เปิดประวัติ “The El Diablo – Fabio Quartararo” เจ้าหนูปีศาจ แชมป์โลก MotoGP 2021

0

ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าในช่วงปี 2019 ที่ผ่านมานั้น ชื่อของ Fabio Quartararo ถือว่ามีความโดดเด่นขึ้นมาอย่างมากในวงการ MotoGP เนื่องจากเขาคือนักบิดหน้าใหม่ที่ในตอนแรกแทบไม่มีใครรู้จัก แต่จู่ๆกลับเป็นนักบิดเพียงไม่กี่คนที่สามารถไฟท์กับ Marc Marquez ได้อย่างถึงพริกถึงขิงที่สุดในศึก 2 ล้อระดับสูงสุดของโลกได้อยู่หลายครั้ง ซึ่งประวัติส่วนตัวของเข้าหนูผู้มีสมญาที่น่าเกรงขามว่า “El Diablo” คนนี้ จะมีความเป็นมาอย่างไรบ้าง เรามาว่ากันเลยครับ


Fabio Quartararo เกิดเมื่อวันที่ 20 เมษายน ปี ค.ศ. 1999 มีบ้านเกิดเป็นเมือง Nice ในประเทศฝรั่งเศส แต่พออายุ 4 ขวบก็ถูกพาบินข้ามไปยังประเทศสเปนทันทีเพื่อลงแข่งในศึก Promovelocidad Cup ซึ่งเป็นเวทีการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์สำหรับเด็กของ Real Automóvil Club de Cataluña (RACC) ที่ถือว่าใหญ่มากๆในการแข่งขันระดับนี้ ซึ่งกว่าเขาจะคว้าแชมป์ฤดูกาลให้กับตนเองได้เป็นครั้งแรกก็ต้องข้ามยาวมาจนถึงปี 2008 ในรุ่น 50cc, ปี 2009 ในรุ่น 70cc และมาปี 2011 ก็เป็นแชมป์ในรุ่น 80cc ก่อนที่จะได้มาแข่งในรุ่น “เตรียม-Moto3” (คล้ายๆ Asia Talent) และก็คว้าแชมป์ได้อีกในปี 2012

ปี 2013 Quartararo ได้เลื่อนขึ้นมาสู่เวที FIM CEV Repsol ซึ่งถือเป็นประตูด่านสุดท้ายก่อนเข้าสู่การแข่งขันระดับ World Grandprix โดยเขาได้อยู่ภายใต้สังกัด Wild Wolf Racing และขึ้นโพเดี้ยมได้ตั้งแต่นัดเปิดซิงซีรีย์นี้ของตนเอง แต่หลังจากนั้นเขากลับฟอร์มรูดลงทีละนิดไปจบอันดับ 6 ในสนามที่ 2 และในอีก 4 เรซถัดไป ก็ทำได้แค่ติด Top 10 และมีถึงขั้นได้ออกสตาร์ทในตำแหน่ง Pol Position แต่ไม่วายร่วงไปจบอันดับ 8 ตอนเข้าเส้นชัย ทว่าในช่วง 3 เรซสุดท้ายก่อนปิดฤดูกาลเขากลับคว้าชัยชนะได้ต่อเนื่องจนกลายเป็นแชมป์ประจำฤดูกาลได้ในที่สุด และนั่นก็ทำให้เขากลายเป็นนักบิดคนแรกนับตั้งแต่ปี 2007 ที่ไม่ใช่นักบิดสเปนแล้วคว้าแชมป์การแข่งขันนี้ได้ แถมยังเป็นนักบิดอายุน้อยที่สุดประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์การแข่งขันนี้ได้ด้วยอายุ 14 ปี และอีก 218 วัน


อย่างไรก็ดี ในปี 2014 Quartararo ก็ยังคงอยู่ในการแข่งขัน CEV Repsol เนื่องจากอายุยังไม่มากพอที่จะเข้าไปแข่งในรุ่น Moto3 ของศึก MotoGP ได้ เนื่องจากมีข้อกำหนดว่านักบิดจะต้องมีอายุ 16 ปีขึ้นไปถึงจะลงแข่งในรุ่นนี้ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้ย้ายมาอยู่กับทีมที่ใหญ่ขึ้นอย่าง Estrella Galicia 0,0 junior และแน่นอนว่าเขาก็สามารถคว้าแชมป์ในปีนั้นได้อย่างสมบูรณ์เนื่องจากคว้าชัยชนะไปถึง 9 เรซจากทั้งหมด 11 เรซ

และจากผลงานดังกล่าวจึงทำให้ทางคณะกรรมการของการแข่งขัน MotoGP ทั้ง Dorna, FIM, IRTA, และ MSMA เลือกออกกฏพิเศษที่ทำให้นักบิดอายุน้อยกว่า 16 ปี สามารถเลื่อนขั้นขึ้นมาแข่ง Moto3 ได้เร็วขึ้นหากเขาคือแชมป์ฤดูกาลจากการแข่งขัน FIM CEV Moto3 championship นั่นจึงส่งผลให้ Quartararo ได้มาแข่งใน Moto3 ตั้งแต่ปี 2015 โดยไม่ต้องรอไปถึงปี 2016 แค่เพราะวันเกิดครบอายุ 16 ปี ต้องรอไปถึงเดือนเมษายน ซึ่งมันเลยกำหนดเปิดฤดูกาลแข่งขัน MotoGP ไปแล้วนั่นเอง


พอเข้าสู่การการแข่งขัน Moto3 ปี 2015 จริงๆ Quartararo ก็ยังอยู่กับสังกัดเดิมคือ Estrella Galicia 0,0 และได้ขี่ตัวแข่งค่ายเดิมคือ Honda (NSF250RW) ซึ่งในการแข่งขันนัดเปิดฤดูกาลเขากลับยังทำผลงานได้ไม่ดีเท่าไหร่นักเพราะกดเวลาในรอบควอลิฟายได้เพียงอันดับ 6 และจบการแข่งขันในอันดับที่ 7 (แต่อันที่จริงก็ตามหลังแชมป์สนามเพียง 0.772 วินาทีเท่านั้น) ทว่าในการแข่งขันสนาม 2 ที่ Austin Texas America เขาก็เข้าเส้นชัยในอันดับที่ 2 ได้ แต่หลังจากนั้นก็ขึ้นโพเดี้ยมอีกเพียงครั้งเดียว (เข้าอันดับ 2 เหมือนกัน ที่ Dutch TT) เข้าอันดับ 4 อีก 2 ครั้ง, ติด Top 4 อีก 3 ครั้ง นอกนั้นร่วงไม่จบการแข่งขันไปถึง 5 สนาม และไม่ได้ลงแข่งขันอีก 5 สนาม จบฤดูกาลด้วยคะแนนสะสม 92 แต้ม คิดเป็นอันดับ 10 ของตาราง

ในปี 2016 Quartararo ยังคงได้อยู่ในรุ่น Moto3 เช่นเดิม แต่ย้ายมาอยู่กับ Leopard Racing KTM (RC250) ด้วยสัญญา 2 ปี แต่กลับทำผลงานได้แย่กว่าเดิมพอสมควร เพราะแม้จะไม่จบการแข่งขันน้อยลง และได้ลงแข่งจนจบมากขึ้น แต่คะแนนสะสมกลับทำได้เพียง 83 แต้มเท่านั้น เนื่องจากจบอันดับในการแข่งขันต่ำกว่า Top 10 ไปถึง 9 สนาม และไม่เคยขึ้นโพเดี้ยมเลยแม้แต่ครั้งเดียว (ทำได้ดีที่สุดแค่เพียงอันดับ 4 ในการแข่งขันที่ Red Bull Ring Austria กับ Sepang Malaysia)

อย่างไรก็ดี ในปี 2017 Quartararo กลับได้เลื่อนขึ้นมาแข่งในรุ่น Moto2 ภายใต้สังกัดทัม Pons Racing ซึ่งก็เป็นอีกทีมใหญ่เช่นกันในรุ่นนี้แต่เขาก็ยังไม่เคยขึ้นโพเดียมเลยสักครั้งในฤดูกาลนี้อยู่ดี ไม่เพียงเท่านั้นยังทำอันดับดีที่สุดได้เพียงอันดับ 6 แค่ครั้งเดียว นอกนั้นจบอันดับ 7 ไป 3 เรซ, อันดับ 8 กับอันดับ 9 อีกอย่างละ 1 เรซ ที่เหลือไม่ติด Top 10 คว้าแต้มรวมกลับบ้านตอนปิดฤดูกาลไป 64 คะแนน

fabio-quartararo-2018-moto2-pons-racing
ปี 2018 เจ้าหนู Quartararo ก็ยังอยู่ Moto2 ต่อไปอีกปี แต่ต้องย้ายไปอยูถ่กับทีม Speed Up Racing team ซึ่งเป็นทีมระดับกลาง และก็ยังคงทำผลงานได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักเช่นเดิม แม้ว่าจะคว้าแชมป์สนามให้กับตนเองได้ 1 ครั้ง ที่ CatalunyaGP, เข้าที่ 2 ในศึก DutchTT, ติด Top 10 อีก 10 สนาม นอกนั้นจบอันดับต่ำกว่า Top 10 ไป 6 สนาม ไม่จบการแข่งขันอีก 1 แต่ก็คว้าแต้มสูงขึ้นจากฤดูกาลก่อนพอสมควร มาอยู่ที่ 138 แต้ม (อันดับ 10 บนตารางคะแนน)

อย่างไรก็ดี ในช่วงกลางปี 2018 ประมาณเดือนสิงหาคม จู่ๆทาง Petronas Yamaha SRT กลับเลือกประกาศเซ็นสัญญากับ Fabio Quartararo ที่ตอนนั้นเป็นเพียงนักบิดแถวกลางของ Moto2 และ Moto3 เพื่อให้เขามาเป็นทีมเมทกับ Franco Morbidelli ใน MotoGP ปี 2019 ซึ่งในตอนนั้นหลายคนก็คิดว่า Petronas คงเอา Quartararo มาเป็นนักบิดมือสองของทีมเท่านั้น เพราะตัวรถที่เขาได้ใช้ก็เป็น Yamaha YZF-R1 สเปคปี 2018 ไม่ใช่สเปคปี 2019 Satellite ที่มีความใกล้เคียงตัวแข่ง 2019 Yamaha Factory


ทว่าอย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าเหมือนนั่นคือการให้กำเนิดปีศาจตนใหม่ที่เข้าขากับตัวแข่ง YZR-M1 ที่กำลังติดแหง็กในด้านการเซ็ทอัพมาหลายปี เพราะแม้ว่าใน 5 สนามแรก เขาจะอยู่ในกลุ่ม Top 10 แถวล่าง แต่ Quartararo ก็สามารถคว้าโพลโพซิชันได้หลายสนาม และหนึ่งในการคว้าโพลโพซิชันของเขาก็ยังเป็นการสร้างสถิติเป็นนักบิดอายุน้อยที่สุดที่สามารถคว้าโพลโพซิชันในรุ่น MotoGP ด้วย ทำลายสถิติเก่าของ Marc Marquez ไปโดยปริยาย ไม่เพียงเท่านั้นยังเป็นนักบิดอายุน้อยที่สุด ที่สามารถคว้าโพลโพซิชันติดต่อกัน 2 สนาม ในการแข่งขัน MotoGP แล้วยังข้ามมาบี้กับ Marc Marquez ได้อีกหลายครั้ง ซึ่งหนึ่งในการไฟท์กันที่ติดตาพวกเราที่สุดก็แน่นอนว่าจะต้องเป็นการสู้แบบชิงดำที่การแข่งขัน ThaiGP แต่ก็โดนแชมป์โลกในสนามนั้นตบในโค้งสุดท้ายไปอย่างน่าเสียดาย

sanmarinogp2019-qautararo-against-marquez-01
จากผลงานที่เรียกได้ว่าม้ามืดสุดๆของ The El Diablo – Fabio Quartararo ในปี 2019 ทำให้เขาถูกเลือกจาก Yamaha ให้เลื่อนขั้นมาแข่งในทีมโรงงานในการแข่งขัน MotoGP 2021 ทันทีพร้อมสัญญา 2 ปี แถมตำแหน่งหรือเก้าที่เขาได้ไปเสียบแทนนั้นก็ดันเป็นเก้าอี้ของ Valentino Rossi เสียอีก จนทำให้ใครหลายๆคนค่อนข้างคาดหวังผลงานจากเขาพอสมควรเลยทีเดียว


และดูเหมือนว่าในปี 2021 เขาจะไม่ทำให้เหล่าสาวกส้อมเสียงผิดหวังเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากในฤดูกาลนี้ Fabio Quartararo สามารถคว้าชัยชนะครั้งแรกในทีมโรงงานให้กับตนเองได้ทันทีตั้งแต่การแข่งขันสนามที่สองของฤดูกาล แล้วหลังจากนั้น แม้จะมีการแกว่งของผลงานขึ้นๆลงไปอยู่ในอันดับบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการแข่งขันที่มีฝนตกหนักๆ แต่หลังผ่านการแข่งขันไป 15 สนาม คนใหม่เข้าไปทุกที ด้วยผลงานการคว้าชัยชนะไปได้ทั้งหมด 5 สนาม ขึ้นโพเดี้ยมอีก 5 ครั้ง เจ้าตัวก็ใกล้เป็นแชมป์โลก MotoGP (ในสนามที่คว้าชัยชนะได้ ส่วนใหญ่เป็นการวิ่งด้วยฟอร์ม “รถราง”)


จนกระทั้งการแข่งขันดำเนินมาถึงสนามที่ 16 ที่แม้เจ้าตัวจะโดนพิษฝนตกหนักจนไม่สามารถกดเวลาฃต่อรอบดีๆในรอบฝึกซ้อมและรอบควอลิฟายได้ จนต้องออกกริดสตาร์ทในลำดับที่ 15 และต้องไล่แซงคู่แข่งข้างหน้าให้มากที่สุดเพื่อรักษาระยะห่างของคะแนนเอาไว้ แต่สุดท้ายเมื่อ Francesco Bagnania คู่แข่งหนึ่งเดียวของ FQ20 ได้แพ้ภัย พลาดล้มในช่วงท้ายไไปเสียเอง ทำให้ Fabio Quartararo ได้กลายเป็นแชมป์โลก MotoGP คนที่ 8 ทันที และในขณะเดียวกัน เขาก็เป็นแชมป์โลกการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกรุ่นใหญ่สุดคนแรกของประเทศฝรั่งเศสอีกด้วย

ข้อมูลและสถิติส่วนตัวของ Fabio Quartararo (ข้อมูลวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2564)

– วันเกิด 20 เมษายน ค.ศ. 1999
– บ้านเกิด : เมืองนิซ ประเทศฝรั่งเศส
– ลงแข่งศึก 2 ล้อระดับ World Grand Prix ครั้งแรก : Qatar 2015, รุ่น Moto3™
– คว้าตำแหน่งโพลโพซิชันครั้งแรก : Jerez 2015, รุ่น Moto3™
– ขึ้นโพเดี้ยมครั้งแรก : Austin 2015, รุ่น Moto3™
– คว้าชัยชนะครั้งแรก : Barcelona 2018, รุ่น Moto2™
– แข่งมาแล้วทั้งหมด : 116 สนาม (แข่ง 49 สนาม ในรุ่น MotoGP™)
– คว้าชัยชนะมาแล้วทั้งหมด : 9 ครั้ง (8 ครั้ง ในรุ่น MotoGP™)
– ขึ้นโพเดี้ยมาแล้วทั้งหมด : 24 ครั้ง (20 ครั้ง ในรุ่น MotoGP™)
– คว้าตำแหน่งโพลโพซิชันมาแล้วทั้งหมด : 18 ครั้ง (15 ครั้ง ในรุ่น MotoGP™)
– ทำสถิติเวลาต่อรอบดีที่สุด : 10 ครั้ง (9 ครั้ง ในรุ่น MotoGP™)
– คว้าตำแหน่งแชมป์โลก : MotoGP™ 1 ครั้ง (ปี 2021)

ผลงานตลอดอาชีพในฐานนะนักบิดศึกการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลกที่ผ่านมา :
– 2015 : Moto3™ World Championship – จบอันดับ 10, รถแข่งที่ใช้ Honda, ลงแข่งทั้งหมด 13 สนาม, คะแนนสะสม 92 แต้ม
– 2016 : Moto3™ World Championship – จบอันดับ 13, รถแข่งที่ใช้ KTM, ลงแข่งทั้งหมด 18 สนาม, คะแนนสะสม 83 แต้ม
– 2017 : Moto2™ World Championship – จบอันดับ 13, รถแข่งที่ใช้ Kalex, ลงแข่งทั้งหมด 18 สนาม, คะแนนสะสม 64 แต้ม
– 2018 : Moto2™ World Championship – จบอันดับ 10, รถแข่งที่ใช้ Speed Up, ลงแข่งทั้งหมด 18 สนาม, คะแนนสะสม 138 แต้ม
– 2019 : MotoGP™ World Championship – จบอันดับ 5, รถแข่งที่ใช้ Yamaha, ลงแข่งทั้งหมด 19 สนาม, คะแนนสะสม 192 แต้ม
– 2020 : MotoGP™ World Championship – จบอันดับ 8, รถแข่งที่ใช้ Yamaha, ลงแข่งทั้งหมด 14 สนาม, คะแนนสะสม 127 แต้ม
– 2021 : MotoGP™ World Championship – จบอันดับ 1, รถแข่งที่ใช้ Yamaha, ลงแข่งทั้งหมด 16 สนาม, คะแนนสะสม 267 แต้ม (ยังไม่จบฤดูกาล*)

อ่านข่าว MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่

Share.

About Author

error: Content is protected !!