หลังจากที่ก่อนหน้านี้พวกเราได้นำเสนอข่าว Kawasaki เตรียมคืนชีพเครื่องยนต์ 2 จังหวะ ให้มีชีวิตกลับขึ้นมาใหม่ในยุคนี้ แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้เกิดข้อถกเถียงมากมายในเน็ต โดยเฉพาะเรื่องของค่ามลพิษ ที่หลายฝ่ายไม่เชื่อพวกเขาจะทำให้มันผ่านมาตรฐานปัจจุบันได้ แต่จากการวิเคราะห์ล่าสุดของฝั่งญี่ปุ่น ดูเหมือนว่าเรื่องนี้อาจเป็นไปได้ เพียงแค่มันอาจจะดูน่าผิดหวังไปสักหน่อย ปัญหาหลักที่เครื่องยนต์ 2 จังหวะ จะต้องเจอในยุคนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องค่าไอเสียที่เข้มงวดมาก จนแม้แต่เครื่องยนต์ 4 จังหวะ ก็อาจจะไม่รอด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเผาไหม่ที่ไม่สมบูรณ์ เพราะมีการผสมน้ำมันหล่อลื่นลงไปในห้องเผาไหม้ นอกจากนี้ไอดีและเชื้อเพลิงที่ยังไม่เผาไหม้ ยังสามารถไหลไปปนกับไอเสียและถูกปล่อยสู่อากาศได้อีก ทางแก้ของ Kawasaki อาจจะใช้วิธีการตัดปัญหา แล้วเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์สันดาปด้วยไฮโดรเจนแทน ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เราแต่งขึ้นเอง เพราะค่ายเขียวได้ทำการเปิดตัวยานพาหนะ 4 ขา รุ่นต้นแบบอย่าง CORLEO ที่งาน Osaka Expo 2025 ประเด็นสำคัญคือมันมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 จังหวะ 1 สูบ 150 ซีซี พ่วงระบบอัดอากาศ Turbo Charge ที่ทำการจุดระเบิดด้วยเชื้อเพลิงไฮโดรเจน…
Author: Kristha
ย้อนกลับไปที่การแข่งขัน AmericanGP ในช่วงก่อนออกตัว พวกเราก็ได้เห็นประเด็นดราม่าเมื่อ Marc Marquez ตัดสินใจนำรถจากกริดกลับเข้าพิท เพื่อไปเปลี่ยนเป็นรถคันใหม่ที่มียางใหม่ ซึ่งเหมาะสมกับสภาพอากาศมากกว่า แน่นอนว่าตามปกติแล้วนักแข่งที่ทำแบบนี้ จะต้องออกตัวจากพิทเลน แต่เมื่อนักแข่งคนอื่นเห็น Marc Marquez ขยับตัว ทุกคนก็ขยับตามบ้าง ส่งผลให้มีนักแข่งมากกว่า 10 คน ตัดสินใจเข็นรถกลับเข้าพิทเพื่อเปลี่ยนยางเหมือนกัน สุดท้ายคณะกรรมการผู้จัดการแข่งขันต้องตัดสินใจเลื่อนการสตาร์ทออกไป เพราะการมีนักแข่งเป็นสิบคนออกตัวพร้อมกันจากพิทเลน นั้นถือว่าไม่ปลอดภัยเป็นอย่างมาก สุดท้ายเมื่อถึงเวลาเริ่มแข่งจริง นักแข่งทุกคนก็ออกตัวตามกริดที่ได้รับ โดยไม่มีใครถูกลงโทษ แน่นอนว่ามีนักแข่งและทีมจำนวนมากไม่พอใจกับเรื่องนี้ ขณะเดียวกันหลายฝ่ายก็ชื่นชมความเด็ดขาดของทีมและ Marc Marquez ที่ยอมเสี่ยงออกตัวจากพิทเลน หากนักแข่งคนอื่นไม่เข็นรถตามออกมาด้วย แต่ล่าสุดก็มีคนไปพบหลักฐานว่า Marc Marquez ได้นัดแนะกับทีม Ducati ตั้งแต่ก่อนออกตัวว่าจะทำการนำรถกลับเข้าพิทไปเปลี่ยนคันใหม่ ส่งผลให้ MotoGP ตัดสินใจเพิ่มบทลงโทษ Long Lap Penalty 2 รอบ สำหรับนักแข่งคนใดก็ตาม ที่ขัดขวาง หรือทำให้การออกสตาร์ทเกิดความล่าช้า ซึ่งการกระทำที่เข้าข่ายนี้ก็มีทั้ง…
ในช่วงที่กระแสของรถบิ๊กไบค์เกียร์ออโต้กำลังได้รับความสนใจ พวกเราได้เห็นรถอย่าง Honda CB650R ที่ทำการติดตั้งระบบ E-Clutch มาให้จนผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องกำคลัทช์อีกต่อไป ซ้ำด้วยปลายปีที่แล้วคู่แข่งอย่าง Yamaha MT-07 Y-AMT ก็เปิดตัวตามมาพร้อมระบบที่คล้ายกัน แล้วรถคันไหนคือรถที่ใช่สำหรับเรา? เครื่องยนต์Honda CB650R E-Clutch : 4 สูบ Flat Plane Crankshaft / 4 วาล์วต่อสูบ / DOHC / ระบายความร้อนด้วยน้ำ / ปริมาตรกระบอกสูบ 649 ซีซีYamaha MT-07 Y-AMT : 2 สูบ Cross Plane Crankshaft / 4 วาล์วต่อสูบ / DOHC / ระบายความร้อนด้วยน้ำ / ปริมาตรกระบอกสูบ…
คนที่ดูการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตอย่าง MotoGP น่าจะเคยได้ยินชื่ออาการ อาร์มปั๊ม(Arm Pump) ผ่านหูกันมาบ้าง ซึ่งส่งผลให้นักแข่งเหล่านั้นต้องออกจากการแข่งขันกลางรายการ หรือถูกส่งตัวไปผ่าตัดกันหลายคน ก้อง สมเกียรติ จันทรา ก็เป็นนักแข่งอีกคนที่เพิ่งทำการผ่าตัดรักษาอาการนี้ ซึ่งทำให้เขาต้องออกจากการแข่งสนามล่าสุดอย่างกะทันหัน อาร์มปั๊ม(Arm Pump) หรือชื่อทางการแพทย์คือ Chronic Exertional Compartment Syndrome (CECS) มีสาเหตุมาจากการออกแรง หรือเกร็งกล้ามเนื้อช่วงแขนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน เช่นการขี่รถแข่งเป็นเวลานานโดยไม่พัก การเบรกอย่างรุนแรงในรถแข่งก็ถือเป็นการสร้างภาระให้กับกล้ามเนื้อแขน ส่งผลให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนและส่งออกซิเจนไปที่กล้ามเนื้อแขนได้ตามปกติ ทำให้เกิดอาการ “ชา” หรือ “เจ็บ” อย่างรุนแรงตามมา ตามปกติแล้วอาการนี้จะหายไปภายใน 30 นาที หลังจากหยุดพัก เมื่อนักแข่งทำแบบนี้อย่างต่อเนื่องนานวันเข้า ร่างกายจะเริ่มสร้างพังผืดรอบกล้ามเนื้อเอาไว้ ซึ่งพังผืดที่ว่านี้ไม่มีความยืดหยุ่นเหมือนกล้ามเนื้อปกติ ทำให้เลือดไหลเวียนได้ยากขึ้น ส่งผลให้อาการอาร์มปั๊มเกิดขึ้นได้ง่าย และรุนแรงขึ้นในระยะยาว ทำให้ในปัจจุบันวิธีการรักษาอาการอาร์มปั๊มนั้นจะมีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือการผ่าตัดที่เรียกว่า Fasciotomy ซึ่งจะทำการผ่าเอาพังผืดออกไป แล้วแยกกล้ามเนื้อที่เป็นปัญหาออกจากกัน ทำให้กล้ามเนื้อนั้นไม่กลับมามัดตัวรวมกันอีก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้รับประกันว่าอาการนี้จะไม่กลับมา เพราะถ้าหากใช้กล้ามเนื้อแขนซ้ำต่อไป อาการนี้ก็อาจจะกลับมาที่จุดเดิม…
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พวกเราที่ติดตามข่าวสารวงการยานยนต์ ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ ก็คงจะได้เห็นรถต้นแบบ หรือรถรุ่นใหม่หลายรุ่นจากหลายค่าย ที่แห่กันเลือกใช้พลังงานไฮโดรเจนเป็นตัวชูโรง ไม่ว่าจะมาในรูปแบบเซลล์ไฟฟ้า หรือแบบสันดาปก็ตาม แต่คำถามคือ “ปั้มเติมไฮโดรเจนก็ไม่มี แถมดูไกลตัว ทำไมค่ายรถยังขยันทำกันอยู่?” ขอดีของเชื้อเพลิง Hydrogen คือการที่มันไม่ปล่อยมลพิษประเภทคาร์บอนออกสู่ชั้นบรรยากาศ ไม่ว่าจะเป็น Carbon Dioxide หรือ Carbon Monoxide โดยของเสียที่ได้เพียงอย่างเดียวจากการใช้ Hydrogen Fuel Cell นั้นจะมีเพียงแค่น้ำเปล่าเท่านั้น แต่ถ้าเอามาใช้ในการจุดระเบิด มันจะยังคงปล่อย Nitrogen Oxide ซึ่งยังถือว่าเป็นพิษอยู่ นอกจากนี้การเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจนยังทำได้รวดเร็วกว่าการชาร์จไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ แถมยังมีน้ำหนักที่เบากว่ามาก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังกินพื้นที่การติดตั้งมากกว่าถังน้ำมัน แถมเป็นเชื้อเพลิงที่มีต้นทุนสูงที่สุดในการผลิต เนื่องจากการผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจนต้องใช้ไฟฟ้า หลายคนเลยมองว่าเอาไฟฟ้าตรงนั้นมาเติมเข้ารถโดยตรง คงจะเป็นทางเลือกที่มีเหตุผลมากกว่า ซึ่งข้อเสียมากมายเหล่านี้ก็เป็นเหตุผลให้เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ไม่ได้เกิดในหลายประเทศทั่วโลก แต่คำถามคือทำไมเรายังเห็นรถมอเตอร์ไซค์ต้นแบบพลังงานไฮโดรเจนอย่าง Kawasaki H2 HYse หรือเครื่องยนต์ V8 ที่ทาง Yamaha กับ Toyota…
BMW R1300RS รถมอเตอร์ไซค์สูบนอนรุ่นใหญ่ ในสไตล์สปอร์ตทัวริ่งจาก BMW ที่เป็นเหมือนกับการนำเอา R1300R ร่างสปอร์ตเปลือยที่เพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ไม่นาน มาทำการพัฒนาต่อ เพิ่มเติมแฟริ่งบังลมเข้าไป ให้สามารถใช้ขับขี่เดินทางข้ามทวีปได้อย่างสนุกสนาน กระฉับกระเฉง ตัวรถถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานเดียวกับ R1300RT ที่เปิดตัวในวันเดียวกัน มาพร้อมเครื่องยนต์ Boxer ลูกใหญ่แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ปริมาตรกระบอกสูบ 1,300 ซีซี ที่สามารถสร้างพละกำลังสูงสุด 145 Hp ที่ 7,750 รอบต่อนาที และแรงบิดที่มากถึง 149 Nm ที่ 6,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังสู่ล้อหลังด้วยเพลา ตามแบบร่างยกสูง พร้อมตัวเลือกระบบเกียร์อัตโนมัติ ASA เป็นอุปกรณ์เสริม และเช่นเดียวกับพี่น้องของมัน BMW ได้ทำการเปลี่ยนเฟรมเหล็กท่อแบบเก่า ให้เป็นเฟรมเหล็กแผ่นขึ้นรูป ส่วนเฟรมท้ายทำจากวัสดุอลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบาลงกว่าเดิม รูปลักษณ์ภายนอกของตัวรถถูกอัพเดตให้มีความแหลมคมมากกว่าเดิม พื้นที่แฟริ่งบังลมใหญ่มากกว่ารุ่นเก่า รายละเอียดโดยรวมถูกปรับให้สปอร์ตมากขึ้น ถังน้ำมันขนาด 17 ลิตร, น้ำหนักรวมของเหลวอยู่ที่…
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ พวกเราได้พาทุกคนไปทำความรู้จักกับความเป็นมาของทีม BK8 Gresini Racing ซึ่งถือเป็นตัวเต็งแชมป์ประเภททีมอิสระ รวมถึงมีลุ้นเป็นแชมป์ประเภทนักแข่งด้วย และล่าสุดในการแข่งขันที่ประเทศสเปน Alex Marquez ก็สามารถคว้าแชมป์สนามครั้งแรกของตัวเองมาได้สำเร็จ จนกลายเป็นผู้นำตารางคะแนนนำหน้า Marc Marquez และกลายเป็นพี่น้องคู่แรกที่คว้าแชมป์ในรุ่นใหญ่มาได้ Alex Marquez Alenta เกิดเมื่อวันที่ 23 เมษายน 1996 ที่ประเทศสเปน ในครอบครัวมอเตอร์สปอร์ต เขาเดินตามรอยพี่ชายอย่าง Marc Marquez เข้าสู่วงการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ โดยเริ่มจากรายการปั้นเด็กอย่าง CEV Buckler Championship ในปี 2010 ซึ่งจะใช้ตัวแข่งสเปคเดียวกับรายการชิงแชมป์โลกคลาส 125 ซีซี และสามารถขึ้นมาต่อสู่ในหัวแถวกับ Alex Rins ได้ในปีถัดมา และจบลงด้วยการเป็นรองแชมป์ ในปี 2012 เป็นปีที่การแข่งขันรุ่น 125 ซีซี ทำการเปลี่ยนสเปครถและชื่อรายการเป็น Moto3 นักแข่งดาวรุ่งของเราก็ได้รับสิทธิ์…
ในยุคปัจจุบัน ภาพลักษณ์ของสินค้าจากประเทศจีนเริ่มพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านการออกแบบที่มีความเป็นตัวของตัวเอง เทคโนโลยีที่ทัดเทียมคู่แข่งได้แบบสูสี คุณภาพที่ทนทาน พร้อมการรับประกันที่จริงใจ แต่วันนี้เราอยากจะพาทุกคนมารู้จักกับ Sukuli Motorcycle ค่ายรถมอเตอร์ไซค์จากจีน ที่เปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจจากค่ายรถรายอื่นที่เราคุ้นเคย Sukuli Motorcycle นั้นเป็นค่ายรถจากประเทศจีน ที่ถูกก่อตั้งโดยบริษัท Jiangsu Sukuli มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตรถมอเตอร์ไซค์ที่มีรูปลักษณ์ภายนอกที่ได้แรงบันดาลใจมาจากค่ายรถกระแสหลักอีกทีนึง เพราะแม้แต่โลโก้ก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก Suzuki เรียกได้ว่าถ้าไม่นับในส่วนของรายละเอียดทางเทคนิค หน้าตาของผลงานของพวกเขาก็เหมือนต้นฉบับจนแทบจะแยกไม่ออก เพราะไม่ว่าเราจะอยากได้รถรุ่นอะไร BMW S1000RR, Ducati Streetfighter V4 หรือ Kawasaki Z1000 ถ้ารถคันจริงเหล่านั้นมันไกลเกินเอื้อม พวกเขาก็สามารถสร้างรถที่เหมือนกับต้นฉบับ แบบงานมิลเลอร์เกรดเอ 90% มาให้ได้อย่างแน่นอน ซึ่งงานสร้างของรถแต่ละคันก็ไม่ใช่ธรรมดา รถบางคันก็แทบจะบอกไม่ได้เลยว่ามาจาก Sukuli Motorcycle ถ้าไม่ได้เดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ทางด้านของสเปคโดยรวม รถแต่ละคันนั้นจะถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานเดียวกัน โดยจะมีการแบ่งชุดเฟรมออกเป็นสไตล์สปอร์ตสำหรับรถอย่าง BMW S1000RR และรถครุยเซอร์อย่าง Indian Scout…
ในยุคที่รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตสายสนาม ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ได้ล้มหายไปจากตลาดจนเกือบสูญพันธุ์ เราก็ได้เห็นการมาถึงของรถสปอร์ตสายถนน ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น และจัดเต็มเทคโนโลยีไม่ต่างกับรุ่นใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Yamaha R9 หรือ Ducati Panigale V2 แต่ในปีนี้เรามีลุ้นได้เห็นการเปิดตัวของ Suzuki GSX-R900 จากค่ายคนบ้าอยู่อีกคัน ซึ่งสเปคของมันจะเป็นแบบไหน เราจะมาวิเคราะห์ไปด้วยกัน ก่อนอื่นเราก็ต้องขออธิบายก่อนว่าเดิมทีรถที่ค่ายคนบ้าใช้ในการแข่งขัน World Supersport นั้นจะเป็น Suzuki GSX-R600 แต่หลังจากที่กติกาถูกปรับจนทำให้รถเครื่องใหญ่สามารถลงแข่งได้ พวกเขาก็ได้เลือกใช้ GSX-R750 มาลงแข่งขันแทน แน่นอนว่าถึงแม้เครื่องยนต์ของมันจะใหญ่ขึ้น แรงขึ้น แต่ก็ไม่สามารถสู้กับรถรุ่นใหม่แบบ Yamaha R9 ได้เลย เพราะนอกจากจะเสียเปรียบด้านปริมาตรกระบอกสูบ มันยังเสียเปรียบด้านเทคโนโลยีที่ต่างกันเป็น 10 ปี ซึ่งเรื่องนี้ค่ายคนบ้าก็ไม่นิ่งนอนใจ เพราะผู้บริหารของ Suzuki ได้ออกมาให้ข้อมูลกับสื่อว่า มีแผนที่จะชุบชีวิตรถซุปเปอร์สปอร์ตคลาสกลางขึ้นมาอีกครั้ง แถมยังมีลุ้นที่จะเปิดตัวภายในปลายปีนี้ที่งาน EICMA 2025 อีกต่างหาก…
ในยุคสมัยที่ผู้คนให้ความสนใจกับรถมอเตอร์ไซค์แบบออโตเมติก แต่ขณะเดียวกัน ในกลุ่มคนที่ต้องทำงานหาเลี้ยงชีพด้วยรถมอเตอร์ไซค์ ไม่ว่าจะเป็นไรเดอร์หรือวินหน้าปากซอย รถที่ยังได้รับความนิยมอยู่เสมอยังคงเป็นรถแม่บ้าน แบบมีเกียร์ แต่ไม่มีคลัทช์อย่าง Honda Wave 110i และ Yamaha Finn ที่มีจุดเด่นด้านความประหยัด แล้วคันไหนคือรถคันที่ใช่สำหรับเรา? เครื่องยนต์Honda Wave 110i : 1 สูบ / 2 วาล์วต่อสูบ / SOHC / ระบายความร้อนด้วยอากาศ / ปริมาตรกระบอกสูบ 109.5 ซีซี / สตาร์ทได้จากทั้งมือและเท้าYamaha Finn : 1 สูบ / 2 วาล์วต่อสูบ / SOHC / ระบายความร้อนด้วยอากาศ / ปริมาตรกระบอกสูบ 114 ซีซี /…
