แม้ผลงานของ Marc Marquez จะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าผลของการที่ต้องพักฟื้นเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่ยาวนานเกือบปีนั้นส่งผลกับสภาพร่างกายของเขาเป็นอย่างมาก จนทำให้เจ้าตัวต้องออกมายอมรับว่าในตอนนี้เขา “ยังไม่สามารถวิเคราะห์อาการรถได้อย่างแม่นยำในแบบที่เคยเป็นได้เลย” “ผมเริ่มกลับมาแข่งที่ Portimao แล้วก็ต่อด้วย Jerez กับรถที่ถูกวิวัฒนาการไปเล็กน้อยโดย Honda และนักบิดคนอื่นๆ ซึ่งมันไม่ได้แย่เลย” Marc Marquez กล่าว “ผมหมายถึง ในภาพรวมมันไม่ได้แย่ แต่มันก็จริงว่าเราเหมือนจะพลาดอะไรไปบางอย่าง” “อย่างแรกสุดเราต้องระวังในส่วนของผมเมื่ออยู่ในพิท เพราะผมพยายามที่จะพูดตรงๆกับวิศวกร และช่างของผม และคำวิจารณ์ของผมมันก็ไม่ค่อยแม่นยำเหมือนที่เคยเป็น”, “ในทุกๆการซ้อมผมขี่ไม่เหมือนเดิมเลยสักครั้ง, ผมเริ่มสัปดาห์ด้วยการขี่แบบนึง และก็จบสัปดาห์ด้วยการขี่อีกแบบนึง ซี่งยนั่นไม่ใช่เพราะผมเปลี่ยนวิธีการขี่, แต่มันเพราะผมเหนื่อยล้า (จากร่างกายที่ยังไม่ฟิต 100%) แล้วไหนจะตำแหน่งของน้ำหนักบนรถที่เปลี่ยนไป (เพราะออกท่าทางเหมือนตอนฟิตๆไม่ได้) และการเซ็ทอัพรถก็ต้องเปลี่ยนตามอีก” “นี่ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่มันก็ถูกที่ว่าแผนนึงของเราในวันจันทร์ของการทดสอบที่ Jerez คือการกลับไป(ใช้เซ็ทอัพ)เหมือนกับตอนที่ผมขี่ในแทร็คนี้เมื่อปี 2020”, “แต่ผมก็ไม่สามารถทดสอบมันได้ เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยกับสภาพร่างกายของผมตอนนี้”, “และบางทีหนึ่งในเป้าหมายของสัปดาห์นี้ ก็คือการพยายามเข้าใจว่าปัจจุบันเราอยู่ตรงไหน และเราเคยอยู่ตรงไหนในอดีต” อ่านข่าว MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่
Author: admin
Husqvarna Svartpilen และ Husqvarna Vitpilen ถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์เพียงไม่กี่รุ่นจากทางค่ายที่มาพร้อมกับโจทย์เน้นการใช้งานบนถนนดำ กับภาพลักษณ์คตวามร่วมสมัย และในเร็วๆนี้ก็ดูเหมือนว่ามันกำลังจะมาพร้อมกับรุ่นย่อยใหม่เพิ่มขึ้นอีกกับรหัสตัวเลข “501” จากข้อมูลในเบื้องต้นที่เราได้รับมา ระบุว่าในขณะนี้ ทาง Husqvarna ได้เริ่มพัฒนา Svartpilen 501 และ Vitpilen 501 ขึ้นแล้วที่โรงงานของตนเองในประเทศสวีเดน ซึ่งมันจะเป็นการพัฒนาควบคู่ไปกับคู่แฝดของมันอย่าง KTM 490 Duke ที่คาดว่าจะใช้ทั้งเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง ความจุ 499cc กำลังสูงสุดราวๆ 55-60 แรงม้า ลูกเดียวกัน, ชุดเฟรมรูปแบบเดียวกัน, ไปจนถึงสวิงอาร์มหลัง และระบบกันสะเทือนชุดสวิงอาร์มทั้งยวงรุ่นเดียวกัน ทั้งหมด ต่างกันแค่เพียงในเรื่องของการปรับเซ็ทชิ้นส่วนต่างๆให้เข้ากับรูปแบบการใช้งานตัวรถมากขึ้นก็เท่านั้น ทว่าแม้มันจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์แบรนด์ Husqvarna ที่จะดีไซน์ตัวรถที่ถูกออกแบบให้เน้นความร่วมสมัย ความเนี๊ยบ ความประณีต และความสมบูรณ์ที่เหนือกว่าแฝดคนละฝาอย่าง KTM 490 Duke ตามฉบับ Svartpilen 501…
ชิลด์หน้าหมวกกันน็อคเต็มใบ หรือครึ่งใบ และเลนส์แว่นตาสำหรับหมวกกันน็อควิบาก ที่เห็นอยู่ในทุกวันนี้ ไม่ได้มีแค่เพียงสีใส และสีเข้ม หรือสีดำเท่านั้น แต่มันยังมีเฉดสีมากมายให้เราได้เลือกซื้อ ซึ่งสีแต่ละแบบจะส่งผลถึงการมองเห็นของผู้ใช้อย่างไรบ้าง เรามาดูกันเลยครับ – เลนส์สีใส : ชัดเจนอยู่แล้วว่าจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้ชัดเจน เหมือนตามองในยามถอดหมวกปกติ และจะดีมากๆสำหรับการใช้งานตอนกลางคืน เนื่องจากเลนส์จะไม่ทำให้ทัศนวิสัยในการมองทางข้างหน้าแย่ลง และหากใช้ในยามกลางวันเมื่อถอดหมวกออกมา ผู้ขี่ก็ไม่ต้องพบกับอาการตาไม่สู้แสง แต่แน่นอนว่าถ้าหากวันไหนแดดแรงๆ งานนี้ก็มีแสบตาเอาง่ายๆเช่นกัน โดยเฉพาะกับหมวกที่มีการเปิดพื้นที่ด้านบนกว้างมากๆเช่นหมวกเต็มใบสำหรับลงสนามแข่งขัน (บางใบเปิดกว้างจนแสบหน้าผากเลยทีเดียว) – เลนส์สีควัน-เลนส์สีทึบ : แน่นอนว่าประโยชน์ของมันก็จะตรงข้ามกับเลนส์ใส นั่นคือในยามกลางวันมันจะช่วยกรองแสงที่เข้ามาได้ดี แต่เมื่อถอดหมวกออก ตาก็ต้องใช้เวลาสักพักถึงจะสู้แสงได้ (ขึ้นอยู่กับความทึบของเลนส์ด้วย) และถ้าหากต้องขี่ในยามกลางคืนขึ้นมา ทัศนวิสัยในการมองเห็นก็จะยิ่งแย่ลงตามระดับความทึบของเลนส์ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ด้วยคุณสมบัติการกรองแสงของมันยังทำให้โทนแสงที่เรามองเห็นตอนสวมใส่ จะค่อนไปทางโทนเย็นมากขึ้นด้วย (เห็นสีเขียวและสีน้ำเงินเด่นกว่าสีอื่นๆ แต่ก็ไม่มากอยู่ดี เพราะยังไงสีทั้งหมดก็มืดลงกว่าเลนส์สีใส) – เลนส์ปรอทเงิน : มีคุณสมบัติคล้ายเลนส์ทึบ แต่ต่างกันตรงที่มันจะไม่ได้ใช่แค่กรองแสงเฉยๆเท่านั้น ทว่ายังช่วยสะท้อนแสงที่เข้ามาออกไปด้วย ดังนั้นมันจึงทำให้ “ความแสบตา” ของแสงที่เข้ามา น้อยกว่า การใช้เลนส์สีควันปกติๆ และแน่นอนว่ามันก็ค่อนข้างมีประโยชน์สำหรับการใช้งานในวันที่แดดจ้า…
หลังปล่อยคลิปทีเซอร์แรกออกมาเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ก่อน ล่าสุดทาง Yamaha Motor Europe ก็ได้มีกลารปล่อยทีเซอร์ของ Yamaha R-Series รุ่นใหม่ออกมาอีกรอบ ซึ่งในคราวนี้มีทั้งการเผยให้เห็นหน้าตาตัวรถโดยคร่าวๆและระบุวันเกิดตัวอย่างเป็นทางการเอาไว้ด้วย ใช่ครับ สำหรับคลิปที่เพื่อนๆเห็นกันอยู่ในตอนนี้ ก็คือคลิปทีเซอร์ชิ้นที่ 2 ของ รถมอเตอร์ไซค์โมเดลใหม่จากทาง Yamaha ที่คาดว่าจะเป็น YZF-R7 ซึ่งรายละเอียดเนื้อหาจากคลิปในเบื้องต้น ก็จะยังคงอิงคอนเซปท์คล้ายๆกับคลิปก่อน นั่นคือการถ่ายบรรยากาศโจทย์การใช้งานของรถมอเตอร์ไซค์รุ่นดังกล่าวตัดไปมาระหว่างในสนามแข่งกับในทางขุนเขา และในขณะเดียวกันก็จะมีการตัดให้เห็นภาพของนักแสดงที่จะยืนคู่กับรถวับๆแวมๆไปมาอีกด้วย ตั้งแต่ก้านคลัทช์, ข้างรถด้านขวา (ข้างจริงๆ), ชุดชิลด์หน้า, สัดส่วนถังน้ำมัน, และท้ายที่สุดคือชุดไฟหน้าข้างปากท่อแรมแอร์อันเป็นเอกลักษณ์ประจำตระกูล ส่วนกำหนดการเปิดตัว Yamaha YZF-R7 (ยังไม่ยืนยันชัดเจน แต่ก็แทบจะ 100%) ก็จะเกิดขึ้นในวันที่ 18 พฤษภาคม 2021 เวลา 2 ทุ่มตรง ตามเวลาประเทศไทย หรือก็คืออีกราวๆหนึ่งสัปดาห์นับจากนี้ โดยรายละเอียดตัวรถที่แท้จริงจะเป็นอย่างไรอีกบ้าง รอติดตามชมกันได้เลยครับ อ่านข่าวสาร Yamaha เพิ่มเติมที่ได้ที่นี่
การเปิดตัว All New Honda X-ADV750 ในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟนๆ สองล้อในไทยเป็นอย่างมาก แต่นอกจากความเป็นที่สุดของตัวรถแล้ว ยังมีอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมากเช่นกัน นั่นคือระบบสั่งงานด้วยเสียงที่เรียกว่า HSVCs ซี่งย่อมาจาก Honda Smartphone Voice Control System ติดตั้งเป็นอีกหนี่งอุปกรณ์มาตรฐานของรถรุ่นนี้ HSVCs ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ขับขี่ได้เชื่อมต่อกับรถจักรยานยนต์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผ่านแอปพลิเคชันของฮอนด้า โดยใช้สมาร์ทโฟนและบลูทูธเฮดเซตเป็นตัวกลาง สามารถควบคุมการทำงานฟังก์ชันต่างๆ ของสมาร์ทโฟนด้วยเสียงขณะขับขี่ ช่วยยกระดับความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกสบายให้กับการเดินทาง ซึ่งมีโหมดให้เลือกใช้ตามความต้องการถึง 4 แบบ ประกอบด้วย 1.ระบบนำทาง ผู้ขับขี่สามารถเลือกค้นหาสถานที่หรือจุดหมายปลายทาง ผ่านทางเสียงจากชุดเฮดเซตที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน หลังจากนั้นระบบจะแนะนำเส้นทางและบอกตำแหน่งอย่างละเอียดด้วยเสียง เพื่อให้ผู้ขับขี่ไปถึงจุดหมายได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกสถานที่ที่ใช้งานบ่อย ได้แก่ บ้าน ที่พัก หรือสถานที่ทำงาน เพื่อให้การใช้งานทำได้อย่างสะดวกสบายและรวดเร็วยิ่งขึ้น 2.โทรออก-รับสาย เพียงกดปุ่มควบคุมแบบมัลติฟังก์ชันที่แฮนด์เดิลบาร์มาที่ฟังก์ชันนี้ พร้อมค้นหารายชื่อติดต่อด้วยเสียง ระบบจะทำการโทรออกตามรายชื่อที่บันทึกไว้ ขณะเดียวกันเมื่อมีสายเรียกเข้า ผู้ขับขี่ก็สามารถเลือกรับสายจากตัวรถได้เช่นเดียวกัน 3.ส่งข้อความ ขณะขับขี่ หากไม่สะดวกรับสาย…
KTM 490-Series ชือของรถมอเตอร์ไซค์กลุ่มนี้ถูกกล่าวถึงเป็นครั้งแรกเมื่อปลายปีก่อน จากการที่ทาง KTM ได้เผยภาพแผนงานที่จะเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ๆของพวกเขาในปี 2021 ออกมา ซึ่งในข้อมูลล่าสุดที่เราได้รับมานั้นดูเหมือนว่ารถมอเตอร์ไซค์รหัส “490” ของพวกเขาเองก็ใกล้ได้เวลาแล้วที่จะถูกเผยโฉมในเร็วๆนี้ ก่อนอื่น หากย้อนไปช่วงปลายปีก่อน ทาง Stefan Pierer ผู้บริหารของ KTM ก็ได้เคยมีการเปิดเผยไว้แล้วว่า โปรเจ็กท์รถมอเตอร์ไซค์ KTM 490-Series ของตน ได้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างเต็มรูปแบบแล้วโดยฝ่ายวิจัยและพัฒนาของตนเอง กับของ Bajaj ในอินเดียตั้งแต่ช่วงกลางปี 2020 ซึ่งตัวรถ 490 นั้น จะใช้เครื่องยนต์ 2 สูบเรียงพิกัดราวๆ 500cc ให้กำลังสูงสุดราวๆ 55-60 แรงม้า ที่ถูกปรับปรุงมาจากบล็อค 2 สูบเรียง 799cc และ 890cc ของ 790 Duke / 890 Duke…
ต่อจากการเปรียบเทียบสเปคกับทั้ง Z1000 และ Honda CB1000R ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะนำเอาสเปคของ Suzuki GSX-S1000 รุ่นล่าสุด มาเปรียบเทียบกับอีกหนึ่งคู่แข่งสัญชาติญี่ปุ่นด้วยกันอย่าง Yamaha MT-10 กันบ้าง ซึ่งความได้เปรียบเสียเปรียบของมันจะเป็นอย่างไร เรามาดูกันเลยครับ เครื่องยนต์ 2022 Suzuki GSX-S1000 : 4 สูบเรียง / 4 วาล์วต่อสูบ / DOHC / ระบายความร้อนด้วยน้ำ / อัตราส่วนกำลังอัด 12.2 : 1 / ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก : 73.4 มิลลิเมตร x 59 มิลลิเมตร / ขนาดความจุ 998.6cc 2021 Yamaha MT-10…
หลังจากที่เมื่อไม่กี่วันก่อน เราได้มีการนำเสนอไปว่าทาง Ducati กำลังให้ความสนใจเกี่ยวกับการพัฒนาน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์เพื่อต่ออายุให้กับรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ซึ่งดูเหมือนว่ามันอาจจะยังต้องใช้เวลาอีกนานถึงจะไปอยู่ในจุดนั้นโดยสมบูรณ์ได้ แต่ล่าสุดกลับกลายเป็นว่าบริษัทแม่ขอพวกเขาได้มีการจับมือกับผู้ผลิตอื่นๆที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันพัฒนาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ว่านี้จนอยู่ในขันที่สามารถนำมาทดลองใช้งานจริงได้แล้ว เกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นข้อมูลจากทาง Volkswagen บริษัทแม่ของ Audi ซึ่งเป็นเจ้าของ Ducati อีกที ได้ระบุว่า น้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์ที่ตนได้พัฒนาร่วมกับทาง Shell และ Bosch นั้น จะยังคงถูกสังเคราะห์ขึ้นบนพื้นฐานของน้ำมันเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิม แต่จะถูกเจือปนด้วยส่วนผสมที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นใหม่อีก 33% (เป็นส่วนผสมจำพวกเอเธอนอล) ซึ่งนั่นจะช่วยให้ปริมาณก๊าซคาร์บอนที่เป็นมลพิษลดลงจากเดิมถึง 20 เปอร์เซ็นต์ต่อระยะทางหนึ่งกิโลเมตรที่ใช้งานรถไป หรือจะช่วยลดปริมาณคาร์บอนลงไปได้ถึง 230 ตันต่อปี ได้เลย ต่อรถ 10,000 คัน ที่ขับเฉลี่ยคันละ 16,000 กิโลเมตร (รถที่ใช้ทดสอบของโปรเจคท์นี้คือ Volkswagen Golf 1.5 TSI) และจากการที่มันยังคงเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์ที่ใช้พื้นฐานจากน้ำมันเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิมเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้เชื้อเพลิงชนิดนี้ ไม่ได้มีราคาที่สูงเกินไปเมื่อเทียบราคาน้ำมันเชื้อเพลิงดั้งเดิม, สามารถผลิตได้เป็นจำนวนมาก, สามารถนำไปใช้กับปั๊มน้ำมันดั้งเดิมได้สะดวก รวมถึงผู้ผลิตเองก็สามารถปรับจูนเครื่องยนต์ให้สามารถใช้งานเชื้อเพลิงได้ง่าย จึงทำให้โอกาสที่นำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์จะถูกนำมาใช้อย่างเป็นกิจลักษณะในเร็ววันสูงมาก แต่ด้วยเหตุผลเดียวกัน…
ด้วยภาพลักษณ์ที่เน้นความรักษ์โลก และเน้นเทคโนโลยีจ๋าๆเป็นหลัก ซึ่งอาจจะดูไม่เข้ากับความเป็น Harley-Davidson มากเท่าไหร่ จึงทำให้ทางค่ายไม่ลังเลที่จะตัดสินใจครั้งใหญ่นั่นคือการแยกรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอย่าง “LiveWire” ออกมาเพื่อเปิดแบรนด์ใหม่สำหรับมันโดยเฉพาะ ใช่ครับ จากภาพลักษณ์ของแบรนด์ Harley-Davidson ที่เน้นขายเรื่องราวและความเป็นตำนานในแบรนด์ของตนเอง ทำให้ทางผู้บริหารมองว่าการทำตลาดรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอย่าง LiveWire ในแบรนด์นี้ต่อไป อาจไม่ใช่แนวทางที่เหมาะกับมันเท่าไหร่นัก ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะเปิดแบรนด์รถมอเตอร์ไซค์แบรนด์ใหม่แยกออกมา เพื่อที่พวกเขาจะได้เดินแผนธุรกิจที่เหมาะสำหรับมันได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทั้งการโปรโมท การใช้งาน หรือแม้แต่ภาพลักษณ์ของแบรนด์ “หนึ่งในหกเสาของโครงสร้าง Hardwire (แกนของแผนธุรกิจที่ Harley-Davidson วางไว้สำหรับปี 2021 เป็นต้นไป) คือการเป็นผู้นำในตลาดรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ด้วยการเปิดตัว LiveWire เป็นแบรนด์สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ, เรายึดมั่นในเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำและตีกรอบตลาดรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า, ด้วยภารกิจการเป็นแบรนด์มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่น่าดึงดูดใจที่สุดในโลก, LiveWire จะเป็นผู้บุกเบิกอนาคตของรถมอเตอร์ไซค์, โดยเฉพาะในด้านการใช้งานในเมืองและอื่นๆที่เหนือกว่า, LiveWire วางแผนที่จะสร้างสรรค์และพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆที่จะเป็นประโยชน์กับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของ Harley-Davidson ในอนาคต” คำกล่าวจาก Jochen Zeitz ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO คนล่าสุดของ Harley-Davidson โดยสำหรับการวางจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ภายใต้แบรนด์ LiveWire…
Yamaha XSR125 2021 แฝดร่างเดียวกันกับ Yamaha XSR155 ในบ้านเรา ถูกเผยโฉมอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วในคืนที่ผ่านมา หลังมีการคอมเฟิร์มชื่อของมันเพียงไม่กี่วันก่อนหน้านี้เท่านั้นในทวีปยุโรป อย่างที่เราเกริ่นไว้ XSR125 2021 ที่พึ่งเปิดตัวในทวีปยุโรปนั้น จะมาพร้อมกับรูปโฉมเดียวกันกับ XSR155 ในบ้านเรา ในแทบทุกระเบียดนิ้ว ไล่ตั้งแต่ชุดไฟหน้า-ไฟท้าย LED โคมกลมเช่นเดียวกับเรือนไมล์ Full-Digital, ถังน้ำมันทรงอกลิง, เบาะนั่งทรงขนมปังปอน, ชุดบังโคลนท้าย และท่อไอเสียพร้อมการ์ดฉบับสแครมเบลอร์ไบค์ ไม่เว้นแม้แต่ชุดอกล่าง รวมถึงชุดล้อลายเดียวกันที่ถูกรัดด้วยยางเทรล ขนาด 110/70-17 กับ 140/70-17 ตามลำดับหน้า-หลัง และด้วยความที่ XSR125 คือรถมอเตอร์ไซค์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเอาไว้วางจำหน่ายในทวีปยุโรป ดังนั้นมันจึงมาพร้อมกับเครื่องยนต์สูบเดียว SOHC พ่วงระบบวาล์วแปรผัน ระบายความร้อนด้วยน้ำ ความจุ 124.9cc ที่สามารถทำกำลังสูงสุดได้ 15 PS ที่ 10,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดอีก 11.5 นิวตันเมตร…