ตัวแข่ง MotoGP ล้มแต่ละที เสียกี่บาท ?

0

อย่างที่เพื่อนๆทราบกันว่างบประมาณในการสร้างตัวแข่ง MotoGP สักคันหนึ่งนั้น ต้องใช้เงินทะลุหลัก 100 ล้านบาทขึ้นไปแทบทั้งสิ้น แต่นั่นเป็นราคาแบบรวมแพ็คเกจรถทั้งคัน แล้วถ้างั้น ในตอนที่นักบิดทำรถล้มแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะหนักหรือเบา พวกเขาต้องเสียเงินค่าปรับจากการทำรถล้มแต่ละครั้งหรือเปล่า และค่าเสียหายในการล้มแต่ละครั้งมันหนักหนาแค่ไหนกัน ?

Jorge Martin crash
ก่อนอื่น สิ่งที่เพื่อนๆต้องทำความเข้าใจเป็นอย่างแรก ก็คือแม้นักบิดจะพลาดล้มไปสักกี่ครั้ง พวกเขาก็ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายกับตัวรถที่เกิดขึ้น เพราะอุบัติเหตุคือสิ่งที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้วในการแข่งขัน และทางทีมก็รู้ดีว่านักบิดไม่ได้อยากให้มันเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เนื่องจากถ้าล้มตัวนักบิดเองก็เสียแต้มในการแข่งขันไปเช่นกัน แต่ทั้งนี้ถ้าหากนักบิดล้มมากๆ สุดท้ายมันก็อาจจะจบด้วยการที่นักบิดรายนั้นไม่สามารถอยู่กับทีมต่อไปได้ (ถ้าอยู่ต่อไปก็ทำแต้มให้ทีมไม่ได้ แถมยังทำรถพังให้เสียตังค์ไปเปล่าๆอีก)

zarco-dovi-crash-catalangp2020-03
อย่างไรก็ดี ในส่วนของค่าใช้จ่าย เมื่อรถเกิดล้ม หรือพังแต่ละครั้ง ทางทีมแข่งก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนค่าเสียหายของชิ้นส่วนเหล่านั้นอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นทีมโรงงาน ที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนเหล่านั้นเองอยู่แล้ว หรือทีมรอง ทีมอิสระ ที่นอกจากจะเช่ารถของทีมโรงงานแล้ว ก็ต้องควักเงินในกระเป๋าจ่ายค่าเสียหายชิ้นส่วนที่พังไปตอนนักบิดทำล้มเองด้วย ซึ่งหากตีเป็นเลขกลมๆ ส่วนประกอบในตัวแข่ง MotoGP แต่ละคัน ก็จะสามารถตีมูลค่าได้ (และทางทีมแข่งเปิดเผย) ก็มีจะดังนี้

29-99-crash_2
– ตัวแข่งทั้งคัน : สนนราคาราวๆ 120 ล้านบาท สำหรับรถ 2 คัน ต่อนักบิด 1 คน ใน 1 ฤดูกาล หรืออาจจะลดลงมาเหลือราวๆ 80 ล้านบาท สำหรับรถ 2 คัน ต่อนักบิด 1 คน ใน 1 ฤดูกาล สำหรับตัวแข่งทีมรอง ซึ่งเป็นตัวแข่งของฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งไม่ได้ถูกติดตั้งเทคโนโลยีของปีปัจจุบันเข้าไป และอันที่จริงก็เป็นราคาเช่ารถ ไม่ใช่ราคาซื้อขาด

– เครื่องยนต์ 1 ลูก (ที่ปีนึงต้องใช้ 7-9 ลูก แล้วแต่ทีมแข่ง) : สนนราคาลูกละราวๆไม่เกิน 10 ล้านบาท รวมวัสดุ, ค่าพัฒนา และค่าผลิตแล้ว

– หม้อน้ำ : ใบละราวๆ 400,000 บาท

– ชุดระบบเบรก : ชุดละราวๆ 3 ล้านบาท เป็นราคาพร้อมอะไหล่สำรอง เช่น คาลิปเปอร์เบรกสำรอง หรืออะไหล่สิ้นเปลือง เช่นจานเบรก และผ้าเบรกที่ต้องเปลี่ยน ที่ต้องเปลี่ยนทุกเรซ หรือทุกครั้งที่ล้ม เรียบร้อยแล้ว (*เพิ่มเติม ราคาจานเบรกคาร์บอน เพียงอย่างเดียว ตกชุดละ 400,000 บาท)

– ชุดล้อหน้า-หลัง : ตกคู่ละราวๆ 160,000 บาท (ต้องเปลี่ยนทุกครั้งที่ล้ม เพราะเป็นล้อแมกนีเซียม ซึ่งเสียหายจากแรงกระแทกได้ง่ายมาก)

– ยาง 1 คู่ : ตกคู่ละราวๆ 500,000 บาท (ไม่ได้แพงที่วัสดุ แต่แพงที่ค่าวิจัย และค่าพัฒนา เนื่องจากยางรถแข่ง MotoGP ต้องมีการปรับสูตรแทบจะตลอดเวลา)

– ชุดระบบอิเล็กทรอนิกส์ (ทั้งกล่องควบคุมและเซนเซอร์ต่างๆ) : ตกชุดละราวๆ 4 ล้านบาท (ชุดหน้าจอประมาณ 100,000 บาท, ชุดเซนเซอร์ราวๆ 400,000 – 600,000 บาท และไม่มีชิ้นส่วนย่อยใดๆเลยที่ราคาต่ำกว่าชิ้นละ 40,000 บาท)

vinales-crash-turn1-styriangp-2020-02
จึงสรุปได้ว่าค่าเสียหายจากการล้มครั้งหนึ่ง จะต้องเสียค่าใช้จ่ายอยู่ในช่วงระหว่าง 80,000 – 4,000,000 บาท แล้วแต่ความรุนแรงหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวรถ เช่น
ล้มแปะ หรือล้มแบบรถสไลด์ธรรมดาๆ อาจจะมีค่าเสียหายราวๆ 80,000 – 700,000 บาท เนื่องจากทีมต้องเปลี่ยนชุดแฟริ่งใหม่, พักเท้าใหม่, มือเบรกมือคลัทช์ใหม่, และชุดจานเบรกที่ได้รับแรงกระเทือนผิดแนวของมันเพียงน้อยนิดก็แตกได้แล้ว ซึ่งแต่ละชิ้นส่วนล้วนมีราคาสูงทั้งสิ้น
ล้มหนัก แบบรถตีลังกาชิ้น อาจจะมีค่าเสียหายราวๆ 4,000,000 บาท เนื่องจากทีมช่างต้องเปลี่ยนอะไหล่ที่เสียหายแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ยาง, จานเบรก, ระบบกันสะเทือน, เซนเซอร์ต่างๆที่ได้รับแรงกระทบกระเทือน
ล้มหนักแบบชิ้นส่วนโครงสร้างหลักพังยับ อาจมีค่าเสียหายสูงถึงเกือบ 40 ล้านบาท เนื่องจากชิ้นส่วนจำพวก ชุดเฟรม, สวิงอาร์ม, ถังน้ำมันไทเทเนียม, หรือแม้แต่เครื่องยนต์ แต่ละชิ้นล้วนเป็นของราคาแพงและต้องใช้เวลาในสร้างที่นานพอสมควรทั้งสิ้น ดังนั้นหากซ่อมไม่ได้ ก็ถือว่างานงอก !!

อย่างไรก็ดีสาเหตุที่ไม่ได้แพงสุดเท่ากับราคารถหนึ่งคัน ในกรณีที่รถเกิดพังทั้งคันขึ้นมา ก็เป็นเพราะตอนที่สร้างรถ หรือเช่ารถ ผู้ผลิต หรือทีมแข่งก็จะมีการทำอะไหล่สำรองซึ่งอยู่ในแพ็คเกจราคารถอยู่แล้ว ดังนั้นหากชิ้นส่วนไหนมีอะไหล่สำรองเหลืออยู่ ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินสั่งซื้อเพิ่ม แต่ถ้านักบิดล้มบ่อยๆจนอะไหล่หมดเมื่อไหร่ อันนี้ก็เตรียมควักเงินจ่ายกันบานได้เลย

ขอบคุณข้อมูลจาก Sportekz.com, GPone.com, Boxrepsol.com

อ่านข่าว MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่

Share.

About Author

error: Content is protected !!