นอกจากอาการมองภาพซ้อน จะเป็นอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นหลังวิบากกรรมแขนขวาหักเรื้อรังจนทำเอา Marc Marquez ไม่สามารถลงแข่ง MotoGP ปี 2021 ได้อย่างเต็มที่แล้ว ในความเป็นจริงมันยังเป็นอาการที่เคยเกิดขึ้นกับเจ้าตัวเมื่อสิบกว่าปีก่อนมาแล้วด้วย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก ที่มันจะทำให้เขารู้สึกว่า “ยากที่จะทำใจ” และหวังให้มันหายดีในเร็ววันเหมือนเมื่อก่อน
“ใช่, ผมหมายถึง(อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น)ครั้งนี้สำหรับผม…จริงๆคือครั้งไหนที่เป็นครั้งล่าสุดมันก็ยากกว่า(ครั้งก่อนๆ)เสมอ เพราะคุณลืมครั้งแรกไปแล้ว” Marc Marquez กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่อฯ Motorsport.com “แต่ครั้งนี้ที่มันยากกว่า, เพราะอะไรน่ะเหรอ ?, เพราะผมรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น, จะมีอะไรตามมาบ้าง”
“ครั้งแรกคือตอนปี 2011, มันก็เหมือนปกติของทุกๆวัน, ตอนนี้น่ะเหรอ ? ไม่, (ในเหตุการณ์ระบบประสาทตาเสื่อมครั้งก่อน) ทุกครั้งที่ผมตื่นแล้วลืมตาขึ้น สื่งที่ผมทำเสมอคือ ‘ถามตัวเองว่าวันนี้ดีขึ้นรึยัง ?'”, “แต่ครัั้งนี้, พอแพทย์บอกผมว่าผมมีปัญหาเดียวกัน(กับเมื่อ 10 ปีก่อน), (และ)มันต้องใช้เวลาราวๆสามเดือน(เพื่อทำการรักษา)มันเหมือนกับเดจาวูแล้วหลังจากนั้นผมก็ยอมแพ้(เรื่องข้อสงสัยที่ว่าแล้วจะหายเมื่อไหร่)”
“ผมบอกตัวเอง ‘ไม่เป็นไร, ปลงเถอะ’ แล้วผมก็ไม่ตั้งเป้าใดๆ(ว่าจะหายตอนไหน), มันเหมือนกับผมปลงแล้วรอเวลาแค่นั้น, เพราะถ้าไม่อย่างนั้น มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี(ที่จะรีบร้อนให้มันหายไวๆ)”, “แต่มันก็จริง ที่ในช่วงสุดท้าย, พอคุณเริ่มรู้สึกว่าการมองเห็นเริ่มดีขึ้น แล้วคุณเห้นว่าเดือนกุมภาพันธ์มันใกล้เข้ามา, การแข่งขันสนามแรกก็ใกล้เข้ามา แล้วคราวนี้คุณก็จะเริ่มรู้สึกกังวลบ้างแล้ว”
“คุณจะรู้สึกเหมือน ‘เกิดอะไรขึ้น ?’ แต่ผมก็ปลงไปแล้วหน่อยๆ เพราะมันต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามเดือน หรือมากสุดก็หนึ่งปี (ถึงจะหายดี) เพราะแพทย์บอกว่า ‘มัน’ ต้องมีการผ่าตัดสักครั้ง, ถ้าการผ่าตัดยังไม่ช่วยอะไร มันก็ต้องมีครั้งต่อไป”
“แล้วการผ่าตัดที่ว่านี้ก็ต้องบวกเวลาเพิ่มไปอีกสามเดือน(จากระยะเวลาคาดการณ์เดิม), การบาดเจ็บที่แขน(สุดเรื้อรัง)ช่วยผมได้มากในอาการบาดเต็บครั้งล่าสุด(ในเรื่องการทำใจ)”
อ่านข่าว MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่
