ซามูไรจิ๋ว Dani Pedrosa นักบิด Repsol Honda ขึ้งหิ้งตำนาน MotoGP คนล่าสุด หลังแข่งรถในวงการมา 18 ปี หลังจากที่เจ้าตัวได้ถูกจารึกชื่อบน Legends Hall of Fame ที่ Valencia วานนี้
โดยสำหรับผลงานเด่นที่ผ่านมาของ Pedrosa ก็มีอยู่ว่า เขาได้คว้ามแชมป์โลกในการแข่งขัน 125cc ปี 2003, แชมป์รุ่น 250cc ในปี 2004 และ 2005 รวมทั้งหมด 3 สมัย
Pedrosa เริ่มแข่งในระดับนานาชาติปี 2001 ในคลาส 125 World เขาเก็บโพเดี้ยมไป 2 ในฐานะนักบิด rookie จบที่ 8 ในปีนั้น ต่อมาในปี 2002 ก็ยังคงรักษาฟอร์มร้อนแรงด้วยชนะ 3 สนามติดตั้งแต่เปิดฤดูกาล แต่ก็จบซีซันด้วยกันดับที่ 3 จนกระทั่งในปี 2003 เขาก็สามารถกลับมาคว้าแชมป์ฤดูกาลได้อีกครั้ง ด้วยสถิติคว้าแชป์สนามไปถึง 5 ครั้งด้วยกัน
แม้ว่าในตอนจบการแข่งขันขันรุ่น 125GP ปี 2003 Pedrosa จะเกิดอุบัติเหตุระหว่างแข่งขันจนข้อเท้าหักทั้งสองข้าง แต่ “ซามูไรจิ๋ว” ก็ยังสามารถเปิดเกมในคลาส 250GP ปี 2005 ได้ดี และรักษาฟอร์มต่อเนื่องจนคว้าแชมป์โลกคลาสนี้ได้เป็นครั้งแรกให้กับตนเอง พร้อมบันทึกสถิติ แชมป์โลกคลาส 250GP ที่อายุน้อยที่สุด ด้วยเลขอายุ 18 ปี กับอีก 202 วัน
จากผลงานดังกล่าวส่งผลให้ในปี 2006 เขาได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นนักบิดรุ่นใหญ่ MotoGP ทันทีกับ Repsol Honda Team และบันทึกสถิติเป็นนักบิดอายุน้อยที่สุดที่ได้เข้ามาแข่งขันรุ่นพรีเมียร์คลาส ด้วยตัวเลขอายุ 19 ปี กับอีก 18 วัน โดยเขาใช้เวลาเพียงแค่ 4 สนามเท่านั้น จึงสามารถคว้าแชมป์สนามครั้งแรกในคลาสนี้ให้กับตนเองได้ที่ประเทศจีน (ShanghaiGP) และคว้าแชมป์สนามครั้งที่สองที่ Donington Park ก่อนที่จะจบการแข่งขันปีนั้นด้วยลำดับที่ 5 บนตารางคะแนนสะสม
โดยจากสถิติที่ผ่านมานี้ดูเหมือนว่า Dani Pedrosa น่าจะเป็นนักบิดอีกรายหนึ่งที่สามารถคว้าแชมป์ MotoGP ได้ในซักวัน แต่พอเข้าสู่ปี 2007 ที่เจ้าตัวจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 2 เป็นรอง Casey Stoner จาก Ducati Factory Team (ในขณะนั้น) ทุกอย่างก็เริ่มแสดงให้เห็นว่าเขาคือนักบิดที่โชคร้ายกว่าใครอยู่ตลอด
เพราะต่อมา ในปี 2008 Pedrosa ก็ประสบอุบัติเหตุในระหว่างช่วงทดสอบรอบ Pre-Season จนกระดูกมือขวาแตก ยังไม่พอในช่วงกลางฤดูกาล เขายังต้องพักการแข่งขันที่อเมริกา เพราะได้รับบาดเจ็บที่แขนซ้ายระหว่างแข่งขันที่ประเทศเยอรมัน จนต้องจบอันดับบนตารางคะแนนในอันดับที่ 3 รวมถึงในปี 2009 เขาเองก็จบฤดูกาลเป็นอันดับที่ 3 บนตารางคะแนนอีกครั้งเช่นกัน จากปัญหาอาการบาดเจ็บเรื้อรัง
พอเข้าสู่ปี 2010 ก็ไม่สามารถต้านทานความร้อนแรงของ Jorge Lorenzo ได้ และกลับมาเจอกับอาการบาดเจ็บเรื้องรังอีกครั้งในปี 2011 จนพลาดการแข่งขันไปถึง 4 สนามติด ส่วนปี 2012 แม้เจ้าตัวจะสามารถคว้าแชมป์สนามได้มากครั้งที่สุดในฤดูกาล แต่ก็การแข่งขันในปีนั้นด้วยอันดับที่ 2 บนตารางคะแนนสะสมอีกตามเคย เพราะแพ้เรื่องความนิ่งในฟอร์มของ Lorenzo ที่คงเส้นคงวามากกว่า (ในปีนั้น ถ้า Lorenzo ไม่ใช่ที่ 1 ก็หล่นไปที่ 2 แต่ถ้า Pedrosa ไม่จบที่ 1 เจ้าตัวก็จะร่วงไปลำดับที่ 3 จึงทำให้ผลสุดท้ายแพ้แต้ม Lorenzo ไป 18 คะแนน อย่างน่าเสียดาย)
ต่อมาในปี 2013 แม้ Pedrosa จะรักษาฟอร์มในช่วงต้นปีไว้จนขึ้นเป็นจ่าฝูงได้ แต่สุดท้ายก็เจออาการบาดเจ็บที่ข้อมือจนต้องจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 3 (แพ้เจ้าหนู Marc Marquez ไป 34 แต้ม) ส่วนในปี 2014 ก็ยังคงมีอาการบาดเจ็บต่อเนื่องยาวมาจนเริ่มปี 2015 และต้องเข้ารับการผ่าตัดทันทีในการแข่งขันสนาม 2 ของฤดูกาลท จนต้องเสียโอกาสลุ้นแต้มไปถึง 3 สนามติดกันเพื่อพักฟื้น หลังจากนั้นในปี 2016 เป็นต้นมา ฟอร์มของเจ้าตัวก็ดรอปลงเรื่อยๆจนไม่ติด Top3 บนตารางคะแนนสะสมหลังจบฤดูกาลแม้แต่ปีเดียว
อย่างไรก็ดีในปี 2017 Pedrosa ทำสถิติลงแข่งขันเป็นสนามที่ 3,000 พร้อมบันทึกสถิติเป็นนักบิดคนแรกที่การันตีการคว้าแชมป์อย่างน้อย 1 สนามต่อปี ต่อเนื่อง 16 ปีติด รวมถึงสถิติการขึ้นโพเดี้ยมมากครัง้ที่สุดเป็นอันดับที่ 3 รองจาก Valentino Rossi และ Giacomo Agostini ก่อนที่จะประกาศรีไทร์ตัวเองหลังจบการแข่งขัน MotoGP ปี 2018 พร้อมขึ้นแท่นกลายเป็นนักบิด “MotoGP™ Legends” คนล่าสุดทันที
และแน่นอนว่าในการแข่งขันที่ Valencia วันพรุ่งนี้ จะเป็นการแข่งขันครั้งสุดท้ายในฐานะนักบิด MotoGP ของ Dani Pedrosa แล้ว ยังไงก็ขอให้เพื่อนๆมาร่วมกันเอาใจช่วยให้เขาสามารถทำผลงานในสนามสุดท้ายของเจ้าตัวได้ดีที่สุดเพื่ออำลา “ซามูไรจิ๋ว” นักบิดที่ได่ชื่อว่าเป็น “สุภาพบุรุษ” ที่สุดในการแข่งขัน MotoGP คนนี้กันครับ
อ่านข่าวสาร MotoGP เพิ่มเติมที่ได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ
