หลัง Jorge Lorenzo ประกาศไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยว่าตนจะรีไทร์จากอาชีพนักบิด MotoGP เมื่อจบการแข่งขันสนามสุดท้ายที่ Valencia สุดสัปดาห์นี้ ดังนั้นเพื่อเป็นการอำลานักบิดดีกรีแชมป์โลก 5 สมัยรายนี้ เราจึงพาเพื่อนๆไปชมสถิติใหญ่ๆที่ JL99 ได้เคยทำไว้กันสักนิดดีกว่าครับ ว่าจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง
– ในการแข่งขันศึก JapaneseGP ปีล่าสุด Lorenzo ได้ลงแข่งขันเป็นสนามที่ 200 ของตนตลอดชีวิตนักแข่งระดับ MotoGP ซึ่งนั่นทำให้เขากลายเป็นนักบิดลำดับที่ 7 ที่สามารถแข่งรุ่นพรีเมียร์คลาสได้มากครั้งขนาดนี้เคียงคู่ไปกับ Dani Pedrosa ที่รีไทร์จากวงการไปเมื่อปีก่อน
– ในวัย 32 ปี กับอีก 169 วัน ที่สนามแข่งเดิมคือ ทวินริง โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น Lorenzo กลายเป็นนักบิดอายุน้อยที่สุด ที่ได้ลงแข่งรุ่นพรีเมียร์คลาส (รวม MotoGP และ GP500) ครบ 200 สนาม ทำลายสถิติเดิมของ Dani Pedrosa ที่เคยทำไว้ในศึก QatarGP 2018 ด้วยวัย 32 ปี กับอีก 170 วัน
– Lorenzo คือนักบิดสเปนที่สามารถชนะในการแข่งขัน MotoGP มากครั้งเป็นอันดับที่ 2 รองจาก Marc Marquez ที่ทำไว้ 55 ครั้ง (ส่วนสถิติของ Lorenzo คือ 47 ครั้ง)
– Lorenzo คือนักบิดอายุน้อยที่สุดลำดับที่ 3 ที่สามารถคว้าชัยชนะในศึกรุ่น MotoGP ได้ ด้วยอายุ 20 ปี กับอีก 345 วัน ตามหลัง Marc Marquez (20 ปี กับอีก 63 วัน) และ Dani Pedrosa (20 ปี กับอีก 227)
– อย่างไรก็ดี หากเทียบสถิติก่อนหน้านี้ กับอายุของนักบิดทั้งหมดที่เคยแข่งขันรุ่นใหญ่ของศึก World Grand Prix มา Lorenzo คือนักบิดอายุน้อยที่สุดลำดับที่ 6 ที่สามารถคว้าแชมป์ในศึกรุ่นใหญ่ ทั้ง MotoGP และ GP500 ได้
– นอกจากนี้ ด้วยการคว้าแชมป์แชมสนามรุ่น GP250 ที่สเปน เมื่อปี 2006 กับอายุแค่เพียง 18 ปี และอีก 326 วัน ทำให้เขากลายเป็นนักบิดอายุน้อยที่สุดลำดับที่ 4 ที่สามารถคว้าแชมป์รุ่นรอง (GP250/Moto2) ได้ และในปีเดียวกันนั้นเองเมื่อเขาคว้าแชมป์โลกรุ่น GP250 ได้ เขาก็กลายเป็นนักบิดอายุน้อยที่สุดลำดับที่ 2 ที่สามารถคว้าแชป์โลกรุ่นรอง (GP250/Moto2) ได้ ด้วยวัย 19 ปี กับอีก 178 วัน เป็นรองแค่ Dani Pedrosa ที่ทำสถิติไว้ด้วยวัย 19 ปี กับอีก 18 วัน)
– Lorenzo คือนักบิดอายุน้อยที่สุดที่ได้เข้าร่วมกันแข่งขันระดับ World GP ด้วยอายุเพียง 15 ปี และอีก 1 วัน
– จากการคว้าแชมป์โลกในการแข่งขันระดับ World GP ทั้ง 5 สมัย (GP250 2 สมัย และ MotoGP อีก 3 สมัย) ทำให้เขากลายเป็นนักบิดสเปนคนที่ 3 ที่สามารถคว้าแชมป์โลกในการแข่งขันระดับ World GP ได้มากสมัยที่สุด เป็นรองเพียง Marc Marquez ที่คว้าแชมป์โลกไป 8 สมัย กับ Angel Nieto ที่คว้าแชมป์โลกไป 12+1 สมัย (ในปี 1972 Neito ได้แชมป์โลกทั้ง 2 รุ่นที่ลงแข่งขัน)
– นับตั้งแต่ปี 2008 ที่ Lorenzo ได้ขยับขึ้นมาแข่งในรุ่น MotoGP พอเข้าปี 2009 เขาก็สามารถคว้าแชมป์โลกได้อีกถึง 3 สมัย (2010, 2012, 2015) นอกนั้นก็จบฤดูกาลด้วยผลคะแนน 1 ใน 3 ของตารางมาโดยตลอดในช่วงปี 2009-2016 โดยผลคะแนนที่ดีที่สุดของเขาก็คือ 383 แต้มเมื่อจบการแข่ง MotoGP ปี 2010 ทั้ง 18 สนามซึ่งรักษาสถิติคะแนนสะสมสูงสุดเอาไว้ได้นานถึง 9 ปี จนกระทั่งในปีนี้กลายเป็น Marc Marquez ที่ทำลายสถิตินี้ลงได้ด้วยคะแนน 395 แต้ม
– และในปี 2010 ที่ว่านี้เอง Lorenzo ก็ได้กลายมาเป็นนักบิดสเปนคนที่ 2 ที่สามารถคว้าแชมป์โลกในรุ่นใหญ่ได้ ต่อจาก Alex Criville ที่เคยทำไว้เมื่อครั้งการแข่ง GP500 ปี 1999
– ในการแข่งขันที่ Mugello ปี 2018 Lorenzo กลายเป็นนักบิดคนที่ 2 ของโลก ที่สามารถคว้าแชมป์สนามด้วยตัวแข่ง จาก Yamaha กับ Ducati (ส่วนคนที่ทำได้ก่อนหน้านี้คือ Loris Capirossi)
– Lorenzo ต้องใช้เวลาในการแข่งขันทั้งหมด 24 สนาม ถึงจะคว้าแชมป์สนามให้กับ Ducati ได้ แต่นั่นก็มีเพียงนักบิดแค่ 2 คนเท่านั้นที่ทำได้ดีกว่าเขา นั่นก็คือ Capirossi ที่คว้าแชมป์สนามกับตัวแข่ง Ducati ได้ด้วยการแข่งขันสนามที่ 6 และ Casey Stoner ที่คว้าแชมป์สนามด้วยตัวแข่งของ Ducati ได้ตั้งแต่สนามแรกที่ลงแข่ง
– การคว้าแชมป์สนามใน Mugello เมื่อปี 2018 ถือเป็นหนุ่งในการชนะ 25 ครั้งจากทั้งหมด 47 ครั้งที่เขาสามารถวิ่งนำเข้าเส้นชัยก่อนใครได้ทุกรอบโดยไม่มีใครมาแซงขั้นนำในจังหวะเข้าเส้นเลย (หมายความว่าจาก 25 ใน 47 ครั้งนั้น เป็นการชนะที่ Lorenzo ทำได้ด้วยการวิ่งฉีกหนีคู่แข่งยาวๆทั้งหมด)
– ในการแข่งขันที่ Barcelona เมื่อปี 2018 Lorenzo กลายเป้นนักบิดคนที่ 4 ที่สามารถแข่งในศึกระดับ WorldGP ได้ครบ 150 สนาม ต่อจาก Giacomo Agostini, Valentino Rossi, และ Dani Pedrosa
– และจากผลการแข่งขันที่สนามเดียวกัน ปีเดียวกัน กับสถิติด้านบนเอง ก็ได้ทำให้ Lorenzo กลายเป็นนักบิด คนที่ 8 ของโลก ที่สามารถคว้าโพลโพซิชันได้ด้วยตัวแข่ง 2 ค่าย ตั้งแต่ปี 2002 ช้ากว่าแค่ Valentino Rossi, Andrea Dovizioso, Casey Stoner, Max Biaggi, Sete Gibernau และ Aleix Espargaro.
– ในการคว้าแชมป์สนามที่ Austria เมื่อปี 2018 เป็นการชนะครั้งที่ 29 จากทั้งหมด 47 ครั้ง ที่เขาชนะได้โดยไม่ต้องพึ่งตำแหน่งกริดสาตร์ทลำดับที่ 1 หรือโพลโพซชัน (หมายความว่าอีก 18 ครั้งเป็นการคว้าแชมป์สนามจากการออกตัวในตำแหน่งโพลโพซิชันทั้งหมด)
– ในปี 2015 Lorenzo กลายเป็นนักบิดคนที่ 3 ที่ต้องรอลุ้นแชมป์โลกรุ่นใหญ่สุดในสนามสุดท้ายของฤดูกาล โดยมีเพียง Wayne Rainey (ปี 1992) กับ Nicky Hayden (ปี 2006) เท่านั้นที่เคยทำสถิติเดียวกันกับ JL99 ไปก่อน
ส่วนสถิติตัวเลขอื่นๆที่น่าสนใจของ Jorge Lorenzo ก็มีเพิ่มเติมอีกดังนี้
– ลงแข่งไปแล้วทั้งหมด 296 เรซ และในสุดสัปดาห์นี้จะเป็นเรซที่ 297
– คะแนนสะสมตลอดอาชีพนักบิด (ไม่นับสนามล่าสุดที่กำลังจะเกิดขึ้นในสุดสัปดาห์นี้) 3,943 แต้ม
– ได้โพลโพซิชัน 69 ครั้ง
– ขึ้นโพเดี้ยมทั้งหมด 152 ครั้ง
– ชนะมาแล้วทั้งหมด 68 ครั้ง จากการแข่งทุกคลาส (GP125, GP250, MotoGP)
อ่านข่าว MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ
