เป็นที่แน่นอนแล้วว่าในตอนนี้ทาง Yamaha ได้รับรายการเซ็นต์สัญญาของนักบิดคู่บุญ Valentino Rossi เพื่อทำการแข่งขันรายการ MotoGP ไปจนถึงปี 2020 หลังจากที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวต้องขอใช้เวลาในการตัดสินใจว่าจะลงแข่งขันต่อไปหรือไม่หลังหมดสัญญาฉบับปี 2017-2018 โดยส่วนสำคัญหลักที่ทำให้ Rossi เลือกติดสินใจต่อสัญญาฉบับใหม่กับ Yamaha ในครั้งนี้นั้น ตัวนักบิดเองได้มีการกล่าวกับสื่อเป็นใจความว่า “เพราะตัวเขาเองยังมีความรู้สึกกระหายที่จะแข่งขันเพื่อคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 10 ให้กับตัวเองให้ได้ ประกอบกับการที่ผลการทดสอบในช่วงปิดฤดูกาล 2017 ไปจนถึงเปิดฤดูกาล 2018 ของเขากับตัวแข่ง YZR-M1 รุ่นอัพเกรดปี 2018 มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเห็นได้จากตัวเลขเวลาต่อรอบที่ไม่หนีกลุ่มหัวแถวมากมายนัก (อาจจะมีเขวไปบ้างในรอบการทดสอบที่บ้านเรา)” ดังนั้นจึงไม่แปลกเท่าไหร่นักที่นักบิดหมาย 46 รายนี้จะมีความมั่นใจมากขึ้น จนตัดสินใจที่จะแข่งขันต่อไปแม้ว่าตัวเองจะมีอายุใกล้เลข 4 เข้าไปแล้วทุกที นอกจากนี้ทาง Rossi ยังได้กล่าวไว้อีกว่าตัวเขาเองนั้นไม่อยากจะจบชีวิตการแข่งขันในขณะที่ตนเองยังมีผลงานที่ดีหรืออยู่ในจุดพีคของชีวิตเพื่อให้ตัวเองออกจากวงการไปอย่างสวยงาม เหมือนอย่างเช่นที่นักแข่งในวงการมอเตอร์สปอร์ตหลายๆคนทำกัน ยกตัวอย่างเช่น มิคาเอล ชูมาคเกอร์ จากเวทีรถยนต์ล้อเปิดสูตรหนึ่ง F1, หรือแม็กซ์ เบียงยี่ คู่แข่งคู่แค้นของตัว Rossi…
Author: admin
จากปัญหาในเรื่องมลพิษและยอดขายที่ตกต่ำลงไปเรื่อยๆทำให้ในปี 2018 นี้จะเป็นปีสุดท้ายที่ทาง MV Agusta เลือกวางจำหน่ายซุปเปอร์ไบค์รุ่นใหญ่สุดของค่ายอย่าง F4 แม้ว่าที่จริงในช่วงปลายปีนี้พวกเขากำลังจะเปิดตัว Brutale 1000 ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 1,000cc ลูกใหม่ที่ผ่านมาตรฐานไอเสียอันสุดเข้มงวดอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ทางผู้บริหารใหญ่ Giovanni Castiglioni ได้อธิบายไว้ว่า MV Agusta จะยุติการผลิตเจ้า F4 เพียงแค่ระหว่างปี 2019-2020 เท่านั้น และจะเปิดตัว “F4 เจเนอเรชั่นใหม่” อีกครั้งในช่วงปลายปี 2020 ในฐานะโมเดลทำขายปี 2021 เพื่อที่ว่าทางค่ายจะได้วิจัยและวางแผนการให้กับ Brutale 1000 ที่จะทำขายในปี 2019 และ นีโอ-คลาสสิคไบค์พิกัด 1,000cc รุ่นใหม่ที่จะทำขายเป็นโมเดลถัดไปในปี 2020 ได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น และสำหรับการเกิดใหม่อีกครั้งในช่วงปลายปี 2020 ของ 2021 MV…
ยังคงตามติดอยู่กับกระแสข่าวที่ว่าในปัจุบันเหล่าผู้ผลิตน้อยใหญ่ทั้งหลายได้เริ่มหันหน้าไปให้ความสนใจและพัฒนาในผลิตภัณฑ์รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งในวันนี้ก็จะเป็นข่าวคราวจากทางฝั่ง MV Agusta ที่ผู้บริหารใหญ่ได้ออกมาประกาศเรียบร้อยแล้วว่าทางค่ายมีแผนจะลุยตลาดรักษ์โลกนี้ด้วยเช่นกัน โดยจะวางจำหน่ายในชื่อแบรนด์ในตำนานอย่าง Cagiva อย่างไรก็ตามอาจจะด้วยความที่ว่าการสร้างรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงเป็นอะไรที่เปลืองงบประมาณมากไปนักสำหรับสถานการณ์ทางการเงินของ MV Agusta ในตอนนีั้ ทำให้พวกเขาเลือกเดินหมากแรกด้วยการให้ Cagiva เริ่มลุยตลาดผ่านรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแนวสปอร์ต-ออฟโรด หรือโมโตครอสขนาดเล็กที่มีขนาดและกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเทียบเท่ารถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สันดาปภายในพิกัด 125cc ซะก่อน หลังจากนั้นจึงเดินหมากต่อไปด้วยการเพิ่มขอบเขตกำลังของมอเตอร์ขึ้นเรื่อยๆเป็นลำดับๆไป สำหรับชื่อแบรนด์ Cagiva อาจจะฟังดูไม่คุ้นหูเท่าไหร่นักสำหรับเหล่าไบค์เกอร์รุ่นใหม่ แต่ถ้าหากลองถามถึงเหล่านักบิดวัยดึกทั้งหลายก็จะพบว่านี่เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่สร้างกระแสนิยมในความแรงยุคมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์ 2 จังหวะได้เป็นอย่างดีก่อนที่ในไม่กี่ปีให้หลังมันได้หายไปจากบ้านเราชนิดเงียบกริบไม่มีให้เห็นแม้แต่เงา ส่วนในตลาดโลกก็มีกระแสที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ก่อนที่จะปิดตัวไปในช่วง 4-5 ปีก่อนหน้านี้ และกลับมามีข่าวคราวว่าจะกลับมาอีกทีในช่วง 2 ปีก่อน จนกระทั่งตอนนี้ที่ปรากฏว่าทาง Cagiva จะลุยตลาดมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าตั้งแต่ช่วงปลายปี 2018 เป็นต้นภายใต้การควบคุมของบริษัทแม่อย่าง MV Agusta ดังเนื้อหาข่าวที่เราได้กล่าวไปข้างต้น ขอบคุณข้อมูลจาก AsphaltandRubber อ่านข่าว มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ…
หลังปล่อยให้เหล่าผู้ผลิตทั้งจากญี่ปุ่น และยุโรปไปจนถึงอเมริกาเดินหน้าปล่อยแผนงานพัฒนารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าให้ชาวโลกได้รับรู้มาได้พักใหญ่ ล่าสุดก็ถึงตาของค่ายรถอินเดีย (หรือจะเรียกว่าอังกฤษดี ?) อย่าง Royal Enfield ที่จะร่วมวงเดินโปรเจกท์รถมอเตอร์ไซค์รักษ์โลกกับเค้าบ้าง จากข้อมูลที่เราได้รับมาแม้จะไม่มีอะไรที่สื่อถึงความเป็นไปของโปรเจ็กท์รถไฟฟ้าจากทาง Royal Enfield ได้มากมายนัก แต่ทางผู้บริหารใหญ่ของค่ายระดับ CEO อย่างนาย Rudratej Singh ก็ได้ระบุไว้ว่า “ในตอนนี้บริษัทได้มีแผนเปิดตัวโมเดลใหม่อยู่เป็นจำนวนพอสมควร และโมเดลมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าก็เป็นหนึ่งในนั้น เราได้ลงทุนไปกับมันโดยมีทีมวิจัยที่เสนอไอเดียในการสร้างในรูปแบบที่ต่างๆกันออกไปโดยเน้นหนักไปที่การมองภาพระยะยาวเกี่ยวกับตัวรถ” ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากเลยทีเดียวว่าทาง Royal Enfield จะทำอะไรได้บ้างกับตลาดรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในอนาคต เพราะถ้าหากลองมองดูเหล่าผู้ผลิตอื่นๆที่กำลังเดินโปรเจ็กท์นี้จะเห็นได้ว่าพวกเขาล้วนเปิดตัวคอนเซปท์รถที่มีหน้าตาออกไปทางล้ำสมัยกันแทบทั้งสิ้น ในขณะที่แบรนด์จากอินเดียรายนี้มักจะผลิตหรือออกแบบรถแนวย้อนยุคเป็นหลัก ดังนั้นสาวกคลาสสิคไบค์ทั้งหลายโล่งใจได้เลยครับ พวกเรามีรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าดีไซน์คลาสสิคให้ขับกันในอนาคตแน่นอน ขอบคุณข้อมูลจาก Morebikes ขอบคุณภาพจาก Electriccycle, CarAndBike, Kenathjayashankarmenon อ่านข่าว Royal Enfield เพิ่มเติมได้ที่นี่ อ่านข่าว มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
หากจำกันได้เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ทางรถ Kawasaki เน็คเก็ทไบค์ยอดนิยมอย่าง Z250 / Z300 เพื่อตีตลาดคู่ขนานกับสปอร์ตไบค์ฝาแฝด Ninja 250/Ninja 300 และล่าสุดมีแนวโน้มจะได้เห็น Kawasaki Z400 / Z250 ในปีนี้ด้วยเช่นกัน เพราะตอนนี้ทางค่ายแตนเขียวจะเดินแผนแบบนั้นอีกครั้งหลังจากที่เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาพวกเขาได้เปิดตัว Ninja 400/Ninja 250 โฉมใหม่ที่จะมาทำตลาดในปี 2018 และ ใช่แล้วครับ สิ่งที่เราหมายถึงก็คือทาง Kawasaki อาจจะเปิดตัวโฉมใหม่ของ Z250/Z300 ที่ใช้พื้นฐานตัวรถเดียวกันกับ 2018 Ninja 250/Ninja 400 ภายในสิ้นปีนี้เพื่อทำตลาดในฐานะโมเดลปี 2019 ซึ่งรูปโฉมโดยรวมของมันก็คงหนีไม่พ้นการนำเส้นสายจากพี่รอง Z900 มาปรับสัดเปลี่ยนส่วนให้เข้ากับขนาดเครื่องยนต์มากขึ้นเหมือนกับที่เคยทำไปแล้วก่อนหน้านี้ตอนที่ย่อส่วน Z800 ให้กลายเป็น Z250 โดยจากภาพเรนเดอร์ที่เรากำลังเห็นอยู่ตอนนี้ ซึ่งเป็นฝีมือการออกแบบของสำนัก Julaksendiedesign จะเห็นได้ว่าดีไซน์ช่วงบนของตัวรถ 2019 Z250 / Z400 นั้นถูกหยิบยกมาจาก Z900 แทบทั้งหมดแม้กระทั่งชุดเฟรมถัก ส่วนชุดล่างทั้งเครื่องยนต์…
หลังปล่อยให้คู่แข่งตัวฉกาจอย่าง Yamaha X-Max 300 กอบโกยผลส่วนแบ่งในตลาดไปได้พักใหญ่ ในที่สุดทาง Honda ก็ได้ทำการเปิดตัว Forza 300 รุ่นปี 2018 ตัวใหม่ที่ไม่ใช่แค่การปรับโฉมแบบ All-New Sticker แต่เป็น All-New Model อย่างที่ควรทำมาตั้งนานแล้ว ซึ่งในวันนี้เราจะนำทั้งสองโมเดลมาเปรียบเทียบข้อมูลทั้งทางเทคนิคและออพชั่นให้เพื่อนๆได้ทราบกัน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา มาเริ่มกันเลยครับ เครื่องยนต์ Honda Forza 300 : 279cc PGM-Fi (ขนาดลูกสูบ 72 มิลลิเมตร x ช่วงชัก 68.6 มิลลิเมตร) Yamaha X-Max 300 : 292cc ฺBluecore (ขนาดลูกสูบ 70 มิลลิเมตร x ช่วงชัก 75.9 มิลลิเมตร) จากข้อมูลที่ทาง…
กลับมาอีกครั้งกับการเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์รุ่นพิเศษคันใหม่ที่ผลิตโดยอาศัยความร่วมมือระหว่างทาง Indian และแบรนด์เหล้าชื่อดัง Jack Daniel’s ซึ่งในปีที่แล้วทั้งสองได้ทำการเปิดตัว 2017 Indian Chieftain Jack Daniel’s Limited Edition และในปี 2018 นี้ก็เป็นคิวของ Indian Scout Bobber อีกหนึ่งครุยเซอร์ยอดนิยมของทางค่ายที่จะได้รับการตกแต่งตัวรถให้สมกับความพิเศษเนื่องในโอกาศนี้ สำหรับการตกแต่งตัวรถ Scout Bobber เวอร์ชั่น Jack Daniel’s ประจำปี 2018 นั้นยังคงเป็นฝีมือการออกแบบของสำนัก Montana Silversmith โดยส่วนใหญ่จะเน้นหนักไปที่การสาดสีดำด้านแซมทอง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากโทนสีรถดับเพลิงหน่วย Jack Daniel’s Fire Brigade และทาง Indian ได้ระบุไว้อีกว่าสีทองที่ถูกเพ้นท์ลงไปตามเส้นสายตัวรถรอบคันนั้นทำจากทอง 24K แท้ๆทั้งหมด แม้กระทั่งตราสัญลักษณ์ “Bottles and Throttles Don’t Mix” บริเวณบังโคลนหน้า และ…
ส่วนใหญ่แล้วสำหรับรถมอเตอร์ไซค์แนวซุปเปอร์โมโตที่มีขายในปัจจุบันนั้นมักจะมีขนาดความจุเครื่องยนต์ไม่มากมายเท่าไหร่นัก ถ้าให้เฉลี่ยก็อยู่ที่ราวๆ 250-650cc ไม่มากไปกว่านี้จะมีก็แค่ Ducati Hypermotard 939 และ Aprilia Dorsoduro 900 จากอิตาลีเท่านั้นที่แหวกออกมา แต่ในไม่ช้านี้เราอาจจะได้พบกับอีกหนึ่งซุปเปอร์โมโตที่ติดตั้งเครื่องยนต์พิกัดเกิน 900cc เพิ่มมาอีกคันให้สนุกกันเพิ่ม ซึ่งก็คือเจ้า HazanSMR จาก Harzan Motorworks ที่เรากำลังเห็นอยู่ตอนนี้ ก่อนอื่นเราขอชี้แจงก่อนว่าเจ้า HazanSMR คันนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการออกแบบและทดสอบอยู่ ดังนั้นเราจึงเห็นได้ชัดเจนว่ามันไม่ได้รับการติดตั้งชิ้นส่วนพวกแฟริ่งหรือบอดี้พาร์ทต่างๆของตัวรถยังไม่เรียบร้อยดีเท่าไหร่นัก แต่สำหรับชิ้นส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของตัวรถเราก็สามารถบอกได้เลยว่าทาง Hazan ค่อนข้างจัดเต็มพอสมควร เพราะมีทั้งชุดคาลิปเปอร์เบรกโมโนบล็อคคู่จาก Brembo, ชุดล้อแม็กนีเซียมจาก Marchesini, ชุดระบบกันสะเทือนจาก WP, ท่อไอเสียจาก Akrapovic, กันสะบัดจาก GPR ติดตั้งมาให้ ด้านเครื่องยนต์เป็นการหยิบยืมมาจาก KTM Duke 950 ที่แต่เดิมค่ายนี้ก็เด่นในเรื่องการสร้างรถมอเตอร์ไซค์แนวซุปเปอร์โมโตไม่แพ้ใครอยู่แล้ว ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าพื้นฐานเครื่องยนต์ LC8 ขนาด 942cc ที่ถูกนำมาพ่วงระบบจ่ายน้ำมันจากคาร์บูเรเตอร์รุ่น FCR41…
เปิดตัวกระตุ้นตลาดกันสักนิดก่อนที่จะโดนกระแสพรีเมียมสกูตเตอร์คลาส 300cc น้องใหม่จากค่ายคู่แค้นที่พึ่งเปิดตัวไปไม่กี่วันก่อนหน้านี้กลบไปซะหมด กับเจ้าแห่งบิ้กสกูตเตอร์ตลอดกาลอย่าง 2018 Yamaha T-MAX Sport Edition สีขาวดำที่เรากำลังเห็นอยู่ตอนนี้ ในส่วนข้อมูลตัวรถของเจ้า T-MAX “Sport Edition” นั้นใช้พื้นฐานของรุ่นย่อย SX มาทำการตกแต่งเพิ่มเติมด้วยชิ้นส่วนที่ออกแบบมาเฉพาะรุ่นนี้เท่านั้นได้แก่ วินชิลด์ทรงสั้นสีดำ, ท้ายสั้น, และท่อไอเสียปลายคาร์บอนจาก Akrapovic ซึ่งในส่วนของท่อใบนี้ทางผู้ผลิตได้ทำการสกรีนลายโดยเฉพาะไว้ให้ด้วยเพิ่มเสริมความเอกซ์คลูซีฟให้กับชิ้นงาน (ฟังจากเสียงในคลิปที่เราแนบมาแล้วถือว่าเพราะมากๆเลยทีเดียวคุณครับผู้ชม) น่าเสียดายที่ในตอนนี้เราไม่สามารถระบุได้ว่าเจ้า 2018 Yamaha T-MAX “Sport Edition” คันนี้จะถูกนำไปวางจำหน่ายไว้ในกลุ่มประเทศโซนไหนบ้างนอกจากประเทศอังกฤษที่ยืนยันแน่นอนแล้วว่า “ไม่ขาย” ส่วนไทยเราก็ลุ้นกันต่อไปว่าจะมีสิทธิ์มั้ย เว้นแต่ว่าจะสั่งชิ้นส่วนตกแต่งทั้งสามอย่างเข้ามาเพื่อสนองความต้องการด้วยตัวเองล่ะก็นะครับ อ่านข่าว Yamaha เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
หลังทำขายโดยใช้พื้นฐานเครื่องยนต์ Boxer ขนาด 1,170cc มานานดูเหมือนว่าในที่สุดก็ใกล้ที่จะได้เวลาขยับปรับเปลี่ยนกันซักที สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล R1200 ของทาง BMW ซึ่งโมเดลแรกที่จะได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์ลูกใหม่ก่อนใครเพื่อน ก็คงหนีไม่พ้นเจ้า R1200RT ที่เรานำภาพ Spyshot ของมันมาให้เพื่อนๆได้รับชมกันอยู่ตอนนี้ โดยในส่วนของรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงภายในเครื่องยนต์นั้น สำหรับในตอนนี้เราไม่สามารถระบุอะไรได้แน่ชัดมากมายนัก แต่ทางสื่อต้นข่าวได้ระบุเอาไว้ว่ามีความเป็นไปได้ที่ทาง BMW จะขยับความจุเพิ่มขึ้นจากเดิมไปที่ 1,250cc และอาจจะพ่วงระบบวาล์วแปรผันที่เริ่มนิยมติดตั้งในกลุ่มมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์เน้นแรงบิดแต่อยากได้แรงปลายเพิ่มจากการเพิ่มระยะยกวาล์วทั้งหลายซึ่งทั้งหมดที่เรากล่าวมานั้นต่างก็เป็นการคาดการณ์ล้วนๆ ยังต้องลุ้นกันต่อไป แต่สิ่งนึงที่สังเกตุได้แน่นอนนั่นก็คือรูปลักษณ์ภายนอกของเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนแปลงไป เริ่มจากฝาครอบฝาสูบที่เปลี่ยนดีไซน์ไป รวมถึงการวางตำแหน่งการเดินคอท่อไอเสียใหม่ที่ลากลงมาด้านหน้าเพียงเล็กน้อยแล้วหักถอยไปด้านหลังทันทีจนมีพื้นที่พอที่จะใส่การ์ดท่อด้านหน้า ซึ่งในตัว R1200RT รุ่นปัจจุบันนั้นตัวคอท่อไอเสียจะถูกตวัดมาด้านหน้ามากกว่านี้จนไม่สามารถติดตั้งชุดการ์ดที่ว่าได้นั่นเอง ด้านดีไซน์ชุดแฟริ่งต่างๆก็ยังไม่สามารถสังเกตุอะไรได้มากมายนักนอกจากชุดไฟหน้าที่ดุเหมือนว่าจะมีความปราดเปรียวมากยิ่งขึ้น และจุดสังเกตุสุดท้ายคือเจ้า 2019 BMW R1200RT คันนี้ได้รับการติดตั้งหน้าจอขนาดใหญ่ โดยเจ้าหน้าจอตัวนี้น่าจะเป็นชุดจอมาตรวัดฟูลดิจิตอล TFT ใหม่ที่ถูกนำเข้ามาเพื่อแทนที่ชุดมาตรวัดดิจิตอลผสมอนาล็อกของเดิมในรุ่นปัจจุบันนั่นเอง ขอบคุณข้อมูลจาก Motorcycle.com อ่านข่าว BMW เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival