รีวิว Royal Enfield Hunter 350 นึกว่า Street Twin 350 มันคือ RE ที่ขี่ง่ายที่สุด แต่เมื่อยไปนิด

0

รีวิว Royal Enfield Hunter 350 สัมผัสแรก แบบ Bangkok City Night Ride + Rainy

หลังจากที่ MotoRival เราได้ พาทุกท่านไปรับชมพรีวิว คันจริง กับการเปิดตัว Royal Enfield Hunter 350 ครั้งแรกในโลก ที่ประเทศไทยกันไปแล้ว ในวันนี้ขอมาตามนัด หลังได้ทดสอบเสร็จ และมีการ Embargo ขึ้นรีวิว วันที่ 10 เวลา 11:30 น.

Royal-Enfield-Hunter-350 (22)
และเพื่อไม่ให้เสียเวลา จะไม่ขอพูดดีเทล รถซ้ำนะครับ เพราะพรีวิว ไปแล้ว จะมาเข้ากันที่เนื้อหากันเลย ถ้าใครอยากดูดีเทลตัวรถ กดดูพรีวิวได้ที่นี่
ต้องบอกก่อนว่า การ รีวิว Royal Enfield Hunter 350 ในครั้งนี้นั้น เป็นการทดสอบกลางคืน ตั้งแต่หัวค่ำออกจาก W Hotel และ กลับมาถึง W Hotel ตอนประมาณตีสอง
โดยเส้นทางจะขี่ทั้งในเมือง กทม. และรอบนอก ไปยัง Impact Speed Park เพื่อให้ลองขี่ในแทร็กด้วย
แต่ การทดสอบรอบของเรานั้นเต็มไปด้วยฝนตลอด ทำให้เปียกยันรองเท้าชุ่ม ไปทั้งตัว จึงได้ทดสอบสมรรถนะ Wet Test ไปในตัวด้วยทีเดียวเลย
จะเป็นอย่างไร มารับชมไปพร้อมกันเลยครับ

เริ่มกันที่ท่านั่ง
ซึ่งผมเอง พบว่า ความสูงเบาะ 790 มม. แต่ เบาะค่อนข้างแคบ นั่นจึงทำให้ผมที่สูง 175 ซม. สวมรองเท้าบู๊ทนั้น เหยียบลงเต็มเท้า แถมหย่อนขาได้แบบเหลือๆ
ตัวเบาะนั่งที่เป็นแบบตอนยาว ชิ้นเดียว แตกต่างจาก Meteor และ Classic ที่เป็นเบาะ แยกชิ้นกัน ซึ่งส่วนตัวผมชอบเบาะตอนเดียวมากกว่า เพราะสามารถขยับตัวอะไรได้มากกว่า

นน. 179 กก. (Dry) เบากว่า Classic350 อยู่เกือบ 20 กก. บอกเลยว่ารู้สึกเป็นมิตร ต่อคนสรีระตัวเล็ก ขี่ได้ง่าย และมั่นใจขึ้น เวลาเข็น
แต่ผมรู้สึกว่าขาตั้งคู่มัน ขึ้นค่อนข้างยากพอสมควร คิดว่ารถไซส์นี้ และ นน.ตัวที่ไม่มากนักน่าจะขึ้นขาคู่ได้ง่ายกว่านี้

Royal-Enfield-Hunter-350-Hand-Switch
ตำแหน่งแฮนด์ บาร์ทรงเตี้ย ตอนแรกผมขี่ก็รู้สึกว่าสบายดี ทั้งภาพรวมการคอนโทรล และวงเลี้ยว แต่พอขี่ยาวๆ นานๆ แบบเดินทางไกล เริ่มรู้สึกปวดบริเวณสะบักหลังช่วงบนเหมือนกัน
ซึ่งจุดนี้ น่าจะแก้ปัญหาไม่ยาก เพราะ อาจเป็นเพราะตำแหน่งแฮนด์ที่ต้องเอื้อมไปด้านหน้าหน่อย

Royal-Enfield-Hunter-350 (33)
ขุมกำลังเครื่องยนต์ 349cc
แบบ สูบเดี่ยว ระบายความร้อนด้วยอากาศ กำลังราว 20 แรงม้า แรงบิด 27 Nm ลูกนี้ยืนยันการันตี Performance มาแล้วใน Classic 350 รวมถึง Meteor 350
คันเร่งสมูท ขี่ง่าย ขี่นานๆ ไม่เมื่อยมือ บิดเปิดคันเร่ง ไม่กระชาก ขี่บนพื้นผิวเปียกลื่นๆ ฝนตก ยังให้การคอนโทรลดีไม่ยาก ไม่จำเป็นต้องมีระบบ TCS

โดยภาพรวมสมรรถนะช่วงต้นถึงย่านกลาง ทำได้ดีไม่เค้นจนเกินไป และไม่แรงดิบ ขี่ใช้งานแบบ City Ride ได้เหมาะสม หรือ สายชิลก็ไม่เครียดจนเกินไป
แต่ถ้าขี่เดินทางไกลๆ อย่างรอบนอกเมืองที่ย่านความเร็วสูง ก็จะเริ่มเหนื่อยนิด ตรงที่ล็อก TopSpeed 120 kmph เพื่อให้ผ่านมาตรฐานไอเสีย

แต่จากที่ผมขี่ทดสอบจริง และได้มีการบันทึกคลิปไว้ กลับมาบ้านเปิดคลิปเพิ่งห็นว่า ไหลไปได้เกือบแตะๆ 130 kmph เลย ซึ่งผมได้สอบถามทางผู้ใหญ่ RE ได้รับการยืนยันว่าล็อก เหมือน 350 คันอื่น
แต่มีความเป็นไปได้จาก นน. Load ที่คันนี้ เบากว่า Classic 350 ถึง 18.7 kg และอาจเป็นจังหวะที่ผมไหลลงเนินด้วย จึงทำให้ความเร็วตามมาตรวัดไปได้มากกว่าที่ควรจะเป็น

สำหรับคลิปทดสอบอัตราเร่ง-TopSpeed รับชมได้ที่นี่

Royal-Enfield-Hunter-350 (18)
ระบบกันสะเทือน
เป็นอีกจุดที่ผมประทับใจ เพราะผมชอบมันที่สุดใน ทั้ง 3 รุ่น
ด้านหน้าขนาดแกน 41 มม. ถือว่าใหญ่พอประมาณ กับรถพิกัดนี้ และมีระยะยุบ ค่อนข้างมาก ผมรู้สึกเวลาขี่ผ่านหลังเต่าใหญ่ๆ มันซับแรงดี จนแบบยกก้นขึ้น แล้วเปิดคันเร่งใส่ได้เลย

Royal-Enfield-Hunter-350 (8)
ในส่วนฟีลโช้กหลังคู่ ที่ผมไม่ได้ไม่ยุ่งกับ Setting Preload เดิม พบว่าโดยรวมไม่แข็งเท่า Meteor
แต่ถ้าขี่ช้าๆ ในเมือง ก็อาจจะยังรู้สึกแข็งนิดๆ พวกเจอหลุมบ่อฝาท่อ แต่พอผมได้เดินทางบริเวณรอบนอก ทำความเร็ว ก็รู้สึกว่า ok เลย ซับแรงได้ดีเวลาเจอ Jump พวกคอสะพาน
เอาเป็นว่า ผมขี่คนเดียวแล้วชอบช่วงล่างมันที่สุด ชอบมากกว่า 350 รุ่นอื่นๆ

นอกจากนี้ในเรื่องการ คอนโทรล ยืนยันได้เลยว่ามันเป็น Best in 350 นน. ตัวที่เบา ตำแหน่งแฮนด์บาร์ รวมถึงเรื่องของ Grip การขี่บนถนนเปียก หรือ ในแทร็ก Impact Speed Park ถือว่าไม่ลื่นมาก ยัง

Royal-Enfield-Hunter-350 (17)
ระบบเบรก ด้านหน้า จานดิสก์เดี่ยวขนาด 300 มม. ทำงานร่วมกับ ปั๊มคาลิปเปอร์ 2 pot
ด้านหลัง จานดิสก์เดี่ยวขนาด 270 มม. ทำงานร่วมกับ ปั๊มคาลิปเปอร์ 1 pot
พร้อมระบบ ABS Dual Channel และสายเบรกถัก

ในภาพรวมการทำงาน ก็ยังทำหน้าที่ได้ดีเช่นเดียวกับ 350 คันอื่น เพราะ มันสามารถไล่น้ำหนักเบรกปั๊มบนได้ดี ไม่รู้สึกแข็งหรือกดแล้วเมื่อยนิ้ว เอาเป็นว่ามันเบรกหยุดรถได้เหมาะสมกับพละกำลังตัวรถ

Royal-Enfield-Hunter-350-cover2สรุป รีวิว Royal Enfield Hunter 350 ในครั้งนี้ แม้เป็นเพียง 1st impression แต่ก็ได้วิ่งแบบไกล พอสมควร ทั้งในเมือง นอกเมือง และจุดสำคัญ คือ การได้วิ่งบนพื้นผิวเปียกตลอดเวลา
ทำให้เราได้รับรู้เลยว่ามันเป็นรถ Royal Enfield ที่ขี่ง่าย เป็นมิตรที่สุด เพราะ ขี่แล้วคอนโทรลได้ง่าย ไม่เครียด กริ๊ปทางเปียกจัดว่าใช้ได้

ดังนั้น สวย ราคาดี ขี่ง่าย ใครสนใจรถในคลาสนี้ จัดได้เลยครับ

อ่านรีวิว เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าว Royal Enfield เพิ่มเติมได้ที่นี่

Share.

About Author

Background EXP in Automotive journalists more than 10 Years Writer & Test Driver @Pantip Garage 2018-Present @9carthai 2015- 2017 @Torque & VIPStyle Magazine 2015 @Autospinn 2012-2015 @GTmania.tv 2009-2010

error: Content is protected !!