รีวิว Royal Enfield Himalayan ตะลุยปิล็อก สะท้อนจิตวิญญาณแห่งเทือกเขาหิมาลัย “ADV Bike สไตล์คลาสสิค ที่ขี่สบายกว่าที่คิด”

0

ในงาน Bangkok International Motor Show 2017 ทาง Royal Enfield ประเทศไทย ได้เผยโฉมเจ้า Royal Enfield Himalayan ครั้งแรกในไทย ซึ่งก็เป็นที่สนใจสำหรับนักบิดสายทัวริ่งที่ชอบเดินทางตะลุยแบบไร้ขีดจำกัด

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_37
เมื่อวันที่ 6-8 กุมภาพันธ์ ทาง MotoRival เราได้มีโอกาสไปร่วมทริปทดสอบเจ้า Himalayan ครั้งแรกในไทย กับเส้นทาง ปิล็อก – ทองผาภูมิ – สังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อทดสอบสมรรถนะของรถที่ถูกออกแบบมาเพื่อผจญภัย และ ทัวริ่งในพื้นที่ๆสมบุกสมบัน อย่างเส้นทางบริเวณภูเขาที่มีความท้าทาย และในวันนี้เราจะมารีวิว Royal Enfield Himalayan ให้เพื่อนๆ ได้รับชมกันครับ

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_35
รูปลักษณ์
Royal Enfield Himalayan เป็นรถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Adventure Touring ที่มีรูปทรงแนว Classic เป็นยนตรกรรมจากประสบการณ์การขับขี่ในเทือกเขาหิมาลัยกว่า 60 ปี และนำมาออกแบบใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย แต่ยังคงเสน่ห์ความคลาสสิคเอาไว้ได้อย่างลงตัว

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_34
ทางด้านหน้ายังคงความเป็นเอกลักษณ์ในรูปทรงคลาสสิค ไฟหน้าเป็นทรงกลม ไฟเลี้ยวทรงสี่เหลี่ยมปลายมน วินชิลด์หน้าไม่สูงมากแต่จากการใช้งานถือว่าช่วยลดแรงปะทะจากลมได้เยอะเลยทีเดียว

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_22
บังโคลนหน้าดีไซน์มาเป็นแบบ 2 ชั้น กันดีด

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_12
ไฟท้ายทรงหกเหลี่ยม LED ซึ่งอยู่ติดกับบังโคลน มาพร้อมแร็คไว้ยึดของในการเดินทาง

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_18
ความจุของถังน้ำมันสามารถจุได้ 15 ลิตร ซึ่งเพียงพอต่อการเดินทางออกทริปไกลวิ่งระยะทางได้ไม่ต่ำกว่า 400 กม.

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_09
แผงมาตรวัดเป็นแบบ Semi Digital ที่แสดงผล ความเร็ว , รอบเครื่องยนต์ , เกียร์ , เกจน้ำมัน , นาฬิกา , ตัววัดอุณหภูมิ , set Trip A-B และ ที่พิเศษยังมีเข็มทิศอีกด้วย

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_38
ล้อซี่ลวดด้านหน้ามีขนาด 90/90 – 21” ล้อหลัง 120/90 – 19” มาพร้อมกับยางติดรถเป็นยางกึ่งวิบาก Pirelli MT-60 ซึ่งถือว่าตอบโจทย์กับเส้นทางที่มีทั้งทาง On Road และ Off Road ทำให้มั่นใจในการขับขี่ในทุกเส้นทางทุกสถานการณ์

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_23
Engine Guard ออกแบบมาแบบเรียบง่ายแต่ดูทนทาน

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_10
ท่อไอเสียทรงยาวยกเชิดสูงขึ้นเพื่อให้เหมาะแก่การลุย เรื่องเสียงเป็นอีกหนึ่งจุดที่ชอบมาก คือไม่ดังไปไม่เบาไปกำลังดีให้อารมณ์นุ่มๆ แม้จะในรอบสูงก็ตาม

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_36
มิติรถ
ความสูงของเบาะ 800 mm. ผู้ขี่สูง 166 cm. เขย่งประมาณครึ่งฝ่าเท้า น้ำหนักรถ Kerb weight อยู่ที่ 185 kg. ถือว่าไม่หนักเท่าไรนัก

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_31
ท่านั่งในการขับขี่ตำแหน่งแฮนด์ต่ำกว่าหน้าอกเล็กน้อยถือว่าอยู่ในระดับกำลังดี ควบคุมง่ายไม่เมือยแขน หลังเหยียดตรงตามสไตล์ทัวริ่งบวกกับเบาะหนาและนุ่มนั่งขับขี่ระยะไกลได้สบาย

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_32
ตำแหน่งวางเท้าสอดคล้องกับเข่าหนีบถังได้กระชับพอดี ตำแหน่งคนซ้อน

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_28
*สำหรับ Touring Edition จะมีปี๊ปเพิ่มเข้ามาด้วย ซึ่งถ้าซื้อแยกจะเสียส่วนต่างอีกประมาณ 15,xxx บาท

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_11
เครื่องยนต์
Royal Enfield Himalayan ใช้เครื่องยนต์ 1 สูบ ความจุ 411 cc. ระบายความร้อนด้วยอากาศ กำลัง 24.5 hp.@6,500 rpm. และแรงบิด 32 Nm@4,000-4,500 rpm. ส่งกำลังผ่านเกียร์ 5 Speed ทำอัตราสิ้นเปลืองได้เฉลี่ย 25-30 กม./ลิตร

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_24
ในเรื่องการระบายความร้อนมี Oil Cooler คอยช่วยระบายอีกด้วย

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_26
พูดถึงกำลังของเครื่องยนต์ ต้องเรียนตามตรงว่ามันอาจไม่จัดจ้าน จี๊ดจ๊าดแบบตระกูล Sport คลาส 300 เจ้า Himalayan คันนี้ เน้นแบบเรียบๆ มาเรื่อยๆ

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_05
จุดที่ประทับใจคือคันเร่งดูลื่น และอาการสั่นนั้นมีน้อยจนลืมไปเลยว่าเราขี่ Royal Enfield อยู่นะ อาการที่เราเคยพบใน Continental GT หรือ Classic 500 ลืมมันทิ้งไปได้เลย

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_03
เส้นทางในทริปนี้ที่เป็นทางเขาชัน รถยังพอมีทอร์คให้รีดใช้ไต่ขึ้นทางชันได้ที่เกียร์ 2

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_41
บนทางเรียบลองเปิดคันเร่งไหลยาวๆ ความเร็วไล่จากช่วงต้น-กลาง มาเริ่มออกอาการตื้อเอาช่วง 125 กม./ชม. ขึ้นไป ทริปนี้เราแอบลองไหลไปได้มากสุดที่ 133 กม./ชม. แน่นอนมันยังไปได้อีก แต่ต้องรีดเค้นและใช้ระยะทางพอสมควร รวมถึงรอบเครื่องที่สูงเกินไปก็จะพบอาการสั่นของเครื่องยนต์สไตล์ 1 สูบ ตามปกติ

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_04
ซึ่งผู้เขียนแนะนำว่า Himalayan คันนี้ น่าจะขี่เดินทางในช่วงความเร็ว 110-120 กม./ชม. กำลังสบายๆ

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_08
ระบบเบรก
ด้านหน้าจานดิสก์เดี่ยวขนาด 300 mm. ปั้มเบรก 2 ลูกสูบ

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_14
ด้านหลังจานดิสก์ขนาด 240 mm. ปั้มเบรก 1ลูกสูบ จาก Bybre การใช้งานโดยรวมก็ไม่แตกต่างจากรถ ADV Entry คันอื่นที่ใช้ เบรกจากแบรนด์นี้ ชะลอความเร็วได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ไม่หนึบดูดติดจิกมือมาก แต่ก็เพียงพอแก่การขับขี่ Touring ทั่วๆไป

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_40
ระบบกันสั่นสะเทือนและช่วงล่าง
โช้คหน้า Telescopic 41 mm. ระยะยุบตัว 200 mm.

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_13
โช้คหลังแบบเดี่ยว Monoshock ระยะยุบตัว 180 mm. มาพร้อมกับระบบ ตัวตุ้มถ่วงดุล (Counter Balance) ที่จะคอยช่วยลดการส่ายของรถเมื่อขับขี่อยู่บนทางขรุขระ

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_46
จากการทดสอบในทางออฟโรดมีอาการส่ายน้อยมากสามารถควบคุมรถได้ง่าย ช่วงล่างสามารถรับแรงกระแทกจากหินและร่องหินได้ดี บิดคันเร่งรูดได้สบาย ยิ่งในย่านรอบต่ำยิ่งรู้สึกว่ามันนุ่มนวลยิ่งขึ้น

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_45
ในทางดำซึ่งจากเส้นทางขาลงจากปิล็อกโค้งค่อนข้างเยอะและแคบถึงแม้จะเป็นยางกึ่งวิบาก (Pirelli MT-60) และช่วงล่างก็ยังทำได้ดี แต่จะมีออกอาการห้อยบางในการเข้าโค้งความเร็วสูง ด้วยความนุ่มของโช้คที่ถูกปรับมาให้ใช้ในทุกสถานการณ์

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_07
สรุปโดยรวม
Royal Enfield Himalayan เป็นรถ Adventure Touring สไตล์ Classic ที่พัฒนาให้ดีขึ้นตามยุคตามสมัยลืมอาการสั่นของรถคลาสสิคไปได้เลย ทั้งช่วงล่าง การออกแบบ Chassis ให้มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ทำให้ควบคุมและขับขี่ง่ายในทุกสภาพถนน ไม่ว่าจะเป็น On Road หรือ Off Road ก็สามารถตะลุยไปได้โดยง่าย

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_43
จุดเด่น
– ขับขี่ง่าย ฟิลลิ่งการขับขี่นุ่มนวล ไม่ว่าจะช่วงล่าง ความสูงรถ เบาะ ท่านั่งที่ออกแบบมาไม่ฝืนจนเกินไป เหมาะสำหรับเดินทางไม่ว่าจะใกล้หรือไกลแม้จะมือใหม่ก็ตาม
– รูปร่างหน้าตาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีสไตล์ไม่เหมือนใครกับมนต์เสน่ห์ความคลาสสิค และ นักเดินทาง
– ออปชั่นที่มากับรถเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นยาง หรือ ช่วงล่าง ชิวหน้า ถือว่าเดิมๆ นี้ก็พร้อมลุยแล้ว ยิ่งถ้าซื้อ Touring Edition มาพร้อมปี๊ปหลังอีกคู่นึงถือว่าครบเลย (ถูกกว่าซื้อแยกประมาณ 15,xxx บาท)

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_49
จุดด้อย
– ความเร็วปลายยังไม่มากนัก หากใช้เดินทางไกล ผู้ที่ต้องการทำความเร็วอาจไม่ตอบโจทย์
– ถ้าจะนำไปใช้แบบ Hardcore Adventure ลงโคลน ไต่ทางวิบากแบบทรหดลุยแหลกคงไม่เหมาะเท่าไร น้ำหนักอาจจะเยอะไปนิด ถ้าสรีระชาวเอเชียทั่วไป อาจไม่ได้ แต่มีเหนื่อย

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_47
สำหรับ Royal Enfield Himalayan จะมี 2 สี คือ Granite (เทาดำ) และ Snow (ขาว) ราคาเริ่มต้นที่ 169,800 บาท ในรุ่น Street Edition และ 186,300 บาท รุ่น Touring Edition

RoyalEnfield_Himalayan_PilokTrip_01ขอขอบคุณทาง Royal Enfield Thailand สำหรับทริปทดสอบ Himalayan ในครั้งนี้
Amphol Moolthongsuk Test Rider Writer&Photo
Pon Piantanongkit Writer&Editor 

อ่านข่าว Royal-Enfield เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าวรีวิว เพิ่มเติมได้ที่นี่

เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ

Share.

About Author

error: Content is protected !!