อาจจะจริงอยู่ว่าในการเทสก่อนเปิดฤดุกาล MotoGP 2020 ที่กาตาร์ ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าเหล่าตัวแข่ง YZR-M1 ของ Yamaha สามารถทำเวลาเกาะกลุ่มหัวแถวได้ตลอด ทว่าหากเจาะลึกไปที่เรื่องของ Top Speed หรือ ตัวเลขความเร็วสูงสุด ตัวแข่งของพวกเขากลับถูกจัดให้อยู่ในอันดับท้ายๆเสียอย่างนั้น
ซึ่งจากเรื่องดังกล่าว ทางพ่อหมอ Valentino Rossi เอง ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อที่ถามถึงปัญหาในการทดสอบครั้งนี้ โดยเขาก็ตอบว่าเรื่อง “ความเร็วสูงสุด” คือปัญหาที่เห็นได้ชัดพอสมควร เพราะแม้่แต่รถแข่งทีมรองอย่าง Ducati Desmosedici GP19 ที่ Johann Zarco ใช้อยู่ เขาก็ยังไม่สามารถแม้แต่จะขี่เจ้า Yamaha YZR-M1 ของตนดูดท้ายรถเพื่ออาศัยจังหวะ Slipstream ได้ในช่วงทางตรง
“ปัญหามันเห็นตอนที่ผมอยู่กับ Zarco, นักบิด Ducati คนเดียวที่ผมตามได้ในวันนี้, และผมเชื่อว่ามันเป็นเรื่องยากมากสำหรับพวกเราที่จะเร่งให้ทันในช่วงทางตรง, ในตอนนั้นผมเลี้ยวได้ดี (จคงจี้เข้าไปได้ในจังหวะออกโค้ง) แต่ผมยังอยู่ข้างหลังเค้า และผมไม่สามารถแซงขึ้นไปได้เลย, เรายังต้องดิ้นรนในการทำ Slipstream อยู่ (เพราะเครื่องยนต์แรงไม่พอที่จะเร่งแซงขึ้นไปได้เลย), และนี่แหล่ะคือปัญหา”
นอกจากนี้ Rossi ยังกล่าวเสริมอีกว่า “จากที่ผมสามารถเห็นได้ในวันนี้, เรายังมีปัญหาตรงที่ความเร็วของเรามันต่างกับคนอื่นราวๆ 10 แรงม้า ซึ่งมันค่อนข้างเยอะ, มันคือการทดสอบที่ยาก และเรายังต้องมาดูในสถานการณ์จริงอีกว่าอัตราสิ้นเปลืองนเชื้อเพลิงจะเป็นอย่างในจากการแข่งขัน (เพราะถ้าปรับให้แรงขึ้นก็กินน้ำมันมากขึ้น), จากใจเลย เราทุกคนต้องแข่งกันเรซละ 22 รอบสนาม เพราะฉะนั้นบางทีในวันนี้นักบิดบางคนอาจจะเลือกขี่เร็วๆโดยไม่สนเรื่องเชื้อเพลิงเหมือนคนอื่นๆก็ได้, (ดั้งนั้น)ยังไงเราก็คงต้องรอดุกันต่อไปในการแข่งจริง”
พอสื่อถามเพิ่มอีกว่า แล้วถ้าปรับเซ็ทให้เครื่องยนต์แรงๆไปเลย มันจะแย่แค่ไหน ? Rossi ก็ตอบเพิ่มว่า “ปกติแล้วถ้าเราเพิ่่มแรงม้าจากเครื่องยนต์, คุณก็เสี่ยงที่จะจัดการมันได้ยากขึ้นตั้งแต่บนจรดล่าง, Yamaha อยากลองที่จะเพิ่มความเร็วให้สูงขึ้น โดยไม่เสียบุคลิกที่นุ่มนวลของเครื่องยนต์มากเกินไป, (ดังนั้น)เราจึงปรับมันทีละเล็กทีละน้อย ไม่เพิ่มเยอะเกินไป”
อ่านข่าว MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ
