ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์จะยังถือว่าเป็นของเล่นพรีเมี่ยม แต่หลายคนก็ยังสามารถฝันถึงได้ และไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อม แต่ถ้าเราย้อนกลับไปประมาณ 15 ปีก่อน บิ๊กไบค์กลับดูเป็นของไกลตัวมากกว่าที่เราคิด มีคนสนใจอยู่แค่ในวงแคบ หาก็ยาก รุ่นก็น้อย ค่าตัวก็สูง วันนี้เราเลยอยากพูดถึงรถที่เป็นเหมือนตัวจุดกระแสบิ๊กไบค์ในไทยอย่าง Kawasaki ER-6N

Kawasaki ER-6N ถือเป็นมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์รุ่นแรก ๆ ที่ได้รับความนิยมแบบพุ่งกระฉูดในช่วงประมาณปี 2012-2015 ซึ่งยุคที่คนไทยเพิ่งเริ่มสนใจบิ๊กไบค์ในวงกว้าง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะช่วงนั้นเริ่มมีโรงงานค่ายรถต่างชาติมาสร้างในประเทศไทย รวมถึงรถนำเข้าจากญี่ปุ่นก็ปลอดภาษี ทำให้ตลาดเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

ตัวรถมาในรูปโฉมสปอร์ตเปลือย ที่ปราดเปรียวทันสมัย ไม่มีแฟริ่งใหญ่เทอะทะซึ่งเป็นภาพชินตาของคนในยุคนั้น ไม่มีท่านั่งหมอบจนปวดหลังแบบรถสปอร์ต สามารถใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน แต่ก็แรงพอให้ขี่เที่ยวได้แบบไม่อายใคร เพราะมันถือเป็นรถพวกแรกของตลาดที่เริ่มใช้ความจุเครื่องยนต์ขนาด 650 ซีซี อย่างจริงจัง

จุดเริ่มต้นและเรื่องราวของ ER-6N นั้นเกิดขึ้นมาหลายปีก่อนที่มันจะเข้ามาโด่งดังในประเทศไทย รถโฉมแรกเปิดตัวในปี 2006 มาพร้อมเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง ปริมาตรกระบอกสูบ 649 ซีซี พละกำลังสูงสุด 72.1 Hp และแรงบิดสูงสุด 66 Nm ติดตั้งอยู่ในเฟรมแบบเหล็กท่อ ซึ่งจะกลายเป็นแนวทางของรถรุ่นนี้ และรถรุ่นอื่นในคลาสเดียวกันหลังจากนั้น

มาพร้อมระบบไฟส่องสว่างแบบหลอดไส้ ระบบกันสะเทือนด้านหน้ายังคงเป็นแบบหัวตั้ง ซึ่งก็ไม่ได้แย่อะไร เพราะโช้คหัวกลับยังไม่ใช่ของที่แพร่หลาย หรือเป็นของติดรถที่ถือเป็นมาตรฐานขั้นต่ำแบบยุคนี้ โช้คหลังวางเอียดอยู่ด้านข้างตัวรถ ดูมีเอกลักษณ์ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ก็ไม่ได้มีอะไรที่ซับซ้อน เพราะในตอนนั้นจะมีแค่รถตัวท็อปเท่านั้น ที่มีระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบจัดเต็ม

Kawasaki ได้ทำการเปิดตัวรถรุ่นปรับโฉมในปี 2009 พื้นฐานตัวรถยังคงเดิม เน้นไปที่การปรับปรุงรูปลักษณ์ภายนอกให้มีความแหลมคมมากขึ้น เพิ่มความสดใหม่ ปรับปรุงรายละเอียดทางวิศกรรมใหม่เล็กน้อยเพื่อการขับขี่ที่ดีขึ้น คนที่ทันเห็นกระแสกระแสบิ๊กไบค์บูมตอนนั้น อาจจะเคยเห็นรถโฉมนี้ผ่านตากันมาบ้าง

และแล้วในปี 2012 ค่ายเขียวก็ได้ปรับโฉมครั้งใหญ่ให้ ER-6N หน้าตาดูมีความทันสมัยมากขึ้น โฉมเฉี่ยวยิ่งกว่าเดิม โคมไฟหน้าเล็กลงดูมีความสปอร์ตมากขึ้น ชุดเฟรมยังคงเป็นแบบเหล็กท่อ แต่ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด แต่พวกเขายังคงเลือกใช้งานเครื่องยนต์ลูกเดิมต่อไป

รวมถึงโช้คหน้าหัวตั้ง และระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังคงไม่ซับซ้อน เพราะจนถึงตอนนี้ ตลาดก็ยังไม่ได้ต้องการโช้คหัวกลับ และเทคโนโลยีขั้นสูงในรถคลาสกลาง ซึ่งรถในโฉมนี้เองที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในไทย เพราะถือว่าเปิดตัวช่วงที่คนไทยสนใจรถบิ๊กไบค์ในวงกว้างมากขึ้น แถมค่าตัวก็เอื้อมถึงได้ไม่สูงเกินไป

แต่ท้ายที่สุดแล้วในปี 2015 Kawasaki ก็ได้ทำการเปลี่ยนชื่อของ ER-6N ให้กลายเป็น Z650 เนื่องจากเป็นที่ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมา การความปังของรถรุ่นพี่อย่าง Z800 รวมถึงชื่อนี้ยังเป็นชื่อที่ผูกพันธุ์กับประวัติศาสตร์ของค่าย และมีคุณค่าทางการตลาดในภาพรวมมากกว่า ER-6N
อ่านข่าวสาร Kawasaki เพิ่มเติมได้ที่นี่