมรุ่นใหม่คันนี้ มันกลับโผล่มาแบบชัดเจนในรูปแบบของภาพถ่ายคันจริง (แต่เอามาทำเป็นภาพขาวดำ) แสดงให้เห็นว่าโปรเจครถใหม่ที่ว่านี้ดำเนินการไปไกลพอสมควรแล้ว จากภาพจะเห็นได้ว่ารถคันดังกล่าวนั้นจะมาในสไตล์เรโทร ไฟหน้าโคมกลม ใช้แฮนด์แบบจับโช้คที่ยกสูงขึ้นมาพอสมควร กระจกมองข้างติดตั้งปลายแฮนด์ เส้นสายรอบคันดูมีความร่วมสมัยพอสมควร คล้ายกับรถในกลุ่ม Neo Sport Cafe เบาะนั่งตอนเดียว ชุดล้อแบบซี่ลวด แต่ใช้ยางสายสปอร์ตเต็มตัว ในส่วนของเครื่องยนต์นั้นเป็นแบบสูบเดียว ระบายความร้อนด้วยอากาศและน้ำมัน 1 สูบ 4 วาล์ว ปริมาตรกระบอกสูบ 293 ซีซี ซึ่งเป็นพื้นฐานของเครื่องยนต์ที่นิยมใช้อยู่ในรถที่จำหน่ายอยู่ในตลาดอเมริกาใต้ เช่น CB300F Twister หรือ XR300L Tornado ให้พละกำลังสูงสุด 24.5 Hp…
BMW ค่ายรถจากบาวาเรีย ที่มีข่าวลือหนาหูมานานนับปี ว่าพวกเขาจะทำทีมลงแข่งในการแข่งขัน MotoGP จากเดิมที่พวกเขาจะรับผิดชอบแค่ในส่วนของการจัดหารถ Safety Car โดยข่าวลือเหล่านั้นก็ถูกโหมแรงขึ้นหลังจากการถอนตัวของ Suzuki และการมาถึงของกติกาใหม่ในปี 2027 ซึ่งอัพเดตล่าสุดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ BMW จะลงแข่งขันใน MotoGP นั้นก็มาจากปากของหัวหน้าฝ่ายมอเตอร์สปอร์ตของทางค่ายอย่าง Sven Blusch ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่สนใจในกีฬาสองล้ออยู่แล้ว โดยเขาได้ให้ข้อมูลว่า “ผมรู้ว่าเราคุยเรื่องนี้กันมาหลายรอบแล้ว แต่ตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงวางแผน” “ปัญหาคือเรื่องนี้ไม่สามารถตัดสินใจอย่างรวดเร็วได้ เราต้องการสร้างแผนระยะยาว ช่วงเวลาเร็วที่สุดที่เราจะให้คำตอบเรื่องนี้ได้คือช่วงกลางปี ผมทำได้เต็มที่คือการเอาตัวเลือกไปให้ Markus Flasch(ผู้บริหารของ BMW Motorrad) ส่วนเขาจะเป็นคนตัดสินใจว่าอะไรเหมาะสมกับแบรนด์” “ซึ่งเรื่องนี้มันสำคัญมาก พวกเราไม่อยากเข้าไปแข่งอยู่พักนึงแล้วล้วถอนตัวออกมา สำหรับเรามันสำคัญมากที่จะเข้าไปแล้วสามารถลงแข่งได้แบบยาว ๆ มันจะต้องเข้ากับรูปแบบการตลาด และคนในบอร์ดบริหารจะต้องเข้าใจเรื่องนี้ด้วย เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องที่ว่าการลงแข่งมันจะพาเราโตไปทางไหน” ที่มา speedweek อ่านข่าวสาร MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่ อ่านข่าวสาร BMW เพิ่มเติมได้ที่นี่
ในงานแถลงข่าวเปิดตัว Honda PCX 160 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมกับ Giorno+ รุ่นพิเศษที่ผลิตในจำนวนจำกัด ทางค่ายปีกนกได้มีการพูดถึงรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่อีก 7 รุ่น ที่เตรียมจะเปิดตัวตามมาในปีนี้ ซึ่งนั่นไม่นับรวมรถทั้งสองรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวไปในงานดังกล่าว และวันนี้เราจะขอชวนทุกคนมาคุยกันว่าในหมู่รถเหล่านั้น มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นรุ่นอะไรบ้าง ซึ่งเราก็ต้องข้ออธิบายกันก่อนว่ารถทั้ง 7 รุ่น ที่เราพูดถึงนั้นจะไม่มีรถบิ้กไบค์รวมอยู่ด้วย เพราะจะนับเพียงแค่รถเล็กเท่านั้น และจะไม่รวมรถที่ทำการปรับสีตามรอบการจำหน่ายปกติ แปลว่ารถเหล่านั้นจะแค่รถเล็กรุ่นปรับโฉม รุ่นใหม่หมดจด หรือไม่ก็เป็นรถรุ่นพิเศษที่ผลิตในจำนวนจำกัดเท่านั้น ซึ่งความเป็นไปได้ที่พอจะวิเคราะห์ได้ก็มีดังนี้ 1. Honda ADV350 รถบิ๊กสกู๊ตเตอร์สายลุยที่ทำการปรับเทคโนโลยี เพิ่มหน้าจอสีพร้อมระบบ Roadsync ที่เปิดตัวนำไปก่อนที่งาน EICMA 2024 เราบอกได้เลยว่ามันจะต้องถูกนำมาเปิดตัวในไทยอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นรถที่ประกอบในไทย และถือเป็นการเปิดตัวตามฝาแฝดอย่าง Forza 350 ที่ได้รับการอัพเกรดแบบเดียวกัน ซึ่งถ้าเราโชคดีเราก็อาจจะได้เห็นมันกันตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้เลยก็ได้ 2. Honda ADV160 สกู๊ตเตอร์สายลุยน้องเล็ก ที่ถึงแม้จะยังไม่มีรุ่นปรับโฉมโผล่มาให้เห็นในตลาดโลก แต่หลังจากการเปิดตัว PCX 160 เราก็คงไม่แปลกใจที่ฝาแฝดยกสูงจะปรับสเปคตามด้วยเช่นกัน…
ในยุคสมัยที่ตลาดรถมอเตอร์ไซค์สายสปอร์ตกำลังถดถอย เราเริ่มเห็นการจากไปของรถสายสนามไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Superbike หรือ Supersport แต่ขณะเดียวกัน ก็มีรถอีกประเภทที่ถือกำเนิดขึ้นมา นั่นคือรถมอเตอร์ไซค์สายสนาม Next Generation ที่พร้อมใช้ลงแข่งขัน แต่กลับถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของรถสายถนน ซึ่งรถที่เราจะพามาเปรียบเทียบสเปคในครั้งนี้คือ Yamaha R9 ที่จะเข้ามาแทนที่ตำนานอย่าง R6 เครื่องยนต์ Yamaha R9 : 3 สูบเรียง Crossplane / DOHC 4 วาล์วต่อสูบ / ระบายความร้อนด้วยน้ำ / ปริมาตรกระบอกสูบ 890 ซีซี Yamaha R6 : 4 สูบเรียง Flatplane / DOHC 4 วาล์วต่อสูบ (วาล์วไทเทเนียม)/ ระบายความร้อนด้วยน้ำ / ปริมาตรกระบอกสูบ 599 ซีซี…
Honda PCX 160 รถมอเตอร์ไซค์สกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมยอดฮิต จากค่ายปีกนก เตรียมทำการเปิดตัวในประเทศไทยในวันที่ 9 มกราคม ประเดิมเป็นรถรุ่นแรกสำหรับปีใหม่นี้ โดยมันมาพร้อมกับการอัพเกรดที่น่าสนใจอย่าง หน้าจอแสดงผลแบบสี TFT ที่สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือได้ ซึ่งถือเป็นของใหม่พอสมควรสำหรับรถในคลาสนี้ แต่การเพิ่มของเล่นที่ว่าจะทำให้ค่าตัวของมันขึ้นไปอยู่ที่เท่าไร? แต่ก่อนจะไปวิเคราะห์ค่าตัวของรถรุ่นใหม่ เราขอพูดถึงสเปคโดยรวมของรถรุ่นใหม่ก่อนกันก่อน ว่ามันแทบไม่ต่างจากรถรุ่นปัจจุบันเลย เพราะยังคงใช้เครื่องยนต์ 1 สูบ 4 วาล์ว ปริมาตรกระบอกสูบ 157 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุด 16 PS และแรงบิดสูงสุด 14.7 Nm ลูกเดิมที่ใช้อยู่ในรถรุ่นก่อน แต่ทำการเปลี่ยนเปลือกนอกใหม่ให้มีความทันสมัย และเพิ่มหน้าจอแสดงผลแบบสี ที่เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่านระบบ Roadsync ซึ่งควบคุมผ่านปุ่มที่ประกับแฮนด์ด้านซ้าย แต่ก็ยังมีรถรุ่นต่ำกว่าที่ใช้หน้าจอแบบ LCD และไม่มีระบบเชื่อมต่อให้เลือกด้วยเช่นกัน รถที่วางจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซียนั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 3 รุ่นย่อย คือ CBS, ABS ที่ไม่มีระบบเชื่อมต่อและไม่มีหน้าจอสี ส่วนรุ่นท็อปที่มาพร้อมหน้าจอสีคือรุ่น Roadsync…
หลังจากที่ Liberty Media ผู้ถือครองรายการมอเตอร์สปอร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Formula 1 ได้ทำการเข้าควบรวมกิจการของ Dorna ที่เป็นเจ้าของทั้ง MotoGP และ WSBK หลายคนก็เริ่มคิดถึงความเป็นไปได้ที่การแข่งทั้งสองรายการนั้น จะถูกนำมาจัดร่วมกันที่สนามแข่งเดียวกัน ในสุดสัปดาห์เดียวกัน เพราะถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงปี 2023 ก่อนที่ทั้งสองบริษัทจะทำการควบรวมกิจการ Stefano Domenicali ผู้บริหารของ Formula 1 และ Carmelo Ezpeleta ผู้บริหารของ Dorna ก็เคยหารือกันเกี่ยวกับสุดยอดอีเว้นในฝัน ที่จะรวมการแข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกของทั้งฝั่งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์เข้าไว้ด้วยกัน และในมุมมองของคนนอกอย่างเรา ก็น่าจะเริ่มมองเห็นความเป็นไปได้ที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้นจริง หลังมีการควบรวมกิจการ แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นยากกว่าที่คิด เริ่มตั้งแต่สนามแข่งที่จะใช้ในการจัดแข่งขัน เนื่องจากไม่ใช่ทุกสนามบนโลกจะผ่านมาตรฐานทั้งของ FIM และ FIA บางสนามสามารถใช้จัดรายการนึงได้ แต่ดันจัดอีกรายการไม่ได้ โดยเฉพาะสนามแข่งแบบ Street Circuit ที่ถึงแม้จะใช้จัด Formula 1 แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ MotoGP ลงไปแข่ง…
Honda CB1000F รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตไฟกลมรุ่นใหญ่ รุ่นใหม่จากค่ายปีกนก คาดเตรียมเปิดตัวอย่างเร็วที่สุดภายในช่วงกลางปีนี้ โดยมันจะถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ Honda CB1000 Hornet ที่เพิ่งถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อปลายปีก่อน เพื่อเป็นตัวตายตัวแทนให้รถรถในตำนานอย่าง CB1300 Super Four ที่ไม่ได้ไปต่อเพราะค่าไอเสียที่เข้มงวด ย้อนไปเมื่อปี 2020 ในตอนที่ค่ายปีกนกทำการเปิดตัวรถต้นแบบ CB-F Concept โดยมันเป็นรถสไตล์เรโทรแบบญี่ปุ่น ที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานของ CB1000R ในยุคนั้น แต่ยกเส้นสายรอบคันมาจากรถในตำนานอย่าง CB750F มาปรับใช้ให้เข้ากับยุคสมัย แต่น่าเสียดายที่โปรเจคดังกล่าวกลับถูกพับไป ขยับมาที่ปี 2024 ในที่สุดทางค่ายก็ได้ทำการเปิดตัว CB1000 Hornet รถสปอร์ตเปลือยคลาสใหญ่รุ่นใหม่ล่าสุดออกมา โดยมันมีจุดเด่นเรื่องสเปคที่ใกล้เคียงกับ Super Naked แต่กลับมีค่าตัวสูสีกับรถในคลาสกลาง เนื่องจากการติดตั้งเทคโนโลยีและของเล่นติดรถแค่เท่าที่จำเป็น รวมถึงตัดลูกเล่นฉูดฉาดที่ไม่จำเป็นออกไปจนเกลี้ยง และด้วยจุดเด่นเรื่องค่าตัวที่ว่านี้เอง ก็ทำให้ความเป็นไปได้ของร่างแยกสไตล์ย้อนยุค ดูจะมีความเป็นไปได้ที่จะกลับมาอีกครั้ง ซึ่งเป้าหมายของ Honda คือการสร้างมันขึ้นมาเพื่อแทนที่ตำแหน่งของ CB1300 Super Four โดยการใช้พื้นฐานของ…
BMW S1000RR รถมอเตอร์ไซค์ซุปเปอร์ไบค์ตัวแรงตัวสุด ที่เป็นอีกหนึ่งไอคอนของวงการรถมอเตอร์ไซค์ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา กับภาพลักษณ์ไฟหน้าตาเข และช่องระบายอากาศทรงเหงือกฉลาม มันคือรถที่ปฏิวัติแนวทางของตัวค่ายเอง และแนวทางของรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตสายสนามทุกรุ่นที่เกิดขึ้นมาหลังจากมัน ที่มาของมันเป็นแบบไหน? ไปดูกัน ซึ่งเจ้าฉลามคันนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นรถซุปเปอร์ไบค์ของ BMW สำหรับใช้ในการแข่งขัน WSBK เพื่อสร้างภาพลักษณ์แนวสปอร์ตให้กับทางค่าย นอกจากภาพลักษณ์ดั้งเดิมที่มักมีแต่รถแนวแอดเวนเจอร์หรือทัวริ่ง S1000RR โฉมแรกนั้นถูกเปิดตัวในปี 2008 มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ 4 สูบเรียง ปริมาตรกระบอกสูบ 999 ซีซี ตามกติกาของรายการที่มันต้องลงแข่ง ให้พละกำลังสูงสุดกว่า 193 Hp เอกลักษณ์ของมันก็หนีไม่พื้นเรื่องรูปลักษณ์ที่ไม่สมมาตร ที่ไฟหน้าทั้งสองดวงนั้นมีรูปทรงที่ต่างกัน รวมถึงช่องระบายอากาศด้านข้างตัวรถก็ต่างกันด้วย โดยช่องฝั่งขวานั้นจะมีรูปทรงคล้ายกับเหงือกฉลาม ทำให้มันกลายเป็นฉายาที่ติดหูของรถรุ่นนี้ในเวลาต่อมา แถมมันยังเป็นผู้ริเริ่มติดตั้งตัวช่วยอิเล็กทรอนิกส์อย่าง ABS และ TCS ให้กับรถสปอร์ตสายสนาม จนค่ายอื่นต้องทำตามบ้างในเวลาต่อมา ตัวรถได้รับการปรับสเปคเล็กน้อยในปี 2011 ส่วนใหญ่เป็นความเปลี่ยนแปลงรายละเอียดภายในเครื่องยนต์ ความแตกต่างภายนอกที่เห็นได้ชัดที่สุดคือเหงือกฉลามที่มีหน้าตาเปลี่ยนไป แต่ความเปลี่ยนแปลงสำคัญนั้นจะอยู่ที่ปี 2012 ที่มีการเปิดตัวรุ่นย่อยระดับท็อปอย่าง S1000RR HP4 ที่มาพร้อมชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์รอบคัน…