อย่างที่เราทราบกันดีว่า ในช่วง 2 เดือนหลังมานี้ สถานกาณ์ในประเทศเราเริ่มคลี่คลายดีขึ้น อย่างต่อเนื่องแล้ว
ทางเราได้มีโอกาสพูดคุยสัมภาษณ์ กับ คุณกฤษณะ ภาคีแพทย์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขายและการตลาด บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์เอ็นเตอร์ไพรส์ ประเทศไทย ว่าตอนนี้ทางค่ายยักษ์เขียว เป็นเช่นไรบ้าง
จะมีประเด็นอะไรน่าสนใจบ้าง เรามาฟังไปพร้อมๆ กันเลยครับ
อยากให้พี่อ๊อดพูดถึง ช่วงที่ผ่านมาหน่อยครับว่า ทาง Kawasaki เราเป็นเช่นไรบ้าง?
ในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ที่ผ่านมาเชื่อว่าหลายภาคส่วนก็ได้รับผลกระทบกันหมด มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก ทาง Kawasaki เราเองก็ต้องหยุดปิดโรงงานไปในช่วง
4 เม.ย.-26 เม.ย. และค่อยกลับมาเริ่มเปิดอีกครั้งในวันที่ 27 เม.ย.
ยอดขายก็ได้รับผลกระทบทั้งตลาด เพราะว่า การจะออกรถใหม่ พวกไฟแนนซ์ ก็ต้องไม่ปล่อยสินเชื่อง่ายๆ ต้องรัดกุม
เพราะว่า มาตรการพักชำระหนี้ นั้นมีเกือบ 2 แสนคันในประเทศไทย ซึ่งส่งผลกระทบให้บริษัทไฟแนนซ์สูญเสีย Cashflow ไปเยอะมาก
ไม่กล้าปล่อยสินเชื่อง่าย เพราะกลัวจะเป็นหนี้เสียกลับมา
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อก่อน ไฟแนนซ์ จะปล่อยให้ผ่อนได้โดยคิดจากรายได้รวม ทั้งฐานเงินเดือน + โบนัส + รายได้อื่นๆ
แต่ในช่วง COVID-9 ไฟแนนซ์ จะคิดการปล่อยสินเชื่อจากการคำนวนเพียง ฐานเงินเดือนเท่านั้น ว่าจะมีกำลังผ่อนไหวได้เท่าไร
จึงทำให้การซื้อนั้นน้อยลง
แต่พอหลังเริ่มมีการผ่อนปรน คลาย Lock Down ออกมาเรื่อยๆ คนก็เริ่มมีกำลังซื้อ เริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
ซึ่งสำหรับในอุตสาหกรรมยานยนต์ นั้นผมว่า มันจะต้องค่อยๆ กลับมา จะไม่เป็นแบบกราฟรูปตัว V คือ ตกฮวบ แล้วดีดกลับอย่างรวดเร็ว
จะค่อยกลับมาดีขึ้นแบบ ค่อยเป็นค่อยไป
แอบเห็นว่าข้างหลังพื้นที่ Kawasaki สำนักงานใหญ่ ที่ถนนเพชรบุรี นี้ มีการก่อสร้างออกมา ไม่ทราบว่าจะทำอะไรครับ?
ทาง Kawasaki Motors Enterprise สำนักงานใหญ่ เราจะจัดทำพื้นที่ Service ขึ้นทางด้านใน
ซึ่งจะให้ ลูกค้า เข้ามาใช้บริการได้ ส่วนใหญ่ของทางเราจะไม่แย่ง ดีลเลอร์ของเรา เพราะส่วนใหญ่จะเน้นทำ Case Service ใหญ่ๆ ซึ่งพื้นที่ Service เราจะมีแท่นทั้งหมด 8 bay
นอกจากนี้ทางเราก็จะทำพื้นที่ไว้จำหน่ายรถมือสอง ของเราเองอีกด้วย
แต่จะยังไม่มีการรับเทรด มีเพียงจำหน่ายรถมือสองเท่านั้น
แล้วพื้นที่ทางด้านใน จะมีจัดให้ทดสอบรถ บ้างไหมครับ?
ไม่น่าจะทำได้ ต้องขอเรียนแจ้งอย่างนี้ เมื่อก่อนที่ ศูนย์พระราม 9 เราได้ลงทุนในการก่อสร้างสนามไปเป็นเงินลงทุนค่อนข้างสูงมาก
แต่น่าเสียดาย ที่ไม่สามารถตกลงสัญญา กันต่อได้ทำให้เราต้องย้ายมาอยู่ตรงนี้
ซึ่ง พื้นที่พระราม 9 เมื่อก่อน จะมีทั้งที่เป็นโชว์รูม Service และ มีรถให้ทดสอบ รวมถึงโซนที่ขายอะไหล่
เวลาเราอยากได้ข้อมูลจากลูกค้า เราก็สามารถสอบถามลูกค้าที่เข้ามาได้เลย ในปัจจุบัน เราต้องเก็บข้อมูล หรือ Feedback จากลูกค้าตามงาน Event ที่เราไปจัด หรือ จากทางดีลเลอร์
ในด้านยอดขายในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ที่ผ่านมาทาง Kawasaki เป็นอย่างไรบ้างครับ?
ที่น่าแปลกใจ คือ ในกลุ่มรถต่ำกว่า 500cc ของเรา (201-499cc) +1% เทียบกับปีที่ผ่านมาทั้งปี
และถ้าเทียบแค่เฉพาะ ไตรมาสเทอม เม.ย.-มิ.ย. รถในกลุ่มนี้โตขึ้น +10.9%
โดยเฉพาะกลุ่ม Off-Road เราขายดีมาก ยอดโตขึ้น 300%
เนื่องจาก ลูกค้า ซื้อรถเอาไว้ใช้งานตามทางธุระกันดาร และเดินทางในสถานที่ หรือ พื้นที่ต่างๆ ตามไร่ตามสวย
นอกจากนี้ บางกลุ่มก็เครียด ไม่อยากขี่ออกทริปบนถนน เนื่องจากการเฝ้าระวัง และมาตรการต่างๆ จึงเลือกที่จะขี่หนีเข้าป่า ไปตะลุย Off-Road ไปเลย
ซึ่งจากที่เราเปิดตัว KLX230 มา ตอนแรกแพลนไว้ ว่าจะขาย 120/เดือน ในช่วงแรกได้อยู่เพียง 40-60 คันเท่านั้น
แต่ปัจจุบันช่วงสถานกาณ์ในไตรมาสที่ผ่านมาขยับโตสูงถึง 250-260 คัน/เดือน เลยจนตอนนี้เราไม่มีรถขายแล้ว
เพราะ KLX230 ต้องเอาเข้าจากอินโดนีเซีย ซึ่งรุ่น SE ยังพอเหลือ Stock
แต่คนส่วนใหญ่ชอบใช้ STD มากกว่า
การที่ยอดขายในช่วงแรกไม่สู้ดีนัก ก็อาจจะเป็นเพราะ คนตัดสินจากตัวเลข cc และ ออปชั่นที่ให้มา
แต่เมื่อมีผู้ใช้งานจริงไปแล้วก็เกิด การบอกแบบ ปากต่อปาก ว่าขี่จริงมันใช้งานได้ดีมาก
เครื่องหม้อลม ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะพังง่าย เวลาลุยจริงๆจังๆ
นอกจากนี้ KLX ก็มีของแต่งมารองรับอีกมากมายเช่นเดียวกัน เพียงแค่ เปลี่ยนหน้ากากชุดไฟหน้าก็ เรียกว่าแทบจะเปลี่ยนดีไซน์ตัวรถไปแล้ว
ส่วนยอดขายรถในกลุ่มที่มากกว่า 500cc ยอดตกลง 20% เมื่อเทียบทั้งปีในปีที่ผ่านมา
และเมื่อเทียบเฉพาะช่วง เม.ย.-มิ.ย. จะตกลง 28%
เพราะปัจจัยต่างๆ อาจทำให้ หลายคนที่กำลังจะซื้อรถ ในไซส์ใหญ่ ขยับลงมามองไซส์กลางแทน เพื่อ Save ค่าใช้จ่าย
แล้วการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต ที่ทำให้ราคารถ BigBike ปี 2020 นี้ต้องสูงขึ้น ส่งผลกระทบกับยอดขายของเรามากน้อยเพียงใดครับ?
ช่วงแรก ที่ปรับราคามีผลกระทบพอสมควรเลย ซึ่งในหลายค่ายเองก็รีบพยายามแจ้งโปรโมชั่นช่วงปลายปียังได้ราคาเดิม ก่อนมีการปรับราคา
แต่พอหลังๆมา ผู้บริโภคก็เช้าใจ เพราะว่า การปรับราคานี้ ไม่ใช่ผู้ผลิตตั้งใจจะขายแพงเพื่อให้ได้กำไรมากขึ้น แต่เป็นภาครัฐที่เก็บเข้าไปใช้ในการบริหารจัดการพัฒนาประเทศ
อยากให้พูดถึงผลตอบรับของโมเดลรถของเราหน่อยครับว่า กลุ่มไหน เป็นอย่างไรกันบ้าง
งั้นขอเริ่มที่กลุ่มตัวใหญ่ของเรา ในโมเดลที่ขายดีเลย ก็จะเป็น Z900 และตามด้วย ZX6R
เพราะคนมองว่า 650cc ของเราเป็นเครื่อง 2สูบ ค่านิยมของคนไทยเรา จะหนีไปจบ กันที่รถ 4สูบ
แต่เมื่อพูดถึงไลน์อัพ ตระกูล Ninja และ Z ต้องถือว่า ในปัจจุบันนี้ Ninja ขายดีกว่า Z
เพราะ Trend กลับมาเป็นภาพรถสปอร์ต เนื่องจาก ความนิยมทั้งรายการแข่งขันต่างๆ
แต่ถ้าย้อนหลัง 3-4 ปีก่อนนั้น Z เราจะได้รับความนิยมดีกว่า
ขอถามเพิ่มเติม ที่ Z เราขายไม่ค่อยดี เป็นผลมาจาก Trend รถ Naked ในปัจจุบันไปทาง สาย ไฟกลม หรือเปล่าครับ?
ไม่น่าเกี่ยว เพราะจากที่ดูยอดภาพรวม ของแบรนด์อื่นๆ ด้วย ยอดก็ตกลง เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นที่จังหวะ Trend แนวโน้มตลาด ที่หันกลับมานิยมกลุ่มสปอร์ตสายซิ่งมากกว่า
กลับมาต่อที่ไลน์อัพอื่นๆ ของเรา
W175 ก็ยังพอขายได้ เรื่อยๆ แต่ก็ยอดตกพอสมควร เนื่องจากกลุ่มรถ เรโทร ในพิกัดนี้นี้คู่แข่งเยอะ และทำราคาแข่งขันกันได้ดี
W250 ขยับมา จะเน้นกลุ่ม พรีเมี่ยม เลยเป็นรถ Made in Japan นำเข้าจึงมีราคาสูง พอสมควร ในรุ่นนี้ อาจจะไม่ได้ขายดีมาก แต่ก็ยังมีผู้ที่ชื่นชอบความเป็นเรโทร ขนานแท้ และงานที่เนี๊ยบประณีต
ถัดมาตระกูล ADV Touring ตัว Versys 650 นับได้ว่าขายดี เลย เพราะทุกอย่างดู OK ลงตัวแล้ว
อย่างผมเองก็ยังมีไว้คันหนึ่ง แม้ที่จริงแล้ว ผมอาจจะไม่ได้ชอบรถสายนี้ แต่ด้วยความที่เรามีครอบครัวแล้ว มันเหมาะสมลงตัวตอบโจทย์
การเดินทาง สมรรถนะที่ เพียงพอบิดได้ระดับ 200+ ค่าบำรุงดูแลรักษา ยัง OK
และรถของเราให้โช้กอัพหน้า USD ซึ่งคู่แข่งไล่ๆ กันทั้งคลาส 650 และ 500 ก็ จะเป็นโช้กหัวตั้งธรรมดา
รวมทั้งโช้กอัพหลังเราสามารถบิดปรับตั้งค่าได้อย่างสะดวกอีกด้วย
ส่วน Versys 1000 ก็ถือว่าเรื่อยๆ ถ้าเทียบกับสิ่งที่มีเพิ่ม มาจาก 650 แม้ว่า เทคโนโลยี จะมีน่าสนใจมากมาย
รวมถึงพละกำลังที่แรงขึ้นบิดได้ ระดับ 240+ แต่ภาพรวม สิ่งที่เพิ่มมาตรงนี้ ก็อาจจะยังไม่ได้จำเป็นกับผู้ใช้งานมากนัก
ขณะที่ VersysX คันนี้ ขายได้ไม่ค่อยดีนัก เพราะ นักเดินทาง อาจจะมองว่ายังไม่เพียงพอ เท่าที่ควร
มาต่อกันที่ฝั่งของไลน์อัพ Supercharge
รุ่นที่ขายดีสุด คือ Ninja H2 SX เพราะว่าราคา ok ขี่ทัวริ่งได้กำลังเหลือๆ เทคโนโลยีก็จัดเต็ม
และ ที่สำคัญ คือ ราคานี้ได้ซุปเปอร์ชาร์จ นั่นจึงทำให้คนสนใจ
ส่วน Ninja H2 ก็ยังมีเรื่อยๆ แต่ต้องบอกว่า Volume การขายเราไม่ได้มากส่วนใหญ่ก็จะเป็นตาม Order ไม่ได้สต็อกรถเยอะ เพราะราคาสูง แต่ก็ถือว่ามีคนสนใจ เรื่อยๆ เพราะเอกลักษณ์ ของ Performance และภาพลักษณ์ Superbike ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร มันคือ Production เรือธงสูงสุดของแบรนด์เรา
ขณะที่ Z H2 รุ่นล่าสุด กลับยังไม่เป็นที่ตอบรับนัก ซึ่งส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นผลมาจาก เรื่องของคู่แข่งฝั่งอิตาลี ที่ดีไซน์รูปลักษณ์ เค้าชัดเจนในความเป็นรถ Street ขนาดตัว และดีไซน์ที่ดูดุดัน
ของเรา อาจจะดีไซน์ ไม่โดนใจนัก
แต่ผมเองเคยได้ลองขี่แล้ว ต้องบอกว่ามันเป็นรถที่น่ากลัวมากๆ เลย ดิบเอาเรื่อง เพราะการที่ไม่มีแฟริ่ง และเป็นแฮนด์บาร์ทำให้การคอนโทรล ต่างๆ ดูค่อนข้างยาก แต่ใครสายแข็ง ชอบของโหดดิบๆ บอกเลยต้องคันนี้
ตลาด Big Scooter ในบ้านเรากำลังบูม มีโอกาสจะเห็น J300 เข้ามาขายในไทยไหมครับ?
ต้องบอกว่า เราคงไม่นำเข้ามา เพราะ J300 เป็นการพัฒนาเราร่วมกับ Kymco ซึ่งเราเองก็ไม่สามารถพัฒนาได้เต็มที่ ถ้าต้องมาเริ่มนับ 1 ใหม่ ในขณะที่คู่แข่ง ไป 4-5 แล้ว
การเริ่มต้นที่ไม่แข็งแรง ทางเราไม่ทำตลาดดีกว่า
ปิดท้ายกันด้วย กิจกรรมของทาง Kawasaki จะมีอะไรบ้างครับใครปีนี้?
ก็จะมีกิจกรรมกับทางลูกค้า นั่นก็คือ Kawasaki Road Racing (KRRC) ซึ่งปีนี้ ก็จะเหลือเพียง 2 สนามในฤดูกาลนี้ (2020-2021) คือ ในเดือน ต.ค. ปีนี้ และ ก.พ. ปีหน้า
ส่วน Kawasaki Enduro เหลือ 3 สนาม
ปิดท้าย ทำไม ช่วงนี้เห็น ญี่ปุ่น มีปล่อยข่าว Teaser Ninja ZX-25 ออกมาอย่างต่อเนื่องเลย จนแฟนๆ MotoRival เราเบื่อแล้ว เมื่อไรจะมาเสียทีครับ?
ที่ปล่อยออกมานั้นไม่เกี่ยวกับทาง Thailand นะ อันนั้นเป็นการสร้างกระแสการรับรู้จากทางญี่ปุ่น ส่วนจะมาเมื่อไร ขออุบไว้ก่อน
กลางเดือนหน้า BIMS2020 คอนเฟิร์มจัดแล้ว เราน่าจะต้องเปิดได้แล้วนะครับ ไม่งั้นจะช้าไปหรือไม่?
ใจเย็นๆ เดี๋ยวรอดูไปพร้อมกันอีกที ว่าจะเป็นยังไง ฝากคุณ ภณ บอกแฟนๆ MotoRival กันก่อนนะว่า ไว้เรามารอดูไปพร้อมๆ กันดีกว่า
555+ OK ได้เลยครับ สุดท้ายทางเราก็ต้องขอขอบคุณ ทาง คุณกฤษณะ ภาคีแพทย์ หัวเรือใหญ่ ของ Kawasaki Motors Enterprise ด้วยที่ให้ เวลามานั่งพูดคุยกับเราอย่างเป็นกันเองในครั้งนี้
อ่านสัมภาษณ์ อื่นๆเพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าว Kawasaki เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ
