อาจจะดูไม่คุ้นหูคุ้นตาไปบ้าง แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าโมเดลครุยเซอร์ในยุคหลังๆของ Harley-Davidson นั้นถูกออกแบบมาให้มีรูปลักษณ์ที่ล้ำสมัยมากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบลืมกลิ่นอายความคลาสสิคเดิมๆไปเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโมเดลใหม่ที่พึ่งเปิดตัวได้ไม่กี่วันอย่างเช่นเจ้า FXDR 114 เพาเวอร์ครุยเซอร์คันล่าสุดที่มาพร้อมกับจิตวิญญาณแห่ง “Drag-Bike” คันนี้ ดีไซน์ในภาพรวมของ FXDR 114 คันนี้แม้จะยังตั้งอยู่พื้นฐานของครุยเซอร์ตระกูล Softail แต่รูปลักษณ์ภายนอกกับมีการปรับใหม่หมด ตั้งแต่หัวจรดท้าย เช่น ชุดแฮนจับโช้ก, ถังน้ำมันทรงหยดน้ำที่มีการตีเส้นเหลี่ยมสัน, ท้ายรถแบบตัวแข่งทางตรง, กันดีดแบบฉบับเพาว์เวอร์ครุยเซอร์ เสริมด้วยชุดจอแสดงผลเองก็มีการปรับปรุงให้เป็นแบบฟูลดิจิตอลเต็มขั้น ขณะที่ชุดระบบส่องสว่างก็เป็นแบบ Full-LED โดยทั้งหมดที่ว่ามานี้จะเน้นที่ความดุดันและโฉบเฉี่ยวมากขึ้นตามแรงบันดาลใจในการออกแบบที่ระบุไว้ในข้างต้น และเพื่อให้ตัวรถมีสมรรถนะตรงตามแนวคิดในการออกแบบมากขึ้น ทาง Harley-Davidson ยังได้ปรับปรุงชิ้นส่วนสำคัญอย่าง ซับเฟรมและสวิงอาร์มใหม่ให้เบากว่าเดิมด้วยการให้ไปใช้วัสดุอลูมิเนียมผสมแทนเหล้กหล่อของเดิม ซึ่งช่วยรีดน้ำหนักได้ถึงเกือบ 10 กิโลกรัมเลยทีเดียว นอกจากนี้ตัวเครื่องยนต์ Milwaukee-114 ที่ถูกเลือกนำมาติดเจ้า FXDR 114 คันนี้ก็ยังมีการปรับจูนใหม่จนสามารถดึงแรงบิดสูงสุด 161 นิวตันเมตรได้ด้วยรอบเพียง 3,500 รอบ/นาทีเท่านั้น ซึ่งส่วนนึงต้องยกยอดให้กับชุดกรองอากาศที่วางตำแหน่งให้หันตรงเไปด้านหน้าสำหรับดักอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ กับท่อไอเสียขนาดใหญ่ที่ออกแบบให้สามารถระบายไอเสียได้ไหลลื่นมากขึ้น ด้านชุดระบบกันสะเือนเองก็จัดเต็มไม่แพ้กัน เพราะชุดโช้กหน้ามีการเปลี่ยนไปใช้แบบหัวกลับ ส่วนด้านหลังก็เป็นแบบโมโนช็อกปรับค่าได้…
Author: admin
ในขณะที่ผู้ผลิตหลายค่ายต่างพัฒนารถซุปเปอร์ไบค์ หรือ ไฮเปอร์ไบค์ของตนเองให้แรงมากพอที่ตัวจะทำความเร็วสูงสุดเกิน 300 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้สบายๆมากขึ้นเรื่อยๆ ในทางกลับกันเหล่าสำนักแต่งก็ได้พยายามกันอย่างหนักเช่นกันเพื่อปรับแต่งรถมอเตอร์ไซค์รุ่นที่ทำขายไปแล้วให้ทำความเร็วสูงสุดมากกว่าตอนออกโรงงานใหม่ๆยิ่งขึ้นไปอีก อย่างเช่นสำนัก BIG CC ที่ลงทุนปรับแต่ง Suzuki Hayabusa คันนี้ให้แรงจนทำความเร็วสูงสุดแตะ 416 กิโลเมตร/ชั่วโมง สำหรับแนวทางการปรับแต่งในเบื้องต้นที่ทาง BIG CC ได้ลงมือลงแรงไปกับเจ้า Hayabusa คันนี้ก็คือ การนำเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 1,340cc 196 แรงม้าติดรถถอดออกมาโมดิฟายชุดใหญ่ตั้งแต่ท่อนบนยันท่อนล่าง ซึ่งไฮไลท์หลักๆในการโมดิฟายที่ว่านี้ก็คือการขยายความจุเครื่องยนต์ใหม่เป็น 1,547cc พร้อมเสริมชุดเทอร์โบรถยนต์จาก Fensport ที่แต่เดิมออกแบบมาไว้ใช้กับ Toyota Celica GT4x จนทำให้แรงม้าสูงสุดของมันมีตัวเลขสูงสุดเกือบ 1,000 ตัว และแม้ว่าเครื่องยนต์จะถูกปรับแต่งชนิดที่ว่าน่าจะไม่มีที่ใดให้ขี่ได้นอกจากในสนาม แต่ทางสำนักกลับต้องการให้ตัวรถดูเป็น “เสือซุ่ม” มากที่สุดเท่าที่ได้ เพราะยังอยากให้เจ้า Suzuki Hayabusa คันนี้สามารถวาดลวดลายบนท้องถนนหลวงได้อยู่ พวกเขาจึงไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนใดๆของตัวรถเพิ่มเติมเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าชุดไฟหน้า ไฟท้ายเดิมๆติดรถก็ยังคงอยู่ แม้แต่ท่อไอเสียก็ยังเคลมความดังไว้ว่าไม่เกินกฏหมายสหรัฐกำหนดไว้…
ใกล้กันเข้ามาทุกทีกับช่วงเวลาการเปิดตัว BMW F850GS รุ่นใหม่ที่จะมาพร้อมออฟชั่นจัดเต็มสำหรับการเดินทางระยะไกลตามชื่อรุ่นย่อย “Adventure” แบบที่พี่ใหญ่อย่าง R1200GS Adventure เองก็มีให้ลุกค้าได้เลือกซื้ออยู่ โดยสำหรับภาพสเก็ทช์ที่เราเห็นกันอยู่นี้ แท้จริงแล้วก็คือภาพของ F850GS Adventure ที่มีคิวเปิดตัวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าหน้าตาโดยรวมของมันนั้นมีความแตกต่างจาก F850GS รุ่นมาตรฐานอยู่พอสมควร เริ่มจากชุดปากนกด้านหน้าที่มีความแบนและกว้างมากขึ้น, กาบแฟริ่งข้างที่ปิดพื้นที่เต็มมากกว่าเดิม, รวมถึงการเสริมชุดแครชบาร์ด้านล่าง ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานี้ต่างก็เป็นแนวทางปกติของ BMW ในการอัพเกรดตัวรถตระกูล GS ให้เข้าขั้น “Adventure” อย่างแท้จริง แน่นอนว่านอกจากการปรับดีไซน์แฟริ่งภายนอกให้ดูแน่นแล้ว ตัวถังน้ำมันเองก็เหมือนจะมีการขยายความจุด้วยเช่นกัน โดยตัวเลขความจุที่ว่านั้นมีความเป็นไปได้ที่จะอยู่ราวๆ 24 ลิตร ซึ่งมากกว่า F850GS รุ่นมาตรฐานมาอีกถึล 9 ลิตรด้วยกัน ส่วนเครื่องยนต์บล็อคติดรถแบบ 2 สูบเรียง 853cc คาดว่าจะไม่ได้มีการปรับจูนอะไรใหม่ให้กำลังสูงสุดที่มีอยู่ 95 แรงม้า กับแรงบิด 92 นิวตันเมตรมีตัวเลขเพิ่มขึ้น แม้น้ำหนักตัวรถมีแนวโน้มจะสูงขึ้นจากเดิมอีกหลักสิบกิโลกรัม ขอบคุณภาพจาก Visordown…
หลังจากที่ทาง Benelli ได้ทำการเปิดตัว “402S” มอเตอร์ไซค์แนวครุยเซอร์คันแรกของทางค่ายออกมาเพียง ไม่ทันไรในปีนี้พวกเขาก็เตรียมปรับโฉมมันอีกครั้งด้วยการอัพขนาดเครื่องยนต์ขึ้นโดยหันไปยกเอาของ TRK502 มาใส่เข้าไปแทนบนพื้นฐานหน้าตาเดิมๆเพื่อเพิ่มสมรรถนะของตัวรถให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น พร้อมเปลี่ยนชื่อรุ่นใหม่ให้เข้ากับความจุมากขึ้นเป็น “502S” โดยข้อมูลของเครื่องยนต์ลูกใหม่ที่เจ้า 502S ได้รับไปนั่นก็คือ เป็นเครื่องยนต์แบบ 2 สูบเรียง ขนาดความจุ 499.6cc ที่ถูกพฒนาต่อยอดมาจากเครื่องยนต์ 399cc ลูกเดิมด้วยการยืดช่วงชัก จนทำให้กำลังแรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 46.9 Bhp กับแรงบิดสุงสุดอีก 46 นิวตันเมตร ซึ่งมันน่าจะมากพอสำหรับการลากตัวถังที่หนักถึง 220 กิโลกรัม ให้ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตามข้อมูลในสเปคที่ระบุเอาไว้ และเพื่อให้ตัวรถ Benelli 502S คันนี้สามารถควบคุมได้ดียิ่งขึ้น ทางค่ายจึงได้เปลี่ยนชุดระบบกันสะเทือนหน้าให้มีขนาดแกนใหญ่ขึ้น รวมถึงการเปลี่ยนปั๊มเบรกใหม่ให้เป็นแบบเรเดียลเมาท์ 4 พอร์ท แทนของเดิมที่เป็นแบบแอกเซียลเมาท์ 4 พอร์ท ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานี้น่าจะยกมาจาก TRK502 เช่นกัน และคาดว่าทางค่ายจะนำไปเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกทีในงาน EICMA…
ในขณะที่ Yamaha และ ที่นี่Kawasaki ต่างก็มีแผนการทำตลาดซุปเปอร์สปอร์ต 600cc ต่อไปเรื่อยๆในอนาคตแน่นอน แต่กลับกันในฝั่งของ Honda นั้นยังไม่มีวี่แววใดๆออกมาเลยซักนิดว่าพวกเขาจะทำการปรับโฉม CBR600RR ใหม่ หลังลากขายโฉมปัจจุบันนี้มาตั้งแต่ปี 2013 แถมยังเคยมีข่าวถึงขั้นจะปิดสายการผลิตกันมาแล้วเมื่อปี 2016 อย่างไรก็ดีดูเหมือนว่าเจ้า CBR600RR จะยังมีลมหายใจเฮือกสุดท้ายให้ได้ยื้อชีวิตต่อกันอีกนิด หลังทาง Honda ได้ทำการยื่นเอกสารของเจ้าซุปเปอร์สปอร์ต 600cc คันนี้ให้กับทางกรมมลพิษรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาตรวจสอบเพื่อจำหน่ายในฐานะโมเดลปี 2019 แต่แม้ว่าเอกสารดังกล่าวจะถูกทำขึ้นมาเพื่อ CBR600RR ปี 2019 จริง ค่ามลพิษต่างๆของเครื่องยนต์ในเอกสารที่ว่า กลับยังมีตัวเลขเดียวกันกับโฉมปี 2016 ซึ่งนั่นหมายความว่าแม้ทาง Honda จะเตรียมทำขาย CBR600RR ในปีหน้าจริง แต่เครื่องยนต์ก็จะยังคงเป็นลูกเดิมกับเมื่อ 2 ปีก่อน และ หน้าตาโดยรวมของตัวรถน่าจะยังคงเหมือนกับตอนเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2013 ไม่มีผิดเพี้ยน (จะเว้นก็แค่น้ำหนักตัวรถที่หายไป 10 กิโลกรัม ที่เราเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันจะมีนัยยะสำคัญอะไรหรือไม่…
แม้ว่าตลอดระยะเวลา 1 เดือนนิดๆเราจะได้รับชมชุดภาพ Spyshot ของ All-New Yamaha M-Slaz กันมาแล้ว 2 ชุด และมีภาพเรนเดอร์ออกมาให้เห็นกันแล้วประมาณ 3 ชุดแต่ไม่มีชุดใดเลยที่เผยให้เห็นชุดหน้าของตัวรถอย่างชัดเจนเท่ากับภาพ Spyshot ชุดนี้ ที่น่าจะตอบข้อสงสัยของเพื่อนๆได้หลายคนเลยว่าเจ้าแน็คเก็ทไบค์ 150cc ของค่ายส้อมเสียงคันนี้จะโผล่ด้วยหน้าตาอย่างไรกันแน่ จากภาพเราจะเห็นได้ว่า ชุดไฟหน้าของ Yamaha M-Slaz รุ่นใหม่นั้นจะมีความแตกต่างจากโฉมปัจจุบัน โดยปรับดีไซน์จากแบบโคมเดี่ยวขนาดใหญ่เป็นแบบโคมยาวเรียวแยกซ้าย/ขวา เหมือนของพี่รอง MT-09 อย่างไรก็ดีสิ่งนึงที่ยังไม่ชัดเจนนั่นก็คือชิ้นส่วนสีขาวด้านล่างนั่นเป็นตำแหน่งของอะไรกันแน่ ? หรือชุดไฟเรียวด้านบนจะเป็นแค่แถบไฟเลี้ยวเท่านั้น ขณะที่ชิ้นส่วนสีขาวด้านล่างจะเป็นที่อยู่ของโคมไฟหลัก เหมือนอย่างที่โฉมปัจจุบันใช้อยู่ ? แล้วเพื่อนๆคิดเห็นอย่างไรกันบ้างล่ะครับ ? คอมเมนท์กันเข้ามาได้เลยครับผม ขอบคุณภาพจาก Iwanbanaran อ่านข่าวสาร Spyshot เพิ่มเติมที่ได้ที่นี่ อ่านข่าวสาร Yamaha เพิ่มเติมที่ได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ…
ใกล้ที่จะเป็นขึ้นไปทุกทีแล้วนะครับ สำหรับการทำใบขับขี่แยกพิเศษของผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ หรือ Big Bike ที่ล่าสุดเมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมา ได้มีการเปิดเผยข้อสรุปในที่ประชุมของคณะรัฐมนตรี ว่าทาง ครม. เห็นชอบในการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขต่างๆในการทำใบขับขี่ฉบับปี 2548 เพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ ร้องขอ และออกใบขับขี่ให้สูงยิ่งขึ้น เนื่องจากรัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องการแก้ไขปัญหา ลดจำนวนปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยการปรับปรุงที่ว่านี้ หลักๆแล้วจะอยู่ที่การเพิ่มเงื่อนไขในเอกสารต่างๆสำหรับยื่นคำร้องขอสอบ หรือขอต่อใบขับขี่ ยกตัวอย่างเช่นการที่แพทย์จะต้องรับรองว่าผู้ยื่นคำร้องไม่มีโรคที่จะเป็นอันตรายต่อการขับรถ เช่น อาการทางประสาท หรือระบบการได้ยิน รวมถึงการมองเห็น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุต่อไป เป็นต้น นอกจากนี้ ในสาระสำคัญของข้อสรุปดังกล่าวยังมีอีกว่า สำหรับผู้ที่ประสงค์จะขับรถจักรยานยนต์ที่มีกำลังสูง หรือบิ๊กไบค์ ต้องมีการผ่านการฝึกอบรมและทดสอบการขับรถแยกโดยเฉพาะ และจะมีการแยกใบอนุญาตขับขี่ระหว่างรถจักรยานยนต์ทั่วไป และรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์อีกด้วย อย่างไรก็ดี แนวคิดในการทำใบขับขี่แยกสำหรับผู้ใช้รถบิ๊กไบค์นั้น แท้จริงแล้วมีการพูดถึงนานแล้ว (ราวๆ 3 ปีเห็นจะได้) ถึงจะมาสู่ขั้นตอนของหารเห็นชอบในครั้งนี้ นั่นจึงหมายความว่าทาง ครม. อาจจะต้องใช้เวลาต่อจากนี้อีกหลายปีในการจำกัดความ “บิ๊กไบค์” รวมถึงข้อกฏหมายที่ระบุชัดเจนในการใช้งานรถมอเตอร์ไซค์ประเภทนี้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นแม้ในตอนนี้จะมีมติเห็นชอบกันแล้ว กว่าเราจะได้ลงสอบใบขับขี่บิ๊กไบค์ที่ว่านี้จริง คงต้องรออีกอย่างน้อย 3 ปี…
โปรเจกต์ปั้นนักบิดเยาวชนไทยสู่การเป็นนักแข่งระดับโลก “เอ.พี.ฮอนด้า อะคาเดมี่” ซีซั่นแรก ประจำปี 2018 เตรียมออกสตาร์ทเกมดวลความเร็วสนามที่ 5 ระหว่างวันที่ 25-26 สิงหาคม นี้ ที่ J.S.W. มอเตอร์สปอร์ต โกคาร์ท จ.นครสวรรค์ โครงการ เอ.พี.ฮอนด้า อะคาเดมี ไทยแลนด์ จัดโดย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ผู้ริเริ่มโปรเจกต์บิดล่าฝันปั้นนักบิดเยาวชนไทยสู่ศึกการแข่งขันรถจักรยานยนต์ระดับเวิล์ดกรังด์ปรีซ์ ครั้งแรกในเมืองไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อเฟ้นหาดาวรุ่งดวงใหม่ อายุระหว่าง 9-14 ปี จำนวน 15 คน เข้าร่วมโปรแกรมพัฒนาเป็นนักแข่งรถจักรยานยนต์มืออาชีพ เป็นระยะเวลา 2 ปี ควบคุมฝึกสอนโดย “ฟิล์ม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ อดีตนักบิดขวัญใจชาวไทยผู้โลดแล่นในศึกโมโตจีพี รุ่นโมโตทู โดยกำหนดการดวลความเร็วซีซั่นแรกของโครงการฯ ที่ใช้เรซแมชชีน ฮอนด้า เอ็นเอสเอฟ100 (Honda NSF100)…
ปล่อยให้ Kawasaki เดินหน้าทำตลาดมอเตอร์ไซค์สายลุยพิกัด 150cc ด้วย KLX150 อยู่คนเดียวนานหลายปี จน Honda ก็อยากร่วมชิงส่วนแบ่งนี้บ้างด้วย CRF150L ที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อปีก่อน ในที่สุดทาง Yamaha เองก็ดูเหมือนจะอยากเอากับเขาบ้างเช่นกัน หลังมีข้อมูลหลุดออกมาว่าพวกเขาได้เริ่มเดินโปรเจ็ทก์ Dirt Bike 150cc ที่น่าจะใช้ชื่อตอนเปิดตัวในอนาคตอันใกล้ว่า “WR150” แล้วเรียบร้อยในขณะนี้ โดยจากข้อมูลแม้จะไม่มีการระบุอะไรเกี่ยวกับตัวรถไว้มากมายนัก แต่ก็ได้มีการอ้างอิงชัดเจนว่าเจ้า WR150 คันดังกล่าวจะใช้พื้นฐานตัวรถจาก Yamaha Vixion แน็คเก็ทไบค์เบาะตอนยาวที่วางจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเจ้ารถคันดังกล่าวนี้นั้นมีจุดเด่นที่น่าสนใจคือ เครื่องยนต์สูบเดียว 149.8cc ของมันนั้นมีทั้งระบบหม้อน้ำสำหรับระบายความร้อนกับชุดสลิปเปอร์คลัชท์ และถ้าหาก Yamaha เลือกใช้เครื่องยนต์ลูกนี้ใน Dirt Bike คันล่าสุดจริง ก็จะทำให้มันกลายเป็นรถมอเตอร์ไซค์ในประเภทนี้ พิกัดนี้คันแรกที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยน้ำ นอกจากนี้ในตัว Vixion รุ่นท็อปสุดรหัส R ก็ยังใช้เครื่องยนต์สูบเดียว 155cc พ่วงระบบ VVA ทำให้มีความเป็นไปได้อีกอย่างนึงเช่นกันว่าทาง…
เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าในการแข่งขัน MotoGP ปี 2019 จะมีการบรรจุคลาสใหม่มาอีกหนึ่งรุ่น นั่นก็คือ MotoE ที่จะใช้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจำนวน 18 คันเป็นตัวแข่งหลัก และในวันนี้ทางผู้จัด Dorna ได้ประกาศออกมาเรียบร้อยแล้วว่าจะมีทีมใดบ้างที่ร่วมลงการแข่งขันนี้ในปีหน้า โดยเราสามารถแบ่งเป็นทีมที่ใช้ตัวแข่ง 2 คัน และ 1 คัน ดังนี้ ทีมที่ลงแข่งด้วยรถสองคัน – Tech 3 Racing – LCR Team – Pramac Racing – Esponsorama Racing – Gresini Racing – Angel Nieto Team ทีมที่ลงแข่งด้วยรถคันเดียว – Sepang International Circuit – Marc VDS Racing…