หลังทาง Ducati Factory MotoGP ได้มีการประกาศไปว่า Jack Miller จะกลายมาเป็นนักบิดคนใหม่ของทีมในการแข่งขันปี 2021 – 2022 กระแสตอบรับจากแฟนๆของทีมก็ถือว่าเป็นไปในทิศทางบวกพอสมควร ซึ่งโดยประวัติส่วนตัวแล้ว เจ้าหนูผุ้เคยเอาแชมเปญเทใส่เรซซิ่งบู๊ทแล้วกรอกปากตนเองคนนี้จะมาอะไรที่น่าสนใจอยู่บ้าง เรามาดูกันเลยครับ
Jack Miller เกิดเมื่อวันที่ 18 มกราคา ปี ค.ศ. 1995 มีบ้านเกิดคือเมือง Townsville, Queensland ของประเทศออสเตรีเลีย ซึ่งจุดเริ่มต้นการเป็นนักบิดของเขานั้น ก็เหมือนๆกับที่นักบิดทางเรียบดาวรุ่งชื่อดังหลายๆคนเคยประสบกัน นั่นก็คือการเป็นนักบิดสายฝุ่นมากก่อน ซึ่งในฝั่ง Miller นั้นมีรางวัลระดับแชมป์ประเทศอยู่ในมือถึง 6 สมัย ก่อนที่ต่อมาจะเริ่มเข้าสู่วงการแข่งรถจักรยานยนต์ทางเรียบอย่างจริงจังในช่วงก่อนปี 2010
พอเข้าสู่ปี 2011 Miller ที่อายุเพียง 16 ขวบก็สามารถคว้าแชมป์ศึก IDM 125cc Championship ซึ่งเป็นอีกหนึ่งศึกระดับยุโรปที่จัดขึ้นในประเทศเยอรมัน ทำให้ต่อมาในปี 2012 เขาได้รับโอกาสให้ขึ้นมาแข่งในศึก Moto3 ทันทีกับทีมสังกัด Honda แต่มาเริ่มรุ่งอย่างจริงจังในปี 2014 ที่เขาได้มาอยู่ภายใต้สังกัด KTM Ajo และสามารถทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องจนทาง HRC หรือ Honda Racing Corporation ต้องประกาศดึงขึ้นมาสู่เวทีรุ่นใหญ่หรือ MotoGP ในทันทีสำหรับปี 2015 ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่า Miller ได้ข้ามขั้นจากรุ่นเล็กสุด มาสู้รุ่นใหญ่สุดทันที โดยไม่ต้องไปเสียเวลาอีก 1 ปีเป็นอย่างน้อยในรุ่น Moto2 เหมือนอย่างที่นักแข่งคนอื่นๆต้องทำกัน ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการแข่งขัน MotoGP ที่เกิดกรณีข้ามขั้นเช่นนี้
อย่างไรก็ดีพอขึ้นสู่ปี 2015 ปรากฏว่าผลงานของ Jack Miller นั้นไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก เนื่องจากสามารถเก็บแต้มสะสมไปได้เพียง 17 แต้ม และจบอันดับบนตารางคะแนนตอนสิ้นปีด้วยอันดับที่ 19 พอเข้าสู่ปี 2016 ก็ดีขึ้นมาอีกนิดหน่อย ด้วยการคว้าชัยชนะในศึก DutchTT ไปได้ แต่หลังจากนั้นก็ฟอร์มลุ่มๆดอนๆเหมือนเดิม (ส่วนใหญ่เสียแต้มไปกับคือพลาดล้มและบาดเจ็บ) และจบอันดับบนตารางคะแนนสิ้นปีด้วยอันดับที่ 18 กับคะแนน 57 แต้ม และในปี 2017 ก็ทำอันดับดีที่สุดคืออันดับ 6 ไปได้ 2 สนาม พร้อมจบอันดับที่ 11 บนตารางคะแนนสะสมตอนสิ้นปีด้วยคะแนน 82 แต้ม พร้อมกับล้มน้อยลง
จนถึงปี 2018 ที่เจ้าตัวได้ย้ายมาอยู่กับ Pramac Ducati ที่อยากลองเสี่ยงกับนักบิดดาวรุ่งคนนี้อีกครั้ง ซึ่งเขาก็ตอบแทนความเชื่อใจได้ค่อนข้างดี เพราะสามารถเข้ากันกับตัวแข่ง Ducati Desmosedici GP17 ได้อย่างรวดเร็ว แถมยังคว้าตำแหน่งโพลโพซิชันที่อาร์เจนติน่าด้วยการใช้ยางสลิกบนแทร็คที่ยังชุ่มด้วยน้ำเล็กน้อยหลังฝนตกเพียงคนเดียว ซึ่งนี่ถือเป็นจุดที่ทางให้ Miller โดดเด่นขึ้นมาอย่างมากในช่วงเวลาดังกล่าว จนทาง Ducati เริ่มมีแนวคิดที่อยากจะนำเขามาเป็นนักบิดในทีมโรงงาน แต่หลังจากนั้นก็ยังเข้าเส้นชัยด้วยอันดับเลขตัวเดียวได้อีกไม่กี่ครั้งอยู่ดี และจบอันดับบนตารางคะแนนสะสมตอนสิ้นปีไปด้วยอันดับ 13 กับคะแนน 91 แต้ม
มาสู่ปี 2019 เรียกได้ว่าเป็นปีที่รุ่งสุดๆอย่างแท้จริงของ Jack Miller อย่างแท้จริง เพราะพอเขาได้ขี่ตัวแข่งสเปคโรงงาน (Ducati Desmosedici GP19 ) เขาก็สามารถขึ้นโพเดี้ยมได้ถึง 5 ครั้ง นอกนั้นก็ไม่ได้ขี้แหร่เท่าไหร่นักโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับ Danilo Petrucci ที่อาจจะคว้าแชมป์ที่ Mugello ในปี 2019 ไปได้ และ Ducati ก็มอบสัญญาทีมโรงงานปี 2020 ให้ทันที่เลยก็จริง แต่หลังจากนั้นก็ฟอร์มรูดระนาว จนเป็นเหตุให้ทาง Ducati เลือกนำ Miller ไปเสียบแทนในปี 2021-2022 นั่นเอง (ส่วนผลงานของ Miller ใน MotoGP 2019 ก็คือเขาสามารถสะสมคะแนนไปได้ทั้งหมด 165 แต้ม และจบอันดับบนตะรางคะแนนสะสมตอนสิ้นปี ด้วยลำดับ 8)
อ่านข่าวสาร MotoGP เพิ่มเติมที่ได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ
