แม้ในหลายปีที่ผ่านมา การแข่งขัน MotoGP มักจะจบฤดูกาลโดยที่นักบิดผู้เป็นแชมป์โลกปีนั้นๆมีคะแนนนำจากอันดับสองในตารางคะแนนสะสมห่างหรือต่างจากคู่แข่งอยู่ตลอด แต่หากวันใดวันหนึ่ง เกิดนักแข่งมีคะแนนเท่ากันตอนจบฤดูกาลขึ้นมา ใครกันล่ะที่สมควรจะได้เป็นแชมป์โลกในปีนี้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็ไม่คำตอบที่ซับซ้อนเท่าไหร่นัก เพราะทางคณะกรรมการของการแข่งขัน MotoGP ก็ได้มีการระบุเงื่อนไขการขึ้นนำในอันดับที่ดีกว่า หรือเป็นแชมป์โลกของนักบิดในรายการ หากเกิดกรณีมีนักบิดได้คะแนนสะสมเท่ากันหลังจบการแข่งขันแต่ละเรซเอาไว้แล้วในหนังสือกฏกติกาการแข่งขัน MotoGP ข้อ “1.28.7” ว่า “ในกรณีที่คะแนนของนักบิดเท่ากัน, ตำแหน่งสุดท้ายของนักบิดจะตัดสินจากจำนวนครั้งของผลงานที่ดีที่สุดในการแข่งขัน (จำนวนครั้งที่เข้าอันดับหนึ่ง, จำนวนครั้งที่เข้าอันดับสอง, และอื่นๆ), ในกรณีที่ตัวเลขทั้งหมดยังเท่ากัน, วันที่นักบิดสามารถทำผลงานดีที่สุดได้จะถูกนำมาพิจารณาอันดับการแข่งขันในท้ายที่สุดด้วย”
กล่าวคือ หากตอนจบฤดูกาล นักบิดมีคะแนนในตารางสะสมไว้เท่ากัน ทางคณะกรรมการจะนำผลงานของนักบิดทั้งฤดูกาลมาพิจารณาว่า ใครจะสามารถเข้าเส้นชัยในอันดับที่ดีที่สุดได้มากครั้งกว่ากัน เช่นหากนักแข่ง A สามารถเข้าเส้นชัยในอันดับ 1 ได้มากครั้ง หรือบ่อยครั้งกว่านักแข่ง B นักแข่ง A ก็จะเป็นแชมป์โลกในทันที แต่ถ้าหากนักบิดทั้งสองคนยังสามารถเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 1 ได้เป็นจำนวนครั้งเท่ากัน ทางคณะกรรมการก็จะนำจำนวนครั้งการเข้าเส้นชัยในอันดับถัดๆไปมาพิจารณาเปรียบเทียบกันไปเรื่อยๆจนกว่าจะพบว่านักบิดคนไหนทำผลงานที่ดีที่สุดได้บ่อยครั้งมากกว่ากัน
และถ้าหากการเปรียบเทียบจำนวนครั้งการทำผลงานที่ดีที่สุดของนักบิดทั้งสอง (หรือมากกว่า) ยังเท่ากันอีก คราวนี้ทางคณะกรรมการก็จะนำ “วันที่สามารถคว้าผลงานที่ดีที่สุดได้” มาพิจารณา หากใครสามารถทำผลงานที่ดีที่สุดได้ก่อน เช่นนักบิด A สามารถคว้าแชมป์สนามตั้งแต่เรซแรกได้ เขาก็จะถือเป็นแชมป์โลกทันที แม้นักบิด B จะสามารถคว้าแชมป์สนามในเรซที่สอง และเรซอื่นๆที่เหลือก็สลับกันเข้าเส้นชัยในอันดับที่เท่ากัน เป็นจำนวนครั้งเท่าๆกันก็ตาม (ซึ่งกรณีที่นักบิดทำผลงานได้สูสีกันมากๆจนต้องเอาวันที่ทำผลงานได้มาเปรียบเทียบนั้นคงเป็นไปได้ยากมากๆและเราคงไม่ได้เห็นกันง่ายๆแน่นอน)
อ่านข่าว Tips Trick เพิ่มเติมได้ที่นี่
