Valentino Rossi : “ผมเหลือเวลาเป็นนักบิด MotoGP อีกแค่ 10 วัน…”

0

ใกล้เข้าไปทุกที สำหรับช่วงเวลาสุดท้ายในฐานะนักบิด MotoGP ของตำนานแชมป์โลก 9 สมัยที่ยังหายใจอย่าง Valentino Rossi แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็พยายามที่จะไม่กังวลใจใดๆ และเลือกที่จะลงแข่งอย่างสุดความสามารถ นอกจากนี้ในบทสัมภาษณ์ล่าสุด เจ้าตัวยังเผยอีกว่า เขาจะยังคงเป็นนักแข่งรถต่อไป แต่คราวนี้จะอยู่ในเวที 4 ล้อ แทน

VR46 Racing Team
“ในตอนนี้ มันเหลือการแข่งขันอีกแค่สองสนาม, ดังนั้นมันก็ประมาณสิบวัน, ลองนึกถึงเวลาสิบวันที่ว่ากับยี่สิบหกปีที่ผ่านมาสิ, มันเทียบกันไม่ได้เลย” Rossi กล่าวถึงช่วงเวลาการแข่งขันในฐานะนักบิด MotoGP อย่างเต็มตัวที่เหลืออยู่ของเขา “มันเป็นช่วงเวลาแห่งความทรงจำ, และจากใจเลย, ผมอจะพยายามอย่างตั้งใจเพื่อทำให้สุดความสามารถในตอนจบฤดูกาล”

“สำหรับผมมันสำคัญมาก เพราะในมิซาโน การแข่งขันของผมมันไม่ได้แย่ และผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถและตั้งใจ โดยไม่คิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันจันทร์ หลังจบการแข่งขันที่วาเลนเซีย” (ซึ่งไม่ได้เปิดนักบิด MotoGP อีกต่อไปแล้ว) “(ตอนนี้)ผมยังเป็นนักบิด และผมอยากจะทำให้เต็มที่เพื่อมีความสุขกับสองการแข่งขันสุดท้ายของผม”

“การแข่งขันที่นี่เมื่อเดือนเมษายน, ระหว่างสัปดาห์มันยากลำบาก แต่ในวันแข่งจริง ผมค่อนข้างเร็ว, ผมอยู่ในสิบอันดับแรก แต่น่าเสียดายที่ผมดันพลาดล้ม, ดังนั้นเราจำเป็นต้องทำให้ดีที่สุด และพยายามที่จะแข็งแกร่งพอเพื่อให้อยู่ในสิบอันดับแรก”

rossi-gulf-12hrs-gt-world-ferrari-01
อย่างไรก็ดี แม้ Valentino Rossi จะต้องยุติบทบาทการเป็นนักบิด MotoGP แต่เขาก็ยังคงมีความหลงไหล พรสวรรค์ และกำลังมากพอ ที่จะขอไปลงแข่งในศึก 4 ล้อได้ในปีหน้า เหมือนอย่างที่เราเคยเห็นในหลายๆปีที่ผ่านมา ว่าเขาเองก็สามารถโลดแล่นต่อในเวทีนี้ได้ดีเช่นกัน “มันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากสำหรับการแข่งขัน GT และเอนดูรานซ์ เพราะพวกเค้ากำลังจะมีการแข่งขันประเภทใหม่ ซึ่งเรียกว่า ‘Hypercar’ และในปี 2023 นักแข่งตัวเบ้ง, ผู้ผลิตแถวหน้า, ทั้ง Ferrari, Porsche, Audi ก็จะร่วมลงแข่งในรายการนี้”

“ในปีหน้า ผมจะแข่งด้วยรถ GT, ผมยังไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นรายการไหน เพราะมันอาจจะเป็นการแข่งขัน World Endurance Championship หรือ European Le Mans series ไม่ก็ International GT ก็ได้”

“เราจำเป็นต้องตัดสินใจ (ว่าจะลงแข่งรายการไหน), จะใช้รถอะไร (ซึ่งก็คงหนีไม่พ้น Ferrari), และเราจำเป็นต้องเข้าใจถึงระดับและความเร็วของผม เพราะผมอยากจะแข่งด้วยรถ LMP2 ไม่ก็ Hypercar (รถต้นแบบ) แต่ระดับของนักแข่งรุ่นนั้นน่ะมันสูงมาก, ดังนั้นผมจึงไม่รู้เลยว่าผมเร็วพอ(จะสู้กับนักแข่งเหล่านั้นมั้ย?), เราจะต้องรู้ให้ได้ในปีหน้า”

ขอบคุณข้อมูลจาก Crash.net

อ่านข่าวสาร MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่

Share.

About Author

error: Content is protected !!