แม้ว่าในตอนนี้ CF Moto จะยังมีรุ่นรถมอเตอร์ไซค์จำหน่ายจริงทั้งในตลาดโลก และในบ้านเราไม่มากรุ่นเท่าไหร่นัก แต่หากดูจากโปรเจ็กท์ความเคลื่อนไหวต่างๆแล้ว คาดว่าในอีกไม่เกิน 1-2 ปีนับจากนี้ เราคงได้เห็นผลิตภันฑ์ใหม่ๆจากพวกเขาอีกหลายรุ่น และหนึ่งในนั้นก็อาจจะรวมถึง CF Moto 650X คันนี้ด้วยเช่นกัน จากข้อมูลในเบื้องต้น ระบุไว้ว่าตัว 650X คันนี้จะอิงพื้นฐานโครงสร้างเดียวกันกับ 650NK แค่เพียงเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง 649cc เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นอกนั้นในส่วนของชุดเฟรมถัก, ระบบกันสะเทือนหน้าแบบหัวกลับ, หลังสวิงอาร์มทำงานร่วมกับโช้กแก๊สเดี่ยวมีซับแทงค์แยกยึดกลางลำตัวรถ, ชุดล้อ, ระบบเบรก ต่างก็เป็นของที่ทำขึ้นใหม่โดยเฉพาะทั้งหมด ขณะที่หน้าตาองค์รวม หากดูจากดีไซน์ถังน้ำมันที่เน้นความบึกบึน แต่ยังมีความโค้งมน ผสมกับเส้นสายที่ดูล้ำสมัย, ไฟหน้าโคมกลม, เรือนไมล์โคมกลม, และเบาะนั่งตอนเดียวขนาดใหญ่ ก็ค่อนข้างแน่นอนว่ามันจะต้องมาพร้อมกับคอนเซปท์การดีไซน์แบบ นีโอ-คลาสสิค หรือถ้าจะให้เจาะจงมากยิ่งขึ้น ตามชื่อรุ่นที่ลงท้ายด้วย X ก็ต้องบอกว่าเป็น “นีโอ-สแครมเบลอร์” จึงจะเข้าท่ากว่า ด้านช่วงเวลาการเปิดตัวยังไม่สามารถระบุข้อมูลที่แน่ชัดได้ในตอนนี้ ทว่าหากดูจากแนวโน้มแล้ว อย่างเร็วที่สุดก็คงเป็นช่วงปลายปีหน้า แต่อย่างช้าก็อาจจะไม่เกิน…
Author: admin
หลังมีการเผยภาพคอนเซปท์ออกมาครั้งแรก เมื่อปลายปีก่อนที่งาน EICMA Show 2018 และมีแค่การเปิดระดมทุนสนับสนุนจากบุคคลภายนอกเมื่อช่วงต้นปี 2019 ล่าสุด Arc Vector มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสุดล้ำคันนี้ ก็พร้อมแล้วที่จะเผยโฉมตัวจริงครั้งแรกที่งานจัดแสดงยานยนต์ระดับตำนานแห่งประเทศหมูเกาะอังกฤษ “Goodwood Festival of Speed” สัปดาห์หน้า โดยสำหรับจุดเด่นของ Vector ก็ถืว่ามีอยู่หลากหลายอย่างเหมือนกัน เริ่มจากตัวมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังได้สูง 127 แรงม้า กับความสามารถในการทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 3.2 วินาที และทำความเร็วได้สูงสุดถึง 241 กิโลเมตร/ชั่วโมง (แต่เวอร์ชันขายจริงจะถูกล็อกความเร็วไว้ที่ 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง) ขณะที่แบตเตอรี่ขนาด 16.8 kWh ซึ่งผลิตโดยบริษัท Samsung ก็จะรองรับการใช้งานในเมืองได้ไกลสูงสุดถึง 436 กิโลเมตร และสามารถชาร์จประจุไฟจาก 0-100% ได้ภายใน 40 นาทีเท่านั้น ตัวเฟรม หรือโครงสร้างหลักเป็นงานคาร์บอนโมโนค็อก รวมถึงสวิงอาร์มกับชุดล้อเองก็ทำจากคาร์บอนเช่นกัน…
ในการแข่งขัน MotoGP 2019 ณ สนาม ทีที เอสเซ่น ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งศึกที่มีการพลาดล้มของนักแข่งมากที่สุด ซึ่งหนึ่งในการล้มที่เกือบมีดราม่าของรุ่นใหญ่สุดก็คือ การที่ Valentino Rossi ได้พลาด Low-Side (หน้าพับ) แล้วไปเกี่ยวกับ Takaaki Nakagami เข้าจนฝ่ายหลังนอนระบบอยู่พักใหญ่ตรงบาริเออร์ข้างสนาม โดยหลังจากที่ Valentino ตั้งสติได้ เจ้าตัวก็รีบเข้าไปเช็คอาการนักบิดรุ่นน้องในทันที ซึ่งโชคดีที่ Nakagami ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย มีก็แค่เพียงอาการมึนงงเนื่องจากความแรงของการปะทะกันเท่านั้น ซึ่งหลังการแข่งขันจบลง ทาสื่อ Motorsport.com ก็ได้เข้าไปสัมภาษณ์กับ Rossi ว่าตนรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้บ้าง ? “ผมพยายามจะแซง Nakagami ตอนเริ่มหัักเข้าโค้ง 8, แต่ผมก็เหมือนจะล้นออกนอกไลน์ไปนิดนึง เพราะตอนที่ผมเริ่มเข้าไปในโค้ง ด้านหน้าผมก็เสียอาการ และโชคร้ายที่ผมดันพา Nakagami ไปด้วย” Valentino Rossi กล่าว “ดังนั้นผมเลยอยากจะบอกว่าขอโทษ…
ขณะที่ Honda Icon 110i ในบ้านเราได้หายจากการทำตลาดไปแล้วหลายปี แต่ในทางฝั่งประเทศอินโดนีเซียเองมันกลับยังสามารถทำตลาดได้อยู่ในชื่อ Honda Beat ซึ่งล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทาง Astra Honda ก็ได้มีการเปิดตัวเวร์ชันปรับโฉมใหม่ของมันออกมา แถมยังเป็นการเปิดตัวแบบแตกไลน์ออกเป็นสองรุ่นย่อยนั่นก็คือ 2019 Honda Beat และ 2019 Honda Beat Street โดยสำหรับข้อมูลพื้นฐานของ Honda Beat ทั้งสองรุ่นนั้น จะจัดอยู่ในกลุ่มรถสกูตเตอร์ขนาดเล็ก ที่มาพร้อมกับดีไซน์ปราดเปรียว ตั้งแต่ไฟหน้า แผงข้าง จรดไฟท้ายแบบใหม่ กับมิติด้านกว้างที่ค่อนข้างกระทัดรัด เพื่อเน้นในเรื่องของความคล่องตัว และตอบโจทย์ชีวิตวัยรุ่นเป็นหลัก ขณะที่ออพชันขั้นต้นสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ออโตเมติกในยุคปัจจุบันก็มีมาให้ครบครับ ทั้ง ระบบคอมไบน์เบรก, พาร์คกิ้งเบรก (ล็อกเบรกหลังตอนจอด), ขอเกี่ยวสำหรับห้อยสิ่งของมีหูหิ้วตรงกลางคอนโซลหน้า, และ U-Box ขนาด 11 ลิตร ส่วนเครื่องยนต์ยังคงเป็นบล็อคสูบเดียว 108.2cc หรือ 110i eSP…
ด้วยความเป็นโมเดลเรือธงของทางค่าย จึงไม่น่าแปลกใจนักที่ในแต่ละปี Ducati Panigale V4 จะมีเวอร์ชันพิเศษ หรือรุ่นสเปคเต็มอย่าง V4 R เปิดตัวออกมาเพื่อล่อตาล่อใจสาวกเสมอๆ และสำหรับโฉมพิเศษที่เตรียมเปิดตัวในปี 2019 นี้ก็ได้มีการทดสอบแล้วเรียบร้อยในแทร็คปิดแห่งหนึ่งของประเทศอิตาลี (ดูจากสีเอเป็กแล้วคาดว่าเป็นมูเจลโล่) โดยจากข้อมูลในเบื้องต้นที่ช่างภาพสามารถบอกเล่าได้ ตัว Panigale V4 ที่ถูกทดสอบอยู่นั้น ถูกตกแต่งด้วยชิ้นส่วนที่ต่างจาก V4 รุ่นธรรมดาอยู่หลายอย่างด้วยกัน แต่หลักๆที่สามารถระบุได้ชัดเจนคือ ชุดสีที่มีการแปะสติ๊กเกอร์พื้นขาวขนาดใหญ่ โดยมีหมายเลข 1 อยู่ตรงกลาง แปะไว้ที่แฟริ่งด้านหน้า กับแฟริ่งด้านข้าง, ส่วนวินชิลด์ก็มีการเปลี่ยนไปใช่แบบทรงสูงเหมือนกับของ V4 R, ขณะที่โช้กก็ค่อนข้างแน่นอนว่าเป็นของ Ohlins (แต่ระบุไม่ได้ว่าเป็นโช้กไฟฟ้าหรือไม่), และสุดท้ายคือชุดล้อหน้า/หลังมีลายที่ต่างออกไป ซึ่งคาดว่าจะเป็นล้อแม็กนีเซียม ไม่เพียงเท่านั้นทางแหล่งข้อมูลยังระบุเพิ่มเติมอีกว่า ด้วยความที่ลายสติ๊กเกอร์ซึ่งแปะอยู่บน Panigale V4 ตัวทดสอบ มีความใกล้เคียงกับตัวแข่ง Ducati 916 ที่ Carl Forgerty เคยใช้ลงสู้ศึก WSBK…
แม้ว่าในตารางคะแนนสะสม MotoGP 2019 Marc Marquez จะอยู่ในลำดับจ่าฝูง ด้วยแต้มที่ทิ้งห่างคู่แข่งพอสมควร และหากสังเกตจากผลการแข่งที่ผ่านๆมา ถ้าเจ้าตัวไม่ล้มไปเสียก่อนเหมือนอย่างที่ออสติน-เทกซัส และเข้าโพเดี้ยมเป็นอันดับสองใน กาตาร์ กับ มูเจลโล่ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นการคว้าชัยชนะเหนือคู่แข่งที่แทบจะขาดลอยทั้งสิ้น ราวกับว่าตัวแข่ง Honda RC213V นั้นไม่มีจุดบกพร่องอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่ในความจริงแล้ว นับตั้งแต่เปิดฤดูกาล 2019 มา เหล่านักบิดคนอื่นๆที่ได้ใช้ตัวแข่งนี้ นั่นก็คือ Cal Crutchlow และ Jorge Lorenzo รวมถึง Takaaki Nakagami (เทสสั้นๆหลังจบการแข่งขันสนามก่อนหน้านี้) ต่างก็บนเป็นเสียงเดียวกันว่าตัวแข่ง RC213V ปีนี้นั้นขี่ยากกว่าโมเดลปีผ่านๆมา ทั้งๆที่โมเดลก่อนที่ว่าก็ขี่ยากจะแย่อยู่แล้ว และจากเหตุการณ์ การล้มที่โค้ง 7 ซึ่งเป็นโค้งความเร็วสูงอย่างรุนแรง จนกระดูกสันหลังร้าวของ Lorenzo ที่เกิดขึ้นในช่วง FP1 ของศึก AssenGP ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้นั้น ทาง Marquez…
จากเหตุการณ์พลาดล้มอย่างรุนแรงในรอบ FP1 ศึก AssenGP 2019 ของ Jorge Lorenzo ที่ส่งผลให้เขาต้องถูกหามขึ้นรถแล้วส่งตรงไปโรงพยาบาลแทบจะในทันทีนั้น ซึ่งล่าสุดสุดทาง HRC ได้มีการออกมาแถลงข่าวเรียบร้อยแล้วว่า จากการตรวจสอบโดยละเอียดของทางแพทย์ กระดูกสันหลังชิ้นที่ 6 ของ JL99 นั้นมีอาการแตกร้าว ดังนั้นนักบิดรายนี้จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องถูกสั่งให้พักรักษาตัวและอดทำการแข่งขันในศึก MotoGP สัปดาห์นี้ ไม่เพียงเท่านั้น ทาง Alberto Puig ยังได้ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มอีกว่า ไม่ใช่แค่เพียงการแข่งขันที่ Assen เท่านั้น ที่ Lorenzo จะพลาดในการเก็บแต้ม แต่ด้วยอาการบาดเจ็บที่ต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นนานพอสมควร ดังนั้นในการแข่งขันที่เยอรมัน JL99 ก็จะไม่ได้ร่วมลงทำการแข่งขันด้วยเช่นกัน และหวังว่าในช่วงต้นเดือนสิงหาคม เขาจะฟิตเต็ม 100% อีกครั้งเพื่อกลับมาล่าแต้มแข่งขัน ณ สนามเบอร์โน่ แน่นอนว่าในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ทาง HRC จึงกำลังพิจารณากันอยู่ว่า พวกเขาควรที่จะถึงมือปืนรับจ้างคนสำคัญอย่าง Stefan Bradl ให้มาทำหน้าที่แทน…
จากผลคะแนนที่ค่อนข้างจะทิ้งห่างคู่แข่งพอสมควรของ Marc Marquez ทำให้เกิดกระแสความเห็นจากเหล่าแฟนๆว่า MotoGP 2019 ปีนี้ คงไม่ต้องลุ้นอะไรมากมายแล้ว เพราะสุดท้าย MM93 ก็คงจะเป็นแชมป์อีกเช่นเดิม แต่ทว่าในการเปิดสัมภาษณ์นักบิดก่อนแข่งขันศึก AssenGP เมื่อสองวันก่อน Marc ก็ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า “สัปดาห์ที่ผ่านมา, กับกรณีของ Bautista, ผมมองเค้าเป็นตัวอย่างที่ดีว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ (กับตารางคะแนนสะสม)”, “มันดูเหมือนว่าเค้าจะคว้าแชมป์ WSBK แน่นอน และหลายๆคนเองก็เริ่มพนันกันแล้วว่า เมื่อไหร่ที่เค้าจะได้การันตีการเป็นแชมป์ (คะแนนทิ้งขาด)” “(แต่)เขาก็พลาดครั้งหนึ่งที่ Jerez แล้วก็มีอีกครั้งที่ Misano, และตอนนี้เค้าก็มีคะแนนห่างจากอันดับสอง (Jonathan Rea) แค่ 16 แต้ม” “เรารู้ดีว่าเรากำลังจะเจอการแข่งที่ยากลำบาก และเราก็อาจจะเจอกับช่วงเวลาเล็กๆที่ต้องอดทนอย่างมาก” “ใน มอนท์เมโล (คาตาลุญย่า) เรามีผลเทสที่ค่อนข้างดี, (แต่) เรายังมีบางสิ่งเล็กๆที่เราจะเป็นต้องลองทดสอบในรูปแบบแทร็คที่ต่างออกไป เหมือนอย่างที่เอสเซ่น”, “หลังจากนั้นเราก็ถึงจะเจอกับอีกสองเรซสำคัญนั่นก็คือ เอสเซ่น (ขณะนี้) และที่…
ขณะที่การแข่งขัน MotoGP กำลังจะเริ่มขึ้น ในช่วงเวลาเดียวกันนี้เอง ศึกขี่รถไต่เขาสุดโหด Pikes Peak 2019 ก็กำลังจะเริ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งตัวแข่งที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในงานนี้ก็คงไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น Ducati Streetfighter V4 – Prototype ที่ทางค่ายพึ่งส่งมันลงมาโชว์ตัวสู่สายตาชาวโลกนะเวทีแห่งนี้เป็นครั้งแรก และจากผลการควอลิฟายเมื่อคืนวันก่อน ผลปรากฏว่าเจ้า Ducati Streetfighter V4 – Prototype ที่ถูกกุมบังเหียนโดย Carlin Dunne นักบิดเจ้าถิ่นนั้น สามารถทำเวลาได้ดีสุดในกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ด้วยกันของเซสชันควอลิฟายนี้ (ระยะทางราวๆ 8.3 กิโลเมตร) ด้วยตัวเลขเวลา 4:09.550 นาที ทิ้งห่างจากอันดับสองซึ่งเป็นนักบิดออสเตรเลีย Rennie Scaysbrook กับตัวแข่ง Aprilia Tuono 1100 ถึง 5.5 วินาที อย่างไรก็ดี การควอลิฟายของศึก Pikes Peak นั้น…
หากพูดถึงการเพิ่มประสิทธิภาพ หรือสมรรถนะ เพื่อนๆส่วนใหญ่คงนึกถึงการเปลี่ยนของแต่งเพื่อเสริมความแรงให้กับตัวรถ หรือการเซ็ทช่วงล่าง กับทำเบรกใหม่เพื่อให้เราสามารถขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจของเราได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น แต่มีอีกวิธีการปรับแต่งรถรูปแบบหนึ่ง ที่ช่วยทำให้รถเร่งติดมือ ไปพร้อมกับช่วยเพิ่มสมรรถนะในการควบคุมตัวรถได้เวลาเดียวกัน นั่นก็คือการ “ไล่เบาตัวรถ” ซึ่งในวันนี้เราก็จะมาพูดถึงสเต็ปการไล่เบาง่ายๆ ที่เพื่อนๆก็สามารถทำได้เอง แถมยังไม่เปลืองเงินในกระเป๋ามากเกินไป แต่มันจะมีอะไรบ้าง เรามาเข้าเรื่องกันเลยครับ อย่างแรกเลยก็คือการถอดชิ้นส่วนที่เราไม่จำเป็นต้องใช้เท่าไหร่นัก ยกตัวอย่างเช่น เซนเซอร์ปลายพักเท้า หรือถ้าหากเพื่อนๆเป็นสายบินเดี่ยวอยู่แล้ว หรือกะว่าคงไม่ให้ใครซ้อนท้ายเลยเพราะหวงเบาะหลัง ก็สามารถถอดพักเท้าคนซ้อนออกได้ด้วย แต่อาจจะต้องหาขายึดปลายท่อใหม่ เนื่องจากในรถมอเตอร์ไซค์หลายๆรุ่นมีหูยึดปลายท่อไอเสียเป็นชิ้นเดียวกับขาพักเท้าคนซ้อน *จริงๆการถอดกระจกมองข้างออกก็เป็นการลดน้ำหนักด้วยเช่นกัน แต่เรามองว่าติดไว้ดีกว่าครับ เพราะเวลาจะเปลี่ยนเลน เพื่อนๆจะได้ไม่ต้องหันหัวออกไปจากทางข้างหน้ามากนัก ซึ่งมันปลอดภัยกว่านั่นเอง หลังจากนั้นก็ลามต่อไปยังการถอดบังโคลนท้ายเดิมออก เพื่อทำท้ายสั้นแทน (แต่พยายามเลือกแบบกางตลอดเวลาดีกว่าครับ อย่าไปเลือกแบบพับได้ เพราะเดี๋ยวจะมีปัญหากับพี่ตั๊ม ตามด้วยการเก็บซองอุปกรณ์ใต้เบาะกับชุดแทงหนอนไว้ที่บ้าน ซึ่งอันที่จริง เราก็ไม่ได้แนะนำการทำแบบนี้เท่าไหร่นัก เนื่องจากหากรถมีปัญหาขึ้นมา การมีอุปกรณ์พื้นฐานไว้งัดแงะตัวรถก็ย่อมอุ่นใจกว่า และหลังที่เราได้ทำการไล่เบา แบบสบายกระเป๋าเพราะไม่ต้องเสียเงินซื้อของมาเปลี่ยนสักอย่างแล้ว (ยกเว้นท้ายสั้น) เราก็จะขยับไปที่สเต็ปใหม่อีกขั้น นั่นก็คือการหาของแต่งน้ำหนักเบา ที่ราคาไม่แพงนักมาใส่เข้าไป เริ่มจากการเปลี่ยนก้านเบรก/ก้านคลัทช์, ชุดเกียร์โยง, และชุดโซ่สเตอร์ ให้เป็นชิ้นงานอลูมิเนียม รวมถึงในรถเล็ก รถแม่บ้านทั้งหลายที่สวิงอาร์มอลูมิเนียมแต่งจะมีราคาไม่สูงมากนักก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ…