รีวิว Kawasaki Ninja 500 สปอร์ต ตัวตายตัวแทน Ninja400 ในรอบ 7 ปี
ครบ 7 ปีเต็ม พอดีกับการที่ผมได้รีวิว Kawasaki Ninja400 ซึ่ง รถที่วันที่ผมจะมารีวิว ในวันนี้ คือ Ninja500 ที่เพิ่งเปิดไปใน TIME2024 หลายคนมองด้วยตา อาจจะไม่ชอบ แต่ บอกเลยว่า ถ้าใครชอบความแรง แต่ขี่ง่ายคล่องตัว คุณอาจจะชอบมันได้ไม่ยาก
Ninja500 คันนี้ มากับไฟแบบ Full LED แล้ว
ไฟหน้า ปรับรูปทรงใหม่ เรียกได้ว่าชุด Cowling หน้าของมัน ได้ถูกถอดแบบออกมาจาก Ninja 7 HEV ชุดไฟเลี้ยวขนาบแฟริ่งข้าง LED
แฟริ่งข้างปรับใหม่ มีช่องระบายความร้อนหลายจุด ช่วยเรื่องของการระบายความร้อนเครื่องไล่ออกข้างได้ดีขึ้น ไอร้อนไม่เป่าหน้าขา
สำหรับสเป็กเทคโลโลยี Ninja500 เวอร์ชั่นไทย เราจะยกสเป็ก SE มา ก็คือ
ชุดกุญแจ Kipass (Keyless) ดีไซน์สวยงามแบบรถยุโรป
จอสี TFT 4.3″ ปรับตั้งสีพื้นหลังได้เอง ความสว่างหน้าจอปรับอัตโนมัติ สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ผ่าน “RIDEOLOGY THE APP” มีลูกเล่นปรับ Set Shift Light ได้
สวิทช์แฮนด์ ด้านซ้าย ก็จะมีปุ่ม ไฟ Pass, ไฟ Hazard, ไฟสูง/ต่ำ, ไฟเลี้ยว, แตร
ด้านขวา Run-Off และ Start
เฟรมเหล็ก Trelis นน. เบา ในแบบตัว 250 ที่ยังคงให้ความแข็งแรง
ถังน้ำมันขนาดเล็ก 14 ลิตร ทรงสลิม
เบาะนั่ง 2 ตอน แฟริ่งท้ายโค้งมน เป็นชิ้นเดียวกัน
มิติรถ Ninja500
เบาะสูง 785 มม.
นน. Wet 172 kg
ระยะฐานล้อ 1,375 mm สั้นกว่าคู่แข่งพอสมควร
ท่านั่ง
เบาะสูง 785 มม. เท่าเดิม ซึ่งส่วนแคบสุดของเบาะ นั้น ถือว่าคอดแคบ ทำให้เวลานั่งลงเต็มเท้าได้อย่างสบายๆ ใครตัวไม่สูงมาก ช่วงต่ำกว่า 170cm ก็ยังสามารถขี่มันได้ไม่ลำบากนัก
นน.ตัวก็ต้องถือว่าเบากว่าคู่แข่ง ทำให้การขี่คอนโทรล เข็นรถต่างๆ ทำได้คล่องตัว โยกพลิกรถก็ทำได้ง่าย
ตำแหน่งแฮนด์ เป็น Clip on แบบจับด้านบนแผงคอ ทำให้มันเป็นแนว สปอร์ตทัวริ่ง จึงไม่ต้องก้มมาก
องศาไม่แคบไม่กว้างไป เหมาะกับการขี่หักเลี้ยวในวงแคบได้อย่างสะดวก เมื่อหัก Full Lock แล้ว แขนไม่ติดถัง
และช่วงขาผมยังก็ไม่ติดแฮนด์ แต่ถ้าใครสูงมากๆ ระดับ 180cm+ อาจจะมีโอกาส เริ่มติดช่วงแฮนด์
พักเท้า ไม่สูงนัก และดูจะออกไปทางด้านหน้าเล็กน้อย ทำให้ท่าขี่สำหรับ On Road ดูผ่อนคลายขึ้น
เบาะทรงใหม่ เคลมว่านั่งได้สบายกว่า Ninja400
ตำแหน่งคนซ้อน เบาะขนาดเล็ก ทำให้อาจนั่งได้ไม่เต็มก้น และไม่มีมือจับกันตก จึงทำให้คนซ้อน คงต้องเกาะเอว หนีบสะโพกผู้ขี่ แต่เมื่อลองหนีบสะโพก พบว่าช่วงมุมโค้งแฟริ่งท้าย ดูจะดันน่องไปเสียหน่อย
ขุมกำลังเครื่องยนต์ 2 สูบ DOHC หม้อน้ำ ขนาด 451cc มาพร้อมระบบ Assist & Slipper Clutch
กำลัง 52ps@10,000rpm แรงบิด 42.6 N.m @7,500 รอบต่อนาที
ม้า +7 ps แรงบิด +4.6Nm
จุดหนึ่งท่ี่ผมชอบ คือ มีการ์ดอลูมีเนียม หม้อน้ำมาให้ด้วย
มันไม่ได้มีแค่ อัพความจุ ขึ้นมา 52cc เท่านั้น เพราะปรับปรุง เพลาข้อเหวี่ยง,ก้านสูบ, ลูกสูบอลูมิเนียม กระบอกสูบแบบไร้ปลอกและเคลือบพื้นผิวเครื่องยนต์ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง แบบซุปเปอร์สปอร์ต Ninja ZX-10R และ Ninja ZX-6R
โดยรวมการใช้งานนั้น ถือว่ารถมีความแรง ขี่ได้สนุกรอบจัด แต่ไม่สูงเหมือนพวกรถ Supersport ยังสามารถขี่เล่นรอบได้กำลังดี
ถ้าขี่ธรรมดา ทั่วๆไป เปลี่ยนเกียร์ช่วง 4,000rpm รถก็ถือว่ามีแรงบิดเพียงพอแล้ว แต่ถ้าขี่แบบซัดๆ ช่วงสัก 7000-8000rpm ก็แอบรู้สึกว่ามันดึงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
โดยรวมถือว่าเป็นรถที่มีอัตราเร่งดีมาก ต้นกลาง มาดีเลย ส่วนปลาย เราพบว่าช่วงความเร็วประมาณ 195kmph+ ไปตรงนี้ จะไต่ขึ้นช้าๆ แล้ว โดยเราทำได้สุดที่ 203kmph ตามหน้าไมล์ ซีึ่งก็เป็นช่วงเข้า Redline แล้ว สำหรับ GPS ได้เท่าไร สามารถรับชมได้ในคลิปทดสอบ TopSpeed Ninja500
ระบบกันสะเทืิอน
โช้กหน้าหัวตั้ง ขนาดแกน 41 มม. ระยะยุบ 120
โช้กหลังเดี่ยว Horizon Back link ระยะยุบ 130 มม.
ฐานล้อสั้น สวิงอาร์มยาว ทำให้มันคล่องตัว พลิกรถได้ง่าย ขณะที่ขี่ความเร็วสูงก็ยังมั่นคง
ด้วยสไตล์ของช่วงล่างที่ เน้นการใข้งาน OnRoad แบบทั่วริ่ง ทำให้มันขี่ได้ เฟิร์ม แบบไม่แข็งกระด้าง เจอผิวโลกพระจันทร์ลูกระนาด ไม่รู้สึกว่าช่วงล่างดีดกระแทก โดยรวมช่วงล่างขี่ใช้งานในเมือง กทม. ถือว่าสบายๆ
ส่วนการขี่ด้วยความเร็วสูงๆ ในพื้นผิวทางราบ ไม่มีปัญหา แต่ในบางจังหวะที่เจอ Jump คอสะพาน ด้วยช่วงล่างที่ยืดหยุ่น ให้ตัวได้พอประมาณ จึงอาจทำให้มีอาการออกมาบ้างในช่วงความเร็วสูง ซึ่งต้องบอกก่อนว่า เป็นจังหวะที่เราขี่เทส TopSpeed ถือว่าเป็นความเร็วเกินกว่าการขี่ทั่วๆไป
ระบบเบรก
ดิสก์เดี่ยว ขนาด 310 มม. ด้านหน้า และหลัง 220 มม. ทำงานร่วมกับปั๊ม Nissin 2 pots ทั้ง หน้า-หลัง เหมือนกัน มาพร้อม ABS
ก็ต้องสารภาพ ว่า โช้กกับเบรก เป็นอะไรที่น่าหงุดหงิด เพราะแรงขึ้นแต่ให้สเป็กเท่าเดิม
กับภาพรวมการใช้งานนั้น ยังถือว่า มันยังสามารถไล่น้ำหนักเบรก ลงได้อย่างเหมาะสม ในจังหวะชะลอความเร็วรถในช่วงแรก ยังสามารถชะลอความเร็วลงได้ดี แต่ถ้าจังหวะที่ซัดมาแรงๆ ต้องการเบรกหนัก หรือ ลึก พละกำลังปั๊มเพียง 2 Pots อาจทำให้ระยะเบรกนั้นไม่สั้นมากนัก ดังนั้น อาจต้องเผื่อระยะเบรก หรือ ใช้ Shift Down ลดเกียร์ช่วยได้ เพราะว่า รถมี Slip Assist Clutch ซึ่งช่วยให้การลดเกียร์ แล้วไม่มีอาการล้อล็อกล้อสะบัด
ไซส์ยางหน้า 110/70R17 หลัง 150/60R17 ก็ถือว่าเป็นไซส์ขนาดมาตรฐานพอๆ กับรถช่วง 300-400cc
สรุป รีวิว Kawaaski Ninja 500 ถือได้ว่ามันมีดีกว่าที่เห็น นั่นคือเรื่องของ ขุมกำลังที่แรง เอาเรื่องที่สุดในคลาส
โดยที่มันยังขับขี่บนถนนได้อย่างสะดวกสบาย แถม รถเบา ให้ความคล่องตัวสูง ขี่ในเมืองคล่องตัว เดินทางไกล ก็ยังไม่เมื่อย
เอาเป็นว่ามันเหมาะกับผู้ที่ต้องการรถทรงสปอร์ต ขี่ใช้งานได้ในเมือง และออกทริป แบบไม่เมื่อย และมีความเป็นมิตร กับผู้ขี่เกือบทุกเพศทุกวัย
Kawasaki Ninja500 ราคา 2.198 แสนบาท มีสีเดียว เขียว KRT ปี 2025
ผู้สนใจติดต่อได้ที่ตัวแทนจำหน่าย Kawasaki Motoaholic
อ่านรีวิว เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าว Kawasaki เพิ่มเติมได้ที่นี่