เป็นปกติของทาง KTM อยู่แล้วที่เมื่อเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Duke ออกมา ในเวลาถัดไปอีกไม่นานนักพวกเขาก็จะเปิดตัวรุ่นสมรรถนะสูงรหัส R ตามมาอีกในภายหลัง ซึ่งแน่นอนว่ากับโมเดลล่าสุดของตระกูลอย่าง 790 Duke เองก็กำลังจะได้รับการเปิดตัวเวอร์ชัน R ในเร็วๆนี้เช่นกัน โดยจากข้อมูลระบุไว้ว่าเจ้า 2019 790 Duke R นั้นจะได้รับการปรับปรุงและปรับเปลี่ยนในหลายๆด้าน ทั้งเครื่องยนต์ที่ถูกปรับจูนให้มีกำลังสูงขึ้น, ชุดเบรกอัพเกรดเป็นของ Brembo, ชุดระบบกันสะเทือน WP ที่สามารถปรับเซ็ทได้ทุกค่า, และชุดพักเท้ากับเบาะนั่งใหม่ที่ช่วยให้ท่าทางการขับขี่ดูเหมาะสมกับการลงสนามมากขึ้น ส่วนช่วงเวลาการเปิดตัวที่ว่านั้นค่อนข้างแน่นอนว่าจะเป็นช่วงปลายปีนี้ที่งาน EICMA Show 2018 ซึ่งทาง KTM จะไม่ได้เปิดตัวแค่ 790 Duke R เท่านั้น แต่ยังมีอีกสองแอดเวนเจอร์ไบค์อย่าง 790 Adventure และ 390 Adventure ด้วย ในขณะที่บ้านเราเองก็ต้องรอกันอีกในช่วงเดือนถัดไปว่าทาง KTM Thailand จะมีการนำเจ้า 790…
Author: admin
Royal Enfield ผู้นำตลาดรถมอเตอร์ไซค์คลาสสิคขนาดกลางสายพันธุ์อังกฤษระดับโลก เดินหน้าขยายการบริการให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าทั่วประเทศล่าสุดเปิด “รอยัล เอนฟิลด์ สโตร์ เชียงใหม่” (Royal Enfield Store Chiang Mai) สโตร์แห่งแรกของรอยัล เอนฟิลด์ในภาคเหนือและเป็นแห่งที่ 3 ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมให้บริการลูกค้าชาวเหนืออย่างเต็มรูปแบบ ครอบคลุมตั้งแต่การจำหน่ายรถ บริการหลังการขาย อะไหล่ และการบริการอื่นๆ แล้ววันนี้ นายอรุณ โกปาล ประธานฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ รอยัล เอนฟิลด์ กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งและมีความพึงพอใจต่อผลการดำเนินงาน ตลอดจนการเติบโตของเราตลอดระยะเวลา 30 เดือนของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เรามุ่งมั่นจะสร้างแบรนด์ของเราให้เติบโตอย่างมั่นคงผ่านปรัชญาในการมอบประสบการณ์การขับขี่มอเตอร์ไซค์ที่แท้จริงหรือ Pure Motorcycle แก่ผู้ขับขี่ชาวไทย ซึ่งปรัชญาดังกล่าวได้ช่วยให้เราเติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย การเปิดสโตร์ที่เชียงใหม่วันนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เราได้ขยายการให้บริการลูกค้านอกเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ตอบโจทย์การให้บริการครอบคลุมคอมมูนิตี้ โดย “รอยัล เอนฟิลด์ สโตร์ เชียงใหม่” ตั้งอยู่เลขที่ 62 ถนนโชตนา…
ในขณะที่ค่ายอื่นกำลังเน้นตีตลาดรถมอเตอร์ไซค์แนวสกูตเตอร์ ช่วงเวลาเดียนกันนี้เองทาง Suzuki เองก็เตรียมส่ง Dual-Purpose หรือรถมอเตอร์ไซค์สายลุยล้อหนามยกสูง พิกัด 150cc รุ่นใหม่ลงร่วมตลาดในเร็วๆนี้เช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มาเล่นๆแค่เอาสเปคพอสูสีกับชาวบ้านแค่นั้น เพราะขณะนี้มีข้อมูลออกมาว่าพวกเขาอาจจะใช้เครื่องยนต์แคมคู่ DOHC เป็นขุมกำลังหลักให้กับตัวเครื่องแทนที่จะเป็นแคมเดี่ยว SOHC แบบที่คนอื่นเค้าทำกัน โดยในปัจจุบันสำหรับตลาดรถมอเตอร์ไซค์พิกัด 150cc แนว Dual-Purpose ตอนนี้มี Kawsaki D-TRACKER 150/KLX-150 และ Honda CRF 150L กำลังตีคู่แย่งส่วนแบ่งกันอยู่ซึ่งทั้งสองคันที่เรากล่าวถึงอยู่ตอนนี้นั้นต่างก็ใช้เครื่องยนต์สูบเดียว 150cc แคมเดี่ยว SOHC เหมือนกันทั้งคู่ แม้แต่ทาง Yamaha เองที่มีภาพหลุดให้เห็นก่อนหน้านี้ก็จะเปิดตัว Dual-Purpose 150cc ด้วยเครื่องยนต์รูปแบบนี้เช่นกัน จากเรื่องดังกล่าวทำให้มีโอกาสสูงมากที่หาก Suzuki เลือกใช้พื้นฐานเครื่องยนต์ 150cc DOHC จริง ตัวเลขราคาที่ใช้วางตลาดอาจจะสูงกว่าคู่แข่งทั้ง 3 ค่าย เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงกว่า บวกกับทางค่ายสวนสัตว์เองยังต้องพัฒนาชุดเฟรมใหม่เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเขาไม่เคยมีชุดเฟรมที่รองรับการใช้งานแนว Dual-Purpose…
ด้วยกระแสความนิยมในภาพยนต์เฟรนไชส์ชื่อดัง “Star Wars” ที่ยังคงไม่เสื่อมคลายแม้วาจะเปิดตัวออกมาได้เป็นระยะเวลาเกิน 40 ปี เข้าไปแล้ว ทำให้ทาง HJC ผู้ผลิตหมวกกันน็อคชื่อดังจากประเทศเกาหลี ผู้ไม่เคยพลาดเลยซักคร้งที่จะหยิบเอาเหล่าหมวกกันน็อคในเครือของตนเองมาสกรีนลวดลายเอกลักษณ์ของตัวละครดังๆ แล้ววางจำหน่ายเพื่อเอาใจสาวกตัวละครเหล่านั้น อย่างเช่น RPHA90 และ CS-R3 “Star Wars” Edition ทั้ง 2 ใบที่เรากำลังเห็นอยู่ในตอนนี้ โดยในส่วนของหมวกใบแรกที่เราจะกล่าวถึงก็คือ RPHA90 ที่ถูกสกรีนด้วยลวดลายของ “Darth Vader” ซิทลอร์ดผู้เป็นตัวร้ายหลักของเรื่อง และแน่นอนว่าในเมื่อมีผู้นำ ก็ต้องมีลูกสมุน กับหมวก CS-R3 “Storm Trooper” ลายเดียวกับทหารหาญผู้อ่อนด้อยในการยิงปืน ด้านราคาในเบื้องต้นของหมวกทั้งสองใบแบบไม่รวมภาษีนั้นอยู่ที่ราวๆ 23,400 บาท สำหรับ HJC RPHA90 “Darth Vader” และ 5,700 บาทสำหรับ HJC CS-R3 “Storm Trooper”…
ด้วยในวันที่ 28 กรกฎาคม ปี พ.ศ. 2561 ที่จะถึงนี้เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ์ บดินทรเทพยวรางกูร ทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพืช จึงได้ใช้โอกาสนี้ “ยกเว้นการจัดเก็บค่าบริการและค่านำยานพาหนะเข้าเขตอุทยาน จากนักท่องเที่ยวชาวไทย ในวันที่ 28 กรกฎาคม” เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและน้อมถวายความจงรักภักดีสนองต่อพระราชกรณียกิจด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
หลังจากถอยรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจมาได้ 4 ปีกว่าๆ เชื่อว่าเพื่อนๆบางคนคงเริ่มมีปัญหากับระบบไฟกันบ้างแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอาการสตาร์ทติดยาก ซึ่งส่วนหนึ่งแล้วมักเกิดจากการที่แบตเตอร์รี่มีีประจุมาขับไดสตาร์ทน้อยเกินไป อาจจะด้วยอายุการใช้งานที่นานเกินจนตัวแบตฯไม่สามารถเก็บประจุไฟได้ดีเหมือนเมื่อก่อน ดังนั้นสิ่งที่เพื่อนๆต้องทำเพื่อแก้ปัญหานี้ก็ึือการเปลี่ยนแบตฯใหม่ แต่กระนั้นแล้ว ถ้าจะให้ขับรถมอเตอร์ไซค์เข้าร้าน ถ้าโชคดีก็เจอช่างใจดีไม่คิดกับไรกับค่ามือกับเราเยอะเท่าไหร่ แต่ถ้าโชคร้ายก็อาจจะโดนฟันค่าแบตฯ ค่ามือกันจนหัวแบะ ดังนั้นในวันนี้เราจึงจะมาสาธิตวิํธีการเปลี่ยนแบตที่ถูกต้องให้เพื่อนๆได้ลองทำตามกัน เผื่อวันใดวันหนึ่งจะได้สามารถเดินเข้าร้านอะไหล่ยนต์เพื่อซื้อแบตฯมาเปลี่ยนด้วยตนเองได้ แต่ก่อนที่เราจะเริ่มลงมือทำกันนั้น เพื่อนๆต้องทำความเข้าใจก่อนว่าในรถมอเตอร์ไซค์แต่ละคัน จะมีตำแหน่งการติดตั้งแบตเตอรี่ต่างกันไป โดยเราสามารถทราบได้จากการอ่านคู่มือติดรถ ซุึ่งส่วนใหญ่แล้วอยู่ใต้เบาะนั่ง ดังนั้นสิ่งแรกท่ีต้องทำเลยสำหรับการเปลี่ยนแบตฯคือ เปิด หรือ ถอดเบาะนั่งออกมา ตามวิธีที่คู่มือแนะนำ หลังจากนั้นถ้าหากเราพบว่าแบตฯถูกล็อคไว้ด้านแผ่นเหล็กก็ใช้บล็อคตัวที หรือไขควง (แล้วแต่ว่าผู้ผลิตจะใช้น็อตประเภทใหนยึดเอาไว้) ขันน็อตที่ยึดอยู่ออกมา แล้วยกแผ่นเหล็กออกไป ในลำดับต่อมาคือการขันขั้วแบตฯซึ่งจำเป็นอย่างมากที่จะต้องขันน็อตขั้วลบ แล้วถอดสายขั้วลบออกก่อนเพื่อป้องกันการช็อตของประจุไฟในแบตฯที่ยังเหลืออยู่ โดยหลังถอดสายขั้วแบตฯออกมาแล้ว เราขอแนะนำว่าพยายามอย่าให้สายขั้วแบตฯไปแตะกับโครงรถหรืออะไรก็ตามที่เป็นเหล็กเพื่อป้องกันอีกชั้นหนึ่ง หลังจากนั้นจึงค่อยถอดน็อคขั้วบวก แล้วยกสายขั้วออกมา แล้วค่อยยกแบตฯลูกเก่าทิ้งไป คราวนี้มาดูที่แบตฯก้อนใหม่ ซึ่งปกติแล้วทางผู้ผลิตจะมีน็อตตัวผู้/ตัวเมียแถมมาให้ 2 คู่ โดยถ้าหากเพื่อนคนไหนอยากเก็บไว้เป็นอะไหล่ก็ทำได้เลย ด้วยการเอาน็อตตัวผู้/ตัวเมียของแบตฯเก่ามาใช้แทน สำหรับขั้นตอนต่อไปแน่นอนว่าต้องเป็นการใส่แบตฯลูกใหม่เข้าไป (อย่าลืมใส่น็อตตัวเมียไว้ในขั้วแบตฯนะครับ) ตามด้วยการขันยึดขั้วแบตฯ โดยเริ่มจากใส่สายขั้วบวกก่อน หลังจากนั้นค่อยใส่สายขั้วลบตามทีหลัง ห้ามจำสลับเด็ดขาดเพราะอาจจะเกิดการสปาร์คของไฟโดยไม่ตั้งใจ หลังจากนั้นก็ย้อนขั้นตอนที่เรากล่าวในขั้นต้น…
แม้ว่าตอนนี้ทาง Honda จะได้ทำการขายเจ้า RC213V-S ที่ได้โควต้านำเข้ามาจำหน่ายทั้งหมด 250 คันสำหรับลูกค้าทั่วโลกจนหมดแล้ว แต่เพื่อนๆทราบหรือไม่ว่ายังมี 1 ใน 250 คันที่ว่านี้ยังไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อนเลยเพราะมันถูกขายให้กับดีลเลอร์แห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ ซึ่งตอนนี้มันกำลังถูกประกาศขายอยู่บนเว็บไซต์ซื้อ/ขายออนไลน์ระดับโลก eBay โดยความพิเศษของ RC213V-S คันดังกล่าวนั้นไม่ได้มีแค่พื้นฐานของตัวรถที่ยกเอาตัวแข่ง MotoGP – Honda RC213V ปี 2012 มาดัดแปลงให้เหมาะกับการใช้งานบนท้องถนนเท่านั้น แต่มันยังมาพร้อมกับชุดแต่ง HRC ที่ช่วยปลดปล่อยม้าในเครื่องยนต์ให้ทะลุ 212 ตัว ซึ่งสนนราคาคิดเป็น 47% ของค่าตัว รวมถึงรถหมายเลขลำดับการผลิตของมันเองก็ยังเป็นหมายเลข 7 หรือ “Serial No. 007” ซึ่งคล้ายกับรหัสลับของตัวละครสายลับผู้โด่งดังประจำประเทศอังกฤษ “Jame Bond” สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่สนใจในตัว Honda RC213V-S หมายเลข 007 คันนี้ล่ะก็สามารถคลิกเข้าไปติดต่อตามข้อมูลในเว็บ eBay ที่เราแนบไว้ตรงนี้ได้เลยนะครับ (แต่ระวังค่าภาษีดีๆล่ะ…
ก่อนหน้านี้ตอนเดือนเมษายน เราได้เคยนำเสนอภาพสิทธิบัตรของรถแน็คเก็ทไบค์ปริศนาจาก Haojue รุ่น HJ300 ออกมา ซึ่งรถมอเตอร์ไซค์ปริศนาที่ว่านี้หลายฝ่ายต่างตั้งข้อสังเกตุกันว่ามันอาจจะกลายเป็น Suzuki GSX-S250 ในอนาคต และในตอนนี้ก็มีข้อมูลเสริมออกมาแล้วว่าข้อสันนิษฐานดังกล่าวที่ว่านั้นกำลังจะเกิดขึ้นจริงในเร็วๆนี้ โดยจากข้อมูลทางสื่ออินเดียได้ระบุเอาไว้ว่าขณะนี้ทาง Suzuki India กำลังอยู่ในระหว่างพัฒนา GIXXER 250 แน็คเก็ทไบค์รุ่นใหม่ต่อยอดจาก GIXXER 250R โฉมสปอร์ตที่เปิดตัวออกมาเมื่อปี 2017 แต่มีการปรับเปลี่ยนให้เครื่องยนต์เป็นแบบสูบเดียว 250cc ระบายความร้อนด้วยอากาศ กำลังสูงสุด 22 แรงม้า ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ 5 สปีด ซึ่งดูๆแล้วอาจจะด้อยกว่าคู่แข่งทั้งหมด แต่ก็ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าชาวอินเดียที่ต้องการเน้นในเรื่องของความถึกทนและความไม่จุกจิกของเครื่องยนต์เป็นพิเศษเหนือสิ่งอื่นใด ส่วนหน้าตาโดยรวมของตัวรถ 2019 Suzuki GIXXER 250 แน่นอนว่าจะต้องนำเอาเส้นสายของรุ่นพี่ตระกูล GSX-S มาปรับเปลี่ยนให้เข้ากับขนาดตัวรถ ส่วนราคาก็คาดการณ์ไว้ไม่สูงมากนักตามสไตล์รถมอเตอร์ไซค์อินเดียนั่นก็คือราวๆ 73,000 บาทเท่านั้น ขอบคุณข้อมูลจาก Indianautosblog อ่านข่าวสาร Suzuki เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ…
แม้ว่าโดยพื้นฐานแล้ว Ducati Scrambler จะถูกออกแบบให้รองรับการบุกตะลุยได้นิดหน่อยอยู่แล้ว แต่แค่นั้นคงไม่ดูเพียงพอต่อการเอาไปลุยอย่างจริงจังเท่าไหร่นัก ทำให้ทางค่ายได้ออกแบบรุ่นย่อย Desert Sled ออกมาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้มากขึ้นแต่ก็ยังมีแค่เฉพาะในโฉม Scrambler 800 เท่านั้น แต่ถ้าหากยังจำกันได้เมื่อราวๆ 1 เดือนก่อนหน้านี้ เราได้มีการนำเสนอ Ducati Scrambler Desert Sled concept ออกมาให้เพื่อนๆได้ชมกัน โดยที่พื้นฐานของเจ้าคอนเซปท์ไบค์คันนี้นั้นแท้จริงแล้วก็คือ Scrambler 1100 ที่เราพึ่งทำการทดสอบไปก่อนหน้านี้ไม่นานนัก และดูเหมือนว่าทาง Ducati กำลังจะผลิตมันขึ้นมาเพื่อขายจริงในเร็วๆนี้ โดยสำหรับการตกแต่งภายนอกจากภาพนั้นจะเห็นได้ว่ามีทั้งสวิงอาร์มและโช้กหลังที่ได้รับการจัดวางตำแหน่งใหม่, ถังน้ำมันดีไซน์แปลกตาขนาดใหญ่, มีถังน้ำมันสำรองด้านหลังเบาะผู้ขี่ซึ่งถูกขนาบข้างซ้าย/ขวาด้วยท่อไอเสียจาก Akrapovic, ชุดบังโคลนหน้าขนาดใหญ่ที่ดูไปดูมาช่างคล้ายกับพี่น้องร่วมค่ายอย่าง Multistrada 1200, และระบบกันสะเทือนหน้าชุดใหม่ที่ถูกยืดยาวเพื่อทำให้ความสูงของตัวรถเพิ่มขึ้น ส่วนช่วงเวลาการเปิดตัวนั้นมีความเป็นไปได้ว่าทาง Ducati จะขนเจ้า 2019 Scrambler 1100 Desert Sled เปิดตัวที่งาน EICMA Show 2018 ซึ่งเป็นงานมหกรรมยานยนต์ที่ใหญ่อันดับๆต้นๆของโลกแถมยังเป็นงานที่จัดขึ้นในบ้านเกิดของตัวเอง…
เอ.พี. ฮอนด้า ร่วมมือกับสมาคมกีฬาอีสปอร์ตแห่งประเทศไทย หรือ TESF (THAILAND E-SPORTS FEDERATION) และTwitch จัดการแข่งขัน “Honda eSports Championship 2018 บวกให้สุด อย่าให้อะไรมาหยุด” รอบชิงชนะเลิศ ภายใต้แบรนด์แคมเปญ WHAT STOPS YOU? มุ่งไป อย่าให้อะไรมาหยุด หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากด้วยกระแสความสนใจจากเหล่าเกมเมอร์ทั่วประเทศมากกว่า 200 ทีมที่เข้าร่วมแข่งขัน โดยมีสุดยอดเกมเมอร์จาก 4 ภูมิภาค ได้แก่ ทีม BangkokDynamo.Forever.Young แชมป์ภาคกลาง, ทีม Lao-G แชมป์ภาคเหนือ, ทีม Murderer แชมป์ภาคอีสาน และทีม MafiaGay แชมป์ภาคใต้ ผ่านสู่รอบชิงชนะเลิศ ลงชิงชัยคว้าตั๋วที่นั่งบินลัดฟ้าชมการแข่งขัน The International 8 ณ ประเทศแคนนาดา แบบติดขอบสนาม…