2025 Kawasaki Z900 รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตเปลือยคลาสกลาง จากค่ายเขียว Kawasaki มีลุ้นเตรียมเปิดตัวรุ่นปรับโฉมปลายปีนี้ หลังจากที่ Z900 โฉมแรกนั้นถูกเปิดตัวไปตั้งแต่ช่วงปลายปี 2016 เพื่อมาทำหน้าที่แทนรถยอดฮิตอย่าง Z800 ที่เป็นหนึ่งในรถที่ปลุกกระแสบิ้กไบค์ในไทย ก่อนที่รถรุ่นปรับโฉมครั้งล่าสุดที่ขายอยู่ในปัจจุบัน จะทำการเปิดตัวในช่วงปลายปี 2019 ซึ่งจากลำดับเวลาตรงนี้ก็ทำให้เราเดาได้ไม่ยากว่ารถรุ่นอัตเดตสเปคใหม่ จ่อเปิดตัวอยู่ไม่ไกล โดยเหตุผลที่ทำให้เราเชื่อว่า 2025 Kawasaki Z900 รุ่นใหม่มีแนวโน้มว่าจะถูกเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ นอกจากจะเป็นเรื่องอายุการขายของโมเดลปัจจุบัน ที่ถูกลากขายมานานจนสุกงอมได้ที่ อีกส่วนนึงก็คือเรื่องที่ Kawasaki ได้ทำการทะยอยเปิดตัวรถสีใหม่สำหรับปี 2025 ให้เราเห็นไปแล้วหลายรุ่น แต่ในรายชื่อรถสีใหม่เหล่านั้นกลับไม่มี Z900 อยู่ด้วย หมายความว่าถ้าไม่ใช่เพราะค่ายเขียวเลือกจะทิ้งรถรุ่นนี้ไป ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วกับรถคลาสกลาง ที่ถือเป็นกลุ่มขายดีในตลาดโลก ก็ต้องแปลว่าพวกเขากำลังเตรียมเปิดตัวรถรุ่นปรับโฉมใหม่ ที่มีการอัพเดตและอัพเกรดสเปครอบคัน ในอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้ ทางด้านสเปคพื้นฐานนั้นก็คาดว่าจะไม่ได้จากออกไปจากเดิมมากนัก เครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ 4 สูบเรียง ปริมาตรกระบอกสูบ 948 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุด 123 Hp…
Author: Kristha
Kawasaki J350 รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กสกู๊ตเตอร์รุ่นใหม่จากค่ายเขียว Kawasaki ที่กำลังถูกพูดถึงเป็นข่าวลืออยู่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ว่าทางค่ายกำลังซุ่มพัฒนาเพื่อหวังว่าจะตีตลาดรถบิ๊กสกู๊ตเตอร์ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเราก็ได้ทำการวิเคราะห์ความเป็นไปได้เกี่ยวกับรถคันนี้ไปแล้ว ว่ารถรุ่นนี้มีโอกาสถูกสร้างขึ้นจริงไหม และจะถูกเปิดตัวกันปลายปีนี้จริงหรือเปล่า(อ่านที่นี่) แต่วันนี้เราจะพาทุกคนมาชวนคุย ชวนวิเคราะห์กันว่าถ้ารถรุ่นนี้ถูกสร้างขึ้นจริง มันควรจะต้องมีสเปคแบบไหน เพื่อที่จะให้เปิดตัวออกมาแล้วไม่น้อยหน้าคู่แข่ง ก่อนอื่นเราก็ขอพูดถึงชื่อของมันกันก่อน ว่าชื่อที่ทั้งเราหรือสื่อเจ้าอื่นรายงาน ไม่ว่าจะเป็น J350 หรือ J400 นั้นยังไม่ใช่ชื่ออย่างเป็นทางการของมัน ถ้ารถคันนี้มีตัวตนอยู่จริง มันอาจจะใช้ชื่อใหม่ไปเลย หรืออาจจะรักษาชื่อรถตระกูล J เอาไว้แบบเดียวกับรถรุ่นเก่า J300 ที่พัฒนาร่วมกับค่ายรถไต้หวัน Kymco ทางด้านของมิติตัวรถก็มีความเป็นไปได้สูง กว่าจะเกาะกลุ่มอยู่กับคู่แข่งรายอื่นในตอนนี้อย่าง Honda Forza 350 หรือ Yamaha Xmax 300 ที่ไม่ได้มีขนาดตัวที่ใหญ่หรือเล็กเกินไป ส่วนหนึ่งก็เพราะขนาดตัวประมาณนี้ เป็นขนาดของตัวรถที่เหมาะสมกับการใช้งาน ไม่ได้จนเทอะทะ หรือเล็กจนใช้สอยได้ลำบาก นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ของ Kawasaki ยังเคยบอกด้วยว่าพวกเขาไม่คิดจะสู้ในตลาดรถขนาดเล็ก ที่เสียเปรียบคู่แข่งอยู่แล้ว ทางด้านเครื่องยนต์ มีแนวโน้มว่าจะเป็นเครื่องยนต์ลูกใหม่ของตัวเอง ที่ไม่ได้เป็นการนำเอาเครื่องยนต์ที่มีอยู่แล้วของค่ายอื่น มาติดตั้งในรถที่มีงานออกแบบใหม่เพียงอย่างเดียว…
2025 Yamaha YZF-R3 รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตคลาสเริ่มต้น จากค่ายส้อมเสียง Yamaha ที่ปัจจุบันถูกลากขายมาอย่างยาวนาน จนทำให้หลายคนคิดว่ามันจะไม่ได้ไปต่ออีกแล้ว แต่ล่าสุดก็ได้มีข้อมูลหลุดมาจากประเทศอินโดนีเซีย เกี่ยวกับรหัสของตัวรถรุ่นใหม่ที่แตกต่างออกไปจากเดิม ทำให้พวกเรามีหวังได้เห็นมันถูกปรับโฉมในอนาคตอันใกล้ ข้อมูลรหัสของ Yamaha YZF-R3 หรือ YZF-R25 รุ่นใหม่ที่หลุดออกมาจากประเทศอินโดนีเซียนั้นถูกเผยแพร่โดยสื่อดังอย่าง Iwanbanaran ที่เคยมีประวัติการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยว Yamaha Nmax 155 รุ่นใหม่ล่าสุด แน่นอนว่าพอรถคันจริงถูกเปิดตัว เราก็ได้เห็นว่าข้อมูลเหล่านั้นก็ถูกต้องแทบทั้งหมด ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ข้อมูลจะมาจากทางฝั่งนั้น เพราะฐานการผลิตของรถค่ายส้อมเสียงหลายรุ่นก็ตั้งอยู่ในอินโดนีเซียนั่นเอง โดยรหัสของ Yamaha YZF-R3 รุ่นที่ขายอยู่ปัจจุบันนั้นมีชื่อว่า BR-5 ในขณะที่รหัสของตัวรถรุ่นใหม่ที่ถูกเจอคือ BR-A และนี่ก็พอจะช่วยให้เราเดาได้ว่าตัวรถรุ่นใหม่ น่าจะเป็นการปรับโฉมในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอกเป็นหลัก แต่อาจจะมีการปรับปรุงระบบกันสะเทือน และระบบเบรกเพิ่มเข้ามาเล็กน้อย ซึ่งเราเชื่อว่าแฟนคลับหลายคนก็อาจจะคาดหวังว่ารถรุ่นใหม่ จะได้รับการปรับปรุงเพิ่มในส่วนของเครื่องยนต์เป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นรถที่วางจำหน่ายมานาน และคู่แข่งรายอื่นก็ขยับหนีไปใช้ความจุใหญ่ขึ้นเป็น 400 ซีซี กันหมดแล้ว ถ้าเราดูที่แนวโน้มของงานออกแบบของรถสปอร์ตตระกูล R series ในค่ายก็คงจะเดากันได้ไม่ยากว่า YZF-R3…
หลังจากที่มีการยืนยันออกมาอย่างเป็นทางการ ว่ารถมอเตอร์ไซค์คลาสตำนานตามแบบฉบับญี่ปุ่น ที่จะมาพร้อมเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ 400 ซีซี จากค่ายปีกนก Honda ได้มีการตอบรับอย่างเป็นทางการโดยทางค่ายเอง ว่ามาแน่นอน ขอเวลาพัฒนาอีกไม่นาน เพียงแต่ยังไม่มีการระบุชื่อรุ่น หรือสไตล์ของตัวรถที่ชัดเจน แต่สิ่งหนึ่งที่อาจจะขัดใจแฟนคลับคลาสนี้คือ รถคลาสตำนานจากญี่ปุ่น จะไม่ได้ผลิตที่ญี่ปุ่นอีกแล้ว ก่อนอื่นเราต้อนย้อนความกันก่อน ว่ารถมอเตอร์ไซค์คลาสตำนานสไตล์ญี่ปุ่นที่ใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ 400 ซีซี นั้นมีจุดกำเนิดจากกฎหมายใบขับขี่ของญี่ปุ่น ที่แบ่งขั้นของใบขับขี่ด้วยขนาดความจุเครื่องยนต์ที่ 400 ซีซี แต่การจะทำใบขับขี่ขั้นสูงกว่านั้นก็เป็นเรื่องยุ่งยาก จนผู้ใช้หลายคนเลือกที่จะหยุดการทำใบขับขี่ไว้แค่ใช้กับรถในตลาสเริ่มต้น เหล่าค่ายใหญ่จากญี่ปุ่นจึงพัฒนารถสปอร์ตที่ใช้สเปคระดับเดียวกับรถตัวท็อปของค่าย แต่จำกัดขนาดเครื่องยนต์ไม่ให้เกินข้อกำหนดของใบขับขี่ที่ว่าออกมา ผลที่ได้คือรถมอเตอร์ไซค์แบบ 4 สูบ 400 ซีซี กลายเป็นสุดยอดรถมอเตอร์ไซค์คลาสเล็กในสมัยนั้น ซึ่งโดดเด่นออกมาจากรถประเภทอื่นในระดับเดียวกัน แต่ความนิยมของรถกลุ่มนี้ก็ตกต่ำลงตามเศรษฐกิจญี่ปุ่น การจะมองหาลูกค้าจากต่างประเทศก็เป็นเรื่องยาก เพราะประเทศอื่นไม่ได้มีการแบ่งประเภทใบขับขี่ด้วยขนาดเครื่องยนต์ ทำให้ไม่ติดอยู่กับข้อจำกัดเหล่านี้ การกลับมาอีกครั้งของรถคลาสตำนานในยุคปัจจุบัน เกิดขึ้นเมื่อค่ายเขียว Kawasaki ทำการเปิดตัวตำนานยุคใหม่อย่าง ZX-4R ที่พาให้กระแสของรถกลุ่มนี้กลับได้รับความสนใจอีกรอบ ถึงแม้ว่าตลาดในตอนนี้จะให้ความสนใจกับรถที่มีลูกสูบน้อยลง มีแรงบิดมากขึ้น…
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คนที่ติดตามข่าวมอเตอร์ไซค์อยู่ตลอด ก็คงจะทราบกันดีว่าค่ายรถหลายค่าย โดยเฉพาะค่ายรถพรีเมี่ยมจากทางยุโรป เริ่มกระโดดเข้ามาสู่ตลาดของรถมอเตอร์ไซค์คลาสเริ่มต้น ที่มีความจุเครื่องยนต์ประมาณ 250-500 ซีซี กันมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ซึ่งดูแล้วก็เหมือนจะเป็นแนวทางของธุรกิจที่มีเหตุผล เพื่อที่ค่ายรถจะสามารถดึงลูกค้าหน้าใหม่เข้าสู่แบรนด์ได้ในระยะยาว แต่ค่ายแดง Ducati กลับไม่คิดแบบนั้น ข้อมูลนี้เป็นสิ่งที่ออกมาจากปากของ Claudio Domenicali ผู้มีตำแหน่งเป็น CEO ของ Ducati ที่ได้กล่าวไว้ช่วงงาน World Ducati Week 2024 ว่า “Ducati จะไม่สร้างรถมอเตอร์ไซค์คลาสเล็ก Ducati เป็นแบรนด์ที่มีความทะเยอทะยาน เรามีศักดิ์ศรีในแบรนด์ระดับนึง(ต้นทางใช้คำว่า prestige ที่แปลว่า ศักดิ์ศรี หรือ เกียรติ)” ซึ่งก็คงเป็นเรื่องจริงที่ภาพลักษณ์ของค่ายนี้ จะวนอยู่กับรถมอเตอร์ไซค์ระดับบน ที่แทบจะเป็นเหมือนความฝันนักขี่ส่วนใหญ่ การทำให้รถเข้าถึงง่ายเกินไปอาจจะส่งผลกระทบกับภาพลักษณ์ในระยะยาว แต่ในขณะเดียวกัน ด้วยตลาดที่เปลี่ยนไป เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจในระดับโลกที่ไม่เหมือนเดิม ผู้คนเริ่มให้ความสนใจกับรถมอเตอร์ไซค์ในที่คลาสเล็กลง และราคาถูกลง โดยเฉพาะตลาดของทวีปเอเชียที่มีอัตราการเติบโดตของรถในคลาส 250-500 ซีซี ค่อนข้างสูง…
Honda CBR400RR รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตคลาสตำนานรุ่นใหม่ 4 สูบเรียง 400 ซีซี จากค่ายปีกนก Honda คาดอยู่ระหว่างการพัฒนา โดยมันจะถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของ CB400 Super Four ที่เป็นตัวตายตัวแทนของรถไฟกลมในตำนาน พร้อมความเป็นไปได้ที่จะมีการติดตั้งระบบคลัทช์ไฟฟ้า E-Clutch มาให้จากโรงงาน แต่รถสปอร์ตสายสนาม จำเป็นต้องมีระบบนี้จริงหรอ? โดยภาพเรนเดอร์และข้อมูลล่าสุดนี้ ก็มาจากนิตยสาร Young-Machine เจ้าประจำข่าววงในค่ายญี่ปุ่น ที่ได้บอกว่ารถสปอร์ตคลาสตำนานแบบ 4 สูบเรียง 400 ซีซี ในโฉมฟูลแฟริ่งนั้นกำลังถูกพัฒนาอยู่ แน่นอนว่าเป็นการเอาพื้นฐานของเครื่องยนต์ลูกใหม่มาจาก CB400 Super Four มาสานต่อแตกไลน์เพิ่ม โดยรายละเอียดในตอนนี้ของรถรุ่นใหม่นั้นยังมีอยู่อย่างจำกัด เพราะแม้แต่ชื่อของมัน เราก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะเป็น CBR400RR จริงหรือไม่ แต่ถ้าสไตล์ของตัวรถเป็นสายสนามชัดเจนแบบ Kawasaki ZX-4R ชื่อจริงของมันก็คงไม่พ้นไปจากนี้ ในส่วนของสไตล์การออกแบบก็มีข้อมูลว่าจะคล้ายคลึงกับ CBR250RR ที่มีความโฉบเฉี่ยว แหลมคม ตามกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ขับขี่อายุน้อย ต่างกับรถใหญ่ที่มีความเรียบง่ายมากกว่า…
Honda CB400 รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตคลาสตำนาน 4 สูบเรียง 400 ซีซี จากค่ายปีกนก Honda ที่ได้ทำการยุติการจำหน่ายไปเมื่อปี 2022 เนื่องจากไม่สามารถผ่านมาตรฐานไอเสียในยุคปัจจุบันได้ และหลังจากที่มีข่าวลือเกี่ยวกับตัวตายตัวแทนรุ่นใหม่มานาน วันนี้เราเลยจะพามาอัพเดตข้อมูลทั้งหมดที่เรามี ว่ารถรุ่นใหม่นั้นจะเป็นไปในทิศทางไหน เริ่มกันด้วยข้อมูลที่สำคัญที่สุดที่เป็นการยืนยันการมีตัวตนอยู่ของรถรุ่นนี้ ซึ่งได้มาจากนิตยสารญี่ปุ่น Young-Machine ที่ได้ถามกับ Minoru Kato ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายรถจักรยานยนต์ของ Honda และก็เป็นเรื่องน่าตกใจที่คนของค่ายปีกนกได้ทำการยืนยันเองเลย ว่ารถรุ่นใหม่แบบ 4 สูบเรียง 400 ซีซี นั้นกำลังพัฒนาอยู่จริง และพวกเขาก็ได้ล็อคสเปคที่จะขายได้แล้ว เพียงแต่ต้องใช้เวลาสักพักในการพัฒนา และในตอนนี้ยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการออกมา เครื่องยนต์ที่ใช้จะเป็นเครื่องยนต์ลูกใหม่หมดจด ไม่ได้พัฒนาต่อมาจากของเก่า และจะไม่มีระบบวาล์วแปลผัน ทางด้านของพละกำลังจะอยู่ที่ประมาณ 60-70 แรงม้า โดยจะสร้างมาเพื่อเน้นในงานในชีวิตจริงมากกว่าในสนามแบบ Kawasaki ZX-4R ด้วยการเพิ่มแรงบิดในรอบกลางให้มากกว่า แลกกับการมีแรงม้าน้อยกว่า รูปแบบงานดีไซน์จะเป็นแบบเรโทรร่วมสมัย ที่เป็นเหมือนกับการเอา CB400 Super Four มาพัฒนาต่อให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น…
หลังจากการเปิดตัว Yamaha MT-09 Y-AMT อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ซึ่งเป็นรถรุ่นใหม่ที่ได้รับการติดตั้งระบบเกียร์และคลัทช์ไฟฟ้า จนทำให้ผู้ขี่ไม่จำเป็นต้องกำคลัทช์ หรือเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเองอีกต่อไป แต่ถ้าใครที่ติดตามข่าววงการมอเตอร์ไซค์ในช่วงปีที่ผ่านมา เราก็จะเห็นได้ว่าค่ายรถหลายราย กำลังพยายามพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถขับขี่รถ Bigbike ของตัวเองได้ไม่ต่างจากรถสกู๊ตเตอร์เกียร์ออโตเมติก วันนี้เราเลยจะพามาดูกันว่าทำไมค่ายรถแต่ละราย ถึงพัฒนาไปในทางเดียวกัน อันที่จริงแล้ว การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องกำคลัทช์นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะในรถบ้านทั่วไปก็มีการใช้งานระบบเกียร์ CVT หรือ Continuously Variable Transmission หรือ เกียร์อัตราทดแปรผันต่อเนื่อง ที่นิยมใช้กับในรถมอเตอร์ไซค์สกู๊ตเตอร์อยู่แล้ว ถ้าย้อนไปอีกหน่อยก็จะเป็นระบบ คลัทช์แบบแรงเหวี่ยงหนีสูนย์กลาง ที่จะทำงานเมื่อรอบเครื่องยนต์หมุนเร็วกว่าที่กำหนด แต่ก็มีข้อจำกัดที่ผู้ขี่ยังจำเป็นต้องเปลี่ยนเกียร์เองอยู่ และระบบเหล่านี้ก็ไม่เหมาะที่จะใช้งานกับรถที่มีสมรรถนะสูง ถัดมาคือระบบ Quickshifter ที่ถือเป็นระบบที่มีความเรียบง่าย และสามารถนำมาใช้งานกับรถสมรรถนะสูงได้ เพราะถูกพัฒนาขึ้นมาสำหรับการใช้งานในสนามเป็นหลัก โดยระบบที่ว่านี้จะไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับชุดเกียร์ของเดิมมากนัก เพียงแต่จะช่วยส่งสัญญาณตัดการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ในช่วงเวลาสั้น ๆ ตอนที่เราทำการเปลี่ยนเกียร์ แต่ข้อจำกัดของระบบนี้คือไม่สามารถใช้งานได้ในรอบต่ำ หรือใช้สำหรับการออกตัวได้ แต่ด้วยความเรียบง่าย ก็ทำให้มันถูกติดตั้งอย่างแพร่หลายตั้งแต่ออกจากโรงงาน แต่จุดเปลี่ยนสำคัญคือในช่วงปีที่แล้วที่ Honda ทำการเปิดตัวระบบ E-Clutch หรือ…
Yamaha MT-09 Y-AMT ราคา ขายไทยเท่าไร? รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตเปลือยรุ่นใหม่ล่าสุด จากค่ายส้อมเสียง Yamaha ที่ได้ทำการเปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ ที่มีการติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติ Y-AMT อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ซึ่งระบบที่ว่านี้จะช่วยให้ผู้ขี่ไม่จำเป็นต้องกำคลัทช์หรือตบเกียร์อีกต่อไป เรียกได้ว่าเปลี่ยนเจ้าแห่งแรงบิดให้กลายเป็นรถออโตเมติกเต็มรูปแบบ แต่ราคาของรถรุ่นนี้จะอยู่ที่เท่าไร จะแพงกว่ารุ่นท็อปอย่าง MT-09 SP หรือไม่? Yamaha MT-09 Y-AMT นั้นเป็นการเอารถ MT-09 รุ่นมาตรฐาน มาทำการติดตั้งระบบ Y-AMT ซึ่งระบบที่ว่านี้จะเป็นการติดตั้งชุดควบคุมเกียร์ และชุดความคุมคลัทช์ด้วยระบบไฟฟ้าเข้าไป แล้วปล่อยให้ตัวรถทำหน้าที่ตัดสินใจเปลี่ยนเกียร์และกำคลัทช์แทนเรา ส่งผลให้ตัวรถสามารถขับขี่แบบเกียร์อัตโนมัติได้เต็มรูปแบบ แต่เราก็ยังสามารถเปลี่ยนไปเลือกเกียร์เองได้ ผ่านสวิตช์ที่มีเครื่องหมาย + และ – ที่ประกับแฮนด์ด้านซ้าย การวิเคราะห์ราคาจำหน่ายของรถรุ่นนี้ในประเทศไทย ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเท่าไรนัก เพราะตัวรถรุ่นนี้ได้ทำการประกาศราคาอย่างเป็นทางการออกมาแล้วที่สหราชอาณาจักร โดยเราขอเริ่มด้วยรถที่เปิดตัวไปแล้วก่อน ซึ่งรถในรุ่นมาตรฐานนั้นจะมีราคาอยู่ที่ 9,816 GBP (ประมาณ 439,000 บาท) ในขณะที่รุ่น SP จะมีราคาอยู่ที่…
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พวกเราหลายคนที่ติดตามวงการรถมอเตอร์ไซค์ ก็คงจะสังเกตได้ว่าความนิยมของรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์นั้นอ่อนลงไปมาก ถ้าเทียบกับกระแสความบูม ที่เราสามารถเห็นคนขี่รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่กันเต็มถนนเมื่อประมาณ 10 ปี ก่อน ซึ่งกระแสที่ว่านั้นก็ถูกแทนที่ด้วยการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของรถแนวบิ๊กสกู๊ตเตอร์ วันนี้เราเลยจะพามาดูกัน ว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ตลาดเปลี่ยนไป แน่นอนว่าประเด็นแรกที่เป็นตัวบีบให้กระแสของรถมอเตอร์ไซค์ Bigbike ต้องเบาบางลงก็เป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เพราะหลังจากที่ทั้งโลกต้องเจอกับปัญหาโรคระบาด Covid-19 จนทำให้ทุกอย่างต้องชะงัก หลายคนไม่มีงานทำ หรือต่อให้มีงานทำก็ไม่มีลูกค้าเหมือนปกติ ซ้ำด้วยภาวะสงครามในต่างประเทศ ในสภาพการณ์แบบนี้ สิ่งที่ทุกคนต้องทำเหมือนกันคือการประหยัดอดออมให้มากที่สุด และตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป และด้วยความที่ Bigbike นั้นเป็นสินค้าที่ถูกซื้อเพราะความอยากได้เป็นหลัก ไม่ใช่ของที่จำเป็นกับชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ และมันอาจจะไม่ใช่รถที่ถูกหยิบเอามาขับขี่ทุกวัน แต่จะใช้เพื่อความบันเทิงเป็นบางเวลามากกว่า แถมราคาของมันก็แพงพอกับรถยนต์คันเล็ก ๆ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ Bigbike จะเป็นของอย่างแรก ๆ ที่ถูกตัดออกไปเพราะความจำเป็น ไม่ต่างจากของเล่นและสินค้าฟุ่มเฟือยอย่างอื่น นอกจากนี้การปรับโครงสร้างภาษีใหม่ ก็ทำให้รถหลายรุ่นมีราคาแพงขึ้นแบบก้าวกระโดด นอกจากนี้ผู้ใช้ Bigbike ส่วนใหญ่ก็มักจะมองรถแบบนี้เป็นแค่รถทางเลือก คือต้องมีรถสกู๊ตเตอร์ประจำบ้าน หรือมีรถยนต์สักคันไว้เน้นใช้งานก่อน ถึงจะเริ่มมองหา Bigbike เพื่อเติมเต็มความอยากได้ส่วนตัว แต่ในสภาพเศรษฐกิจที่ผู้คนจำนวนมากก็แทบจะไม่สามารถครอบครองรถคันแรกได้แล้ว การจะมองหาภาระก้อนใหม่มาจอดไว้ที่บ้านโดยที่แทบไม่ได้ใช้งาน จึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเท่าไร…