เปิดประสบการณ์แรกกับคู่พี่น้อง Honda Neo Sport Cafe “CB650R” และ “CB1000R”

0

Honda Neo Sport Cafe ถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์กลุ่มใหม่ที่ทางค่ายปีกนกพยายามดันทำตลาดมาตลอด 2-3 ปีมานี้ ซึ่งในโฉมโมเดลล่าสุดอย่าง CB650R ที่พึ่งเปิดตัวในไทยไปไม่นานนักที่งาน Motor Expo 2018 เองก็ได้รับกระแสตอบรับที่ถือว่าดีเยี่ยม อาจจะด้วยความที่รูปร่างหน้าตาของมันนั้นดูสวยงามและมีออพชันค่อนขางจัดเต็มไม่แพ้พี่ใหญ่สุดซึ่งก็คือเจ้า CB1000R

และเมื่อไมกี่วันที่ผ่านานี้เอง ทางทีมงาน MotoRival เรา ก็ได้รับเชิญจาก A.P. Honda ให้เข้าร่วมทริปทดสอบทั้ง CB650R และ CB1000R คู่หู Neo Sport Cafe โดยเป็นการขี่ทดสอบตัวรถจากศูนย์ Honda Bigwing เลียบด่วน จ.กรุงเทพ เดินทางไปยังชายหาดหัว-หิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมบททดสอบในสนามแข่ง แกงกระจานเซอร์กิต ซึ่งคิดระยะทางคร่าวๆ แบบประเมินทั้งทริปคาดว่าจะต้องมีแต่หลัก 300 กว่ากิโลเมตรขึ้นไป และในครั้งนี้เราก็จะมาบอกเล่าถึงฟีลลิงการใช้งานของทั้งสองคันที่ว่านี้กันครับ

2019-Honda-CB650R-Press-trip-05-10-ed
โดยก่อนอื่นราคงต้องขอเริ่มจากฝั่งน้องรองอย่าง CB650R ก่อน

ซึ่งเพื่อนๆหลายคนคงทราบกันดีว่าแท้จริงแล้ว เจ้า Neo Sport Cafe – Naked Bike พิกัด 650cc คันนี้ มีพื้นฐานเดียวกันกับ CBR650R แทบทั้งคัน แต่จะแตกต่างกันตรงช่วงครึ่งหน้า ซึ่งเปลี่ยนจาการใช้แฟริ่งครอบเต็ม เป็นถอดแฟริ่งออกแล้วใช้ชุดไฟหน้า LED โคมกลม ประกบซ้าย/ขวาด้วยหลอดไฟเลี้ยง LED เช่นเดียวกับด้านหลัง และมีแผ่นปิดทรงสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดขนาบข้างช่วงถังน้ำมัน

2019-Honda-CB650R-Press-trip-02-07-ed
ขณะที่ชุดแฮนด์บาร์ก็เป็นแบบ Fat-Bar ดูแน่นหนาแข็งแรง และหากถามถึงการจัดตำแหน่งท่านั่ง ก็คงต้องบอกว่าทางวิศวกรของ Honda ได้ออกแบบให้ผู้ขี่ต้องโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย และกดตัวเองลงต่ำอีกนิดหน่อย เพื่อให้สมกับคอนเซ็ปท์ตัวรถที่บอกว่ารถมอเตอร์ไซค์แนวคาเฟ่ต์ ดังนั้นสำหรับผู้ขี่ที่ยังไม่ชินกับตัวรถอาจจะมีการระบมที่ข้อมือบ้างถ้าไม่จัดท่านั่งดีๆเมื่อขี่ไปนานๆ

ส่วนความกว้างของแฮนด์ถือว่ากำลังดี ไม่แคบหรือกว้างจนเกินไป สามารถมุดตัวรถไปตามช่องจราจรได้อย่างไม่ติดขัดอะไรนัก (จริงๆเท่าที่ผู้เขียนได้ลองมุดดู ต้องบอกว่าคล่องตัวสุดๆเลยด้วยซ้ำล่ะครับ)

2019-Honda-CB650R-Press-trip-04-09-ed
ตัวเครื่องยนต์ ด้วยความที่เป็นแบบ 4 สูบเรียง จึงทำให้ตัวรถไม่ค่อยมีแรงในการออกตัวช่วงรอบต่ำๆเท่าไหร่นัก ขณะที่หากพูดถึงแรงในช่วงรอบสูงๆก็ค่อนข้างน่าเสียดายที่ในการออกทริปครั้งนี้ เรามีพี่ตำรวจเป็นผู้นำขบวน จึงทำให้ไม่สามารถใช้ความเร็วเฉลี่ยได้เกิน 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง (จริงๆก็มีแอบซัดขึ้น 160 บ้าง แต่ก็แค่ซัดแก้ง่วงสั้นๆ กับพี่ๆสื่อด้วยกันเท่านั้น และทำได้เพียงไม่กี่ครั้ง)

อย่างไรก็ดี ด้วยความที่ก่อนหน้านี้เราเคยนำเจ้า CBR650R มาทดสอบและรีวิวแล้วเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเท่าที่เราได้สัมผัสมาก็ดูเหมือนว่าทาง Honda จะไม่ได้ปรับจูนเครื่องยนต์ของ CB650R ให้มีนิสัยต่างออกไปจากร่างสปอร์ตของมัน ดังนั้นสำหรับกำลังในช่วงรอบสูงๆจึงบอกได้เลยว่าหายห่วง แถมการใช้งานในช่วงความเร็วเดินทางที่ 120-140 กิโลเมตร/ชั่วโมงนั้น ยังทำได้แบบสบายๆหายห่วง เพราะเราแทบไม่เจอกาการสั่น และตัวรถก็สามารถเร่งความเร็วเพิ่มเพื่อฉีกแซงยานพาหนะคันข้างหน้าได้โดยไม่มีอาการอืดอาดให้เห็นเท่าไหร่นัก

2019-Honda-CB650R-Press-trip-03-08-ed
ด้านระบบกันสะเทือนที่ในที่สุดทาง Honda ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นแบบหัวกลับ อัพไซด์ดาวน์ ในรถมอเตอร์ไซค์พิกัดนี้ ก็ต้องบอกตามตรงว่า การเซ็ทติ้งโดยรวมของ CB650R นั้นค่อนข้างคล้ายคลึงกับ CBR650R คู่แฝดของมัน หรือแทบจะไม่ต่างเลยด้วยซ้ำ

นอกจากนี้ ด้วยความที่ในการทดสอบทริปนี้ ทาง A.P. Honda ได้มีการจัดให้พวกเราผู้สื่อข่าวได้นำตัวรถลงไปขี่ทดสอบในแทร็คแก่งกระจาน ซึ่งแม้ว่าอาจจะไม่ใช่แทร็คที่ใหญ่อะไรนัก แต่ด้วยลักษณะโค้งที่มีทั้งแคบและกว้าง รวมถึงความไม่ค่อยเรียบของตัวผิวแทร็ค จึงทำให้เราพบว่าเซ็ทติ้งเดิมๆของ CB650R นั้น จัดว่าทำมาได้นิ่ง และหนึบ

2019-Honda-CB650R-Press-trip-06-11-ed
ขณะเดียวกันก็มีความหนืด ความนุ่ม กำลังดี สามารถซับแรงจากเนินหนักๆตอนความเร็วสูงได้แทบจะอยู่หมัด และไม่มีอาการหน้าไวให้เห็นเท่าไหร่นักแม้ตัวรถจะเป็นมอเตอร์ไซค์แบบแน็คเก็ทไบค์ ส่งผลให้พอใช้งานจริงตัวผู้เขียนค่อนข้างมั่นใจทั้งในการเข้าโค้งด้วยความเร็วๆสูงๆ หรือการเลี้ยวโค้งแบบต่อเนื่องสลับซ้าย/ขวาไปมาได้อย่างอุ่นใจกับเจ้านี่มากเลยทีเดียว

ด้านระบบเบรกที่เปลี่ยนมาเป็นแบบคาลิปเปอร์เรเดียลเมาท์ เองก็ถือว่าทำงานได้ดีมาก สามารถหยุดตัวรถกับผู้ขี่ที่มีน้ำหนักรวมกันเกือบ 300 กิโลกรัมได้อย่างมั่นใจ และตัวระบบ ABS ที่ติดรถมาเองก็ทำงานได้อย่างดีเยี่ยม (อันนี้ต้องชมจริงๆเพราะทำงานได้ค่อนข้างละเอียดกว่าของค่ายอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด)

2019-Honda-CB1000R-Press-trip-09-15-ed
และคราวนี้เราก็จะมาพูดถึงพี่ใหญ่อย่าง CB1000R Neo Sport Cafe คันนี้กันบ้าง

แน่นอนว่าในส่วนของ CB1000R นี้เอง แท้จริงแล้วมันก็มีพื้นฐานใกล้เคียง CBR1000RR แต่ถูกนำมาดัดแปลงใหม่จนเรียกได้ว่าน่าจะมีแค่เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 998cc กับ ชุดโช้กหัวกลับคู่หน้ากับระบบเบรกและล้อหน้าเท่านั้นที่คล้ายคลึงกัน นอกนั้นทั้งชุดเฟรมหลัก, ซับเฟรม, เบาะนั่ง, ถังน้ำมัน, ระบบไฟส่องสว่างรอบคัน, และสวิงอาร์มหลังแบบโปรอาร์มล้วนถูกสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดเพื่อให้ตรงกับโจทย์การเป็นรถมอเตอร์ไซค์แนว Neo Sport Cafe แทบทั้งสิ้น

2019-Honda-CB1000R-Press-trip-10-16-ed
ส่วนดีไซน์ของท่านั่งเมื่อได้ลองสัมผัสครั้งแรกตัวผู้ทดสอบพบว่าไม่จำเป็นต้องก้มลงไปมากมายนักเหมือนตอนลองควบ CB650R เท่าไหร่นัก หรือว่าง่ายๆก็คือตำแหน่งแฮนด์บาร์ของ CB1000R มีความใกล้ตัวและสูงมากกว่ารุ่นน้อง ซึ่งเมื่อประกอบกับองศาแผงคอที่ค่อนข้างชันกับระยะเทรลที่ไม่ได้ยาวมากเท่าไหร่ รวมถึงฐานล้อที่ค่อนข้างสั้น ทำให้เราสามารถพลิกรถได้ง่ายมาก ค่อนข้างคล่องตัว แม้ในช่วงความเร็วต่ำๆน้ำหนักตัวเมื่อรวมของเหลวของมันที่มากถึง 212 กิโลกรัมจะทำให้เรารู้สึกหน่วงๆอยู่บ้างตอนพยายามทรงตัวหรือบาลานซ์รถ

ขณะเดียวกันทันทีที่เริ่มเปิดคันเร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนปรับโหมดเครื่องยนต์เป็นโหมด Sport หรือโหมด User (อีก 2 โหมดที่เหลือคือ Standard และ Rain) ที่ตั้งระดับพละกำลังไว้สูงสุด ตัวรถก็พร้อมจะทะยาน หรือกระโจนออกแทบจะทันที และเมื่อตัวรถเริ่มทำความเร็วแตะราวๆ 140 กิโลเมตร/ชัวโมงขึ้นไป เรากลับพบว่าช่วงหน้าตัวรถมีอาการหน้าดิ้นให้รู้สึกค่อนข้างชัดเจน (ซึ่งอาจจะเป็นเพราะสภาพถนนขณะนั้นด้วย)

2019-Honda-CB1000R-Press-trip-06-12-ed
นอกจากนี้ในตอนที่เราได้ลองนำตัวรถไปขี่ทดสอบในแทร็คแก่งกระจาน เราพบว่าอาการตัวรถมีให้เห็นค่อนข้างชัดเจนมาก เรียกได้ว่ามากกว่า CB650R เสียอีก ทั้งการดิ้นของช่วงหน้าเอง รวมถังอาการย้วยของชุดโช้กหน้า/หลัง ซึ่งเรามองว่าอาจจะด้วยเซ็ทติ้งเดิมๆของเจ้า CB1000R คันนี้ตอนออกโรงงานที่ออกแบบมาเพื่อเอาไว้รองรับการใช้งานในเมือง หรือแบบเดินทางชิลๆมากกว่า เพราะตอนใช้งานแบบนั้นถือว่าระบบช่วงล่างตัวรถทำได้ดีจริงๆ

ทว่าพอต้องมาถูกเค้นหนักๆในสนามแล้ว มันกลับสวนทางกัน แต่ด้วยความที่ทั้งระบบโช้กหน้า และหลังของ CB1000R คันนี้ สามารถปรับเซ็ทได้ค่อนข้างละเอียด ดังนั้นถ้าหากเรามีเวลาในการปรับเซ็ทตัวรถกันสักนิด เชื่อว่าอาการตัวรถในสนามจะต้องดีขึ้นอีกโข

2019-Honda-CB1000R-Press-trip-11-17-ed
อย่างไรก็ดีในการทดสอบทั้ง Honda CB650R และ Honda CB1000R ครั้งนี้ ยังเป็นเพียงแค่การทดสอบแบบพอหอมปากหอมคอเท่านั้น ซึ่งหลังจากนี้ เราจะนำตัวรถทั้งสองคัน มาทีรีวิวแบบฉบับเต็มอีกครั้งแน่นอน รอชมกันได้เลยครับ

สุดท้ายนี้ของขอบคุณทาง A.P. Honda ที่ได้มอบโอกาสสุดพิเศษกับทางทีมงาน MotoRival ของเราในครั้งนี้ครับ

Test Rider + Writer + Photo : รณกฤต ลิมปิชาติ
ขอบคุณภาพเพิ่มเติมบางส่วนจาก A.P.Honda

อ่านข่าวสาร Honda เพิ่มเติมที่ได้ที่นี่

เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ

Share.

About Author

error: Content is protected !!