รีวิว Triumph Speed 400 British Modern Roadster สายนักล่า ฮันเตอร์ 350

เมื่อช่วงวันที่ 29 ม.ค. 2024 ที่ผ่านมา Triumph Motorcycles ได้จัดทริปทดสอบรถ Triumph 400 ทั้ง 2 โมเดล แบบ Asia Press Test ให้สื่อโซนเอเชีย เราได้ทดสอบกัน ซึ่ง MotoRival เราก็ได้มาร่วมทดสอบกันด้วย หลังจากที่ เมื่อวานเราได้นำเสนอ

รีวิว Scrambler 400 X ไปแล้ว (รับชมได้ที่นี่) วันนี้ ก็จะขอมาต่อกันกับ รีวิว Speed 400 กันต่อ

อย่างที่บอกนะครับว่า คอนเท้นต์นี้ เป็นการรีวิวทดสอบสัมผัสแรก ซึ่งเวลาจำกัด เราจึงจะขอเข้ามาที่ฟีลลิ่งการขับขี่กันเลย หากใครยังไม่ได้รับชมดีเทลรถสามารถย้อนรับชมได้ที่นี่

สำหรับตัวหน้าปัด ที่เป็นแบบอนาล็อก + ดิจิตอล
ซึ่งความเร็วเป็นเข็ม และรายละเอียดอื่นๆ ที่เหลือเป็นตัวเลข
ผมพบว่า สเกลรอบเครื่องที่เป็นแนวตั้งมันมีขนาดเล็กทำให้มองลำบาก ยิ่งตอนแดดแรง มองรอบเครื่องไม่สะดวก การเปลี่ยนเกียร์ควรฟังรอบเครื่อง และจังหวะเอาตามเหมาะสม
ผมคิดว่า ตัวเข็มอนาล็อกควรบอกรอบเครื่อง ส่วนความเร็วควรเป็นตัวเลข จะมองเห็นชัดกว่า

ท่านั่ง
เบาะสูง 790 มม. เตี้ยกว่า 400X ถึง 45 มม. ความสูงระดับนี้พอๆ กับ Sport Entry ช่วง 250-400cc
สำหรับผมสูง 175 ซม. สวมรองเท้าบูท นั่งคร่อมรถได้สบายๆ

คันนี้ให้แฮนด์ Fatbar ทรงออกเตี้ย องศาจะกางออกและงุ้มเล็กน้อย ต้องบอกว่า ถ้านั่งมันดูจะต้องขี่แบบแบะศอกนิดๆ ตามแนวรถ Moto หรือ Streetfighter ซึ่งท่าขี่แบบรถ Naked ทั่วไป อาจทำให้พบอาการปวดเมื่อยช่วงฝ่ามือ

ส่วนพักเท้า ด้วยความที่คันนี้ จะมีความเป็นสปอร์ตมากกว่า Scrambler400X ก็จะรู้สึกได้เลยว่า จะพบว่ามันเมื่อยขามากกว่า เจ้า 400X

ขุมกำลัง TR Series 400
1 สูบ หม้อน้ำ พิกัด 398cc ให้กำลัง 40 แรงม้า@8,000rpm แรงบิด 37.5 Nm@6,500rpm ขับด้วยโซ่ X-Ring

ใน Session ที่สลับมาขี่ Speed 400 นี้ ได้มีโอกาส หวดแบบเต็มๆ ผมพบว่า ถ้าเราขี่แบบเปิดคันเร่งกระแทก ตามที่บอกไปใน Scrambler400X แรงบิดจะพร้อมให้เรารีดใช้งานจริงๆ ประมาณ 3,000rpm+ ขึ้นไป ช่วงนี้แรงดึงจะมีมาให้รู้สึกขี่กำลังสนุก เร่งแซงในช่วงเมืองรถติดๆ ก็ทำได้ดี
TR Series ลูกนี้ มีความโดดเด่นกว่า เครื่องรถยุโรปแบรนด์อื่นที่ให้อินเดียทำให้ นอกจากเรื่องความสวยงาม Finishing รายละเอียดต่างๆ แล้ว มันคือความลื่นสมูท เครื่องยนต์ขึ้นแบบเรียนๆ ไม่ได้รู้สึกมาเป็นลูกที่มีอาการสั่นๆ และขึ้นแบบ พรึบๆๆ

แถมคันเร่งไฟฟ้าอันนี้ก็ทำได้ดี ละเอียดในการตอบสนอง

ผมได้มีโอกาสหวด TopSpeed จนถึงรอบตัดเกียร์ 6 แถวๆ 9000rpm+ แตะๆ หมื่นรอบ พบว่า ได้ค่า ราวๆ 165 kmph ตามมาตรวัด

อย่างไรก็ดี หากขี่ในช่วงความเร็วเดินทางบิดแช่ๆ แถวๆ 120-130kmph ผมยังพบอาการแฮนด์สั่นขึ้นมืออยู่

ช่วงล่าง
โช้กหน้า USD ด้านหน้าขนาดแกนใหญ่ 43 มม.
มันมีระยะยุบ 140 มม. น้อยกว่าตัว 400X เพียง 10 มม.
ด้านหลัง 130 มม.

อาการฟีลลิ่งช่วงล่างผมว่าดูไม่ได้แตกต่างจาก Scrambler400X นัก แต่ ช่วงโช้กยาวกว่า ทำให้โดยรวมตัวรถดูโย่งกว่า แต่การซับแรงก็ยังทำได้ดีพอสมควร

ขณะที่โช้กหลังถ้าขี่ด้วยความเร็วสูงๆ การปรับเซ็ทเดิมๆ จากโรงงานสำหรับผม ยังอยากได้ฟีลลิ่งตึงๆ ตึ๊บๆ กว่านี้อีกสักหน่อย

จุดที่น่าสนใจคือ ซีรีย์ยางที่ให้มา ถือว่าเป็นยางสปอร์ตที่ดีมากกว่า เพื่อนๆ คันอื่นๆ ในคลาสให้มาเลย เพราะเป็นยาง OEM ระดับที่ใส่ให้มาในตัว Supersport 600

Triumph Speed400 Red2
ระบบเบรก
ด้านหน้าปั๊ม เรเดียลเม้าส์ 4 pots จานดิสก์เบรก 300 มม. ขนาดเล็กกว่า 400X แต่จานเป็นแบบ Semi Floating
แต่ฟีลลิ่งเบรก ยังเหมือนกับตัว 400X คือ พบว่าเบรกดูไม่ค่อยจะมีน้ำหนัก และระยะฟรีก้านเบรก เยอะมาก ในช่วงกดเบรกแรก พอถึงจุดหนึ่งต้องบีบน้ำหนักลงมาก
ทางที่ดีควรใช้ Engine Brake ลดเกียร์ช่วยร่วมด้วยในจังหวะที่หวดมาเร็วๆ

ในตัว Speed 400 สามารถปิด TC ได้ แต่ ปิด ABS ไม่ได้

สรุป รีวิว Triumph Speed 400 ถือเป็นตัวดึงตลาด ที่ช่วงหลังเทรนด์รถสปอร์ตตกดร็อปลงไปมาก ให้ได้กระแสกลับขึ้นมามีความน่าสนใจอีกครั้ง
ด้วยราคา ช่วง แสนกลาง เรียกว่า ตีตลาดเรียบ ตั้งแต่ รถญี่ปุ่นในพิกัดช่วง 300cc ไล่ไปจนถึง 500cc
ไม่ต้องนับพวก Naked ยุโรป พิกัด 300-400cc เลย เพราะ ราคาโดดไป สองแสนกว่า แถมรายละเอียดดีเทลชิ้นงานตัวรถถือว่าสวยงาม ถอดแบบตระกูล Bonneville ในไลน์อัพของ Speed 900-1200 ออกมาได้เป็นอย่างดี สมรรถนะก็ดีตามที่คาดหวังไว้