รีวิว 2022 Honda CBR150R ABS ใหม่ กระต่ายเพลิง น้องเล็กสุด ของซีรีย์ แต่หล่อไม่แพ้ รุ่นพี่คันอื่นๆ
รีวิว 2022 Honda CBR150R ABS หลังจากที่เมื่อไม่กี่วันก่อนทาง Thai Honda Manufacturing ได้ทำการเปิดตัว All New Honda CBR150R ใหม่ กันไปแล้วทางออนไลน์ ในวันนี้ทางทีมงาน MotoRival เราก็ได้รับเจ้ากระต่ายเพลิง น้องเล็ก คันนี้มาทดสอบรีวิวเป็นเจ้าแรกๆ ในไทย กับรุ่นท็อป ABS คันนี้ จะมีจุดที่เปลี่ยนแปลกแตกต่างไปจากเดิมอย่างไรบ้าง มารับชมกันเลยครับ
เริ่มกันที่รูปลักษณ์
อย่างที่คุณผู้ชมทุกท่านได้เห็นกันไปแล้วตั้งแต่เมื่อต้นปีเนื่องจากมันได้เปิดตัวไปแล้วที่เพื่อนบ้านของเรา
หน้าตาของมัน จะเหมือนถอดแบบมาจากซุปเปอร์สปอร์ตเอนทรี่ของค่าย อย่าง CBR250RR
ทั้งชุดโคมไฟหน้าแบบ LED ซึ่งยืนยันชัดเจน
ด้วยโลโก้ RR ภายในโคมหน้า ว่ามันยกมาจากตัวพี่ CBR250RR แน่นอน
ไฟท้าย LED รวมไปถึงตัวโคมไฟเลี้ยว LED
แม้กระทั่งกระจกมองข้างก็มาจาก CBR250RR เช่นกัน แถมมีลูกเล่นหมุนได้ 360 องศา
ชุดแฟริ่งด้านข้าง ได้แรงบรรดาลใจมาจากพี่ใหญ่ กระต่ายพิโรธ CBR1000RR-R ที่มีการตีโป่งข้างออกมา และมีครีบรีดอากาศ ในลักษณะแบบวิงเลท
พลาสติกครอบถังน้ำมัน แม้ทรงดูคล้าย 250RR แต่ จะไม่เหมือนกันซะทีเดียว เพราะ 250 เค้าจะไม่ใช่พลาสติกครอบชิ้นเดียวแบบ 150R คันนี้ นอกจากนี้มีการเว้าหลบช่องคางหมวกกันน็อค
ส่วนชุดแฟริ่งด้านท้ายก็ปรับใหม่ ให้สวยงามรับกับชุดบั้นท้าย แม้จะไม่มีช่องเพื่อเพิ่มแรงกดอากาศ
แต่ก็มีการเซาะร่องตรง ด้านข้างตัวแฟริ่ง
ท่อไอเสียปลายเหลี่ยมเหมือนเดิม มีการ์ดกันร้อนลายเคฟล่า แต่ Honda บอกว่า ได้มีการปรับปรุงไส้ในทางเดินไอเสียใหม่ ทำให้เสียงทุ้ม และดูดีขึ้น
จุดจอมาตรวัดเป็นจอเดิม คือ ฟูลดิจิตอล Backlight สีดำ
ความเร็วเป็นตัวเลข วัดรอบเป็นสเกลด้านบน
มีเลขบอกตำแหน่งเกียร์
เกจ์น้ำมัน มีบอกอัตราสิ้นเปลือง
นาฬิกา
Odo และ Trip A,B
ชุดสวิทช์ไฟซ้าย มีไฟต่ำ-สูง, ไฟเลี้ยว แตร และมีปุ่มไฟ Pass
สวิทช์ขวานอกจากปุ่ม Engine Start จะไม่มีปุ่ม Run-Off
นอกนั้นในด้านชิ้นส่วนอื่นๆของตัวรถก็ยังคงคล้ายเดิมแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นชุดเฟรม, ระบบเบรก, ชุดล้อ, สวิงอาร์มหลัง
ล้ออัลลอย ลายเดิม และไซส์ยางหน้า-หลัง เท่าเดิม
100/80/R17
130/70/R17
มิติรถ 2022 CBR150R ABS
กว้างxยาวxสูง = 700 x 1,983 x 1,090 มม.
ระยะฐานล้อ = 1,310 มม. (ยาวกว่าเดิม 1 มม.)
นน. = 137 กก. (ท่าเดิมใน รุ่น ABS)
ความสูงเบาะ = 788 มม. (สูงกว่าเดิม 1 มม.)
ความจุถังน้ำมัน = 12 ลิตร (เท่าเดิม)
ท่านั่ง
เริ่มที่ความสูงเบาะที่สูงขึ้น 1 มม. แต่ผมเองสูง 175 ซม. ยังสามารถเหยียบได้เต็มฝ่าเท้า หย่อนเข่าสบาย
คนที่สูงช่วง 170 ซม. น่าจะยังลงได้เต็มเท้า เพราะช่วงเบาะไม่กว้าง
องศาปลายเบาะผู้ขี่เชิดขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่รู้สึกเมื่อยแต่อย่างใดในช่วงก้นกบ
เนื่องจากตัวโช้กหน้ามีการเปลี่ยนใหม่ จึงทำให้มัน ได้รับการปรับชุดแฮนด์จับโช้กใหม่ ให้ Layout แบบรถซุปเปอร์สปอร์ตมากขึ้น ภาพรวมใกล้เคียงกับ CBR250RR แต่ก็ยังไม่ถึงกับก้นจนปวดเมื่อยหลังนัก
แต่เวลาหักแฮนด์ฟูลล็อก ผมพบว่าข้อมือจะติดๆมุมถังน้ำมันที่มีสันคม ทำให้เวลาหักวงเลี้ยวสุดต้องระวัง
และนอกจากนี้ เวลาขี่หมอบแบบซิ่ง ที่ต้องศอกหนีบถัง สรีระของผมพบว่า สันตรงถังน้ำมันดันท่อนแขน อาจจะรู้สึกเจ็บๆ หน่อยไม่ค่อยประชับเท่าไรนัก
ส่วนกระจกมองข้างจาก CBR250RR มีลูกเล่นที่บิดได้ 360 องศา ตรงนี้ เมื่อพับกระจกขึ้นสามารถขี่รูดช่องจราจรได้สบายมาก ไม่แพ้รถเล็กเลย
นน.ตัว ถือว่าไม่หนัก ซึ่งเป็นข้อดี และมันเป็นรถที่คอนโทรลได้ง่าย คล่องตัวเมื่อขี่ในเมือง
มาต่อที่เบาะคนซ้อน ขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ทรงแบน ทำให้นั่งได้เต็มก้น และมีโหนกขึ้นตรงบริเวณช่วงเป้าทำให้นั่งได้กระชับ แต่เบาะบาง จึงทำให้รู้สึกแข็ง ถ้านั่งยาวๆ ไกลๆ เมื่อยก้นแน่ๆ
นอกจากนี้ ไม่มีมือจับหลัง ทำให้ต้องใช้เข่าหนีบสะโพกผู้ขี่ รวมถึงจับเอว หรือ เกาะไหล่ผู้ขี่
เครื่องยนต์ ยังคงเป็นบล็อคเดิม สูบเดียว 149.16cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ DOHC 4 วาล์ว
แต่มีการเพิ่มตัวระบบ Slipper Clutch เข้ามาแล้ว
โดยภาพรวมรายละเอียดเทคนิค ทั้งกำลังอัด ช่วงชักxกระบอกสูบ
รวมถึงอัตราทดเกียร์ จะมีตัวเลขทางเทคนิค เหมือนเดิมทั้งหมด
แต่ทาง Honda บอกว่าได้มีการปรับจูนใหม่ ให้มันมีแรงบิดมากกว่าเดิม 5% นั่นจึงทำให้ มันบิดติดมือมากขึ้น
จากการใช้งานจริง พบว่ามันบิดสนุกขึ้น ขี่ได้มันส์ขึ้น
ไม่จำเป็นต้องลากรอบไปจนถึง Redline สักช่วง 8-9,000rpm ก็เตะขึ้นเกียร์ได้แล้ว เพราะเลยช่วงนี้ไป ย่านพละกำลังจะดร็อปลง
แต่ ก็ยังคงความเหมาะสมในการใช้งาน ขี่ในเมือง เดินทางไกลพอได้
ร่วมกับอัตราสิ้นเปลืองตัวเลขที่ออกมานั้น สำหรับผมถือว่ามันบาลานซ์ และดูจะเหมาะสมที่สุดแล้ว
สำหรับระบบ Slipper Clutch ที่เพิ่มเข้ามา มีข้อดี คือ ลดน้ำหนักแรงกำคลัทช์ ลงทำให้ขี่รถติดๆ ไม่เมื่อยนิ้ว
นอกจากนี้ สำหรับสายซิ่ง ที่ชอบ Shift Down เกียร์ลง อารมณ์แบบขี่ในสนาม แทบไม่จำเป็นต้องทำ Rev Matching เลย เพราะ ผมลองลดเกียร์ลงมาถึงเกียร์ 1 ก็ไม่มีล้อล็อกเอี๊ยดออกมาให้เสียการควบคุมรถ
แต่ก็อย่างว่า จะแลกมากับแรง Engine Brake ที่ลดลงไปหน่อย
สำหรับตัวเลขความเร็วปลายที่ระดับ 140 กม./ชม. กับรถพิกัด 150cc นี้ สำหรับผมก็ถือว่าเพียงพอกับการเดินทางได้ไม่เหนื่อย หรือ เครียดจนเกินไป
อย่างไรก็ดีทางทีม MotoRival เราได้ทำคลิปทดสอบอัตราเร่ง-TopSpeed ไปแล้ว ซึ่งตัวเลข GPS จริงได้เท่าไร เพื่อนๆ สามารถเข้าไปรับชมกันได้เลยครับ
ขณะที่อัตราสิ้นเปลืองบิดใช้งานจริง จะได้ช่วงประมาณ 40 กม./ลิตร แต่ถ้าเป็นสายซัด จะตกลงมาช่วง 30 กลางๆ หรืออาจถึง 30 ต้นๆ
ระบบกันสะเทือน
ด้านหน้าเปลี่ยนจากโช้กหัวตั้งมาเป็น USD แกนสีทอง จาก Showa แล้ว
ด้านหลัง Monoshock ปรับเซ็ทพรีโหลดไม่ได้ วางบนกระเดื่องทดแรง Pro Link
อันดับแรก ด้วยการหันมาใช้โช้ก USD กลไก SFF-BP เหมือนพี่ CBR250RR และ CBR650R
แม้ว่า จะไม่สามารถเซ็ทพรีโหลดได้เหมือนตัวเดิม แต่เชื่อว่าถูกใจลูกค้าส่วนใหญ่แน่นอน
โช้กหน้าเป็นตัวเดียวกับ CBR250RR ซึ่งมั่นใจได้เลยว่า มันกระชับเฟิร์ม แต่ให้การซับแรงได้ดี และนุ่มนวล กับการขี่ถนนเมืองไทย ไม่ดีดสะท้าน
โดย Honda เคลมว่า ซับแรงดีกว่าถึงเดิม 3.5 เท่า
โช้กอัพหลัง เป็นแบบ Monoshock ดูเผินๆ คล้ายเดิมแต่มีการปรับเซ็ทติ้งใหม่ เพื่อให้รับกันกับทางด้านหน้า
ฟีลลิ่งต้องบอกว่าแตกต่างจากเดิม ค่อนข้างชัดเจน
เพราะ โฉมเดิมจะออกแนวนุ่ม นั่งสบาย ออกไปทางย้วย
สำหรับในโฉมใหม่นี้ ออกเฟิร์มแน่น ถูกใจคอสายซิ่ง
แต่เวลาขี่ผ่านพวกทางที่ไม่เรียบ โช้กพยายามคืนตัวอย่างรวดเร็ว จึงอาจทำให้รู้สึกแข็งไป สำหรับสายเดินทางหรือขี่ชิลๆ ในเมือง
ระบบเบรก
ด้านหน้าจานเบรกแบบ Wave Disc ทำงานกับปั๊ม Nissin 2 Pot
ด้านหลัง จานเดี่ยว 1 Pot
ในรุ่นนี้มากับระบบ ABS ทั้งหน้า-หลัง
ซึ่งต้องเรียนว่าระบบเบรกเป็นเหมือนกันกับโฉม 2020
กับภาพรวมการใช้งานถือว่าเพียงพอกับการใช้งานทั่วไป แต่ถ้าบิดมาแบบลากรอบซัดๆ
อาจจะรู้สึกว่ากำลังเบรกยังไม่มากพอ มันไม่ได้จับจิกมากนัก ทำให้ต้อง Shift Down ลดเกียร์ช่วย ซึ่งจากการที่มี Slipper Clutch ทำให้มันไม่มีแรง Engine Brake มากนัก
สรุป รีวิว 2022 Honda CBR150R กระต่ายเพลิงร่างเล็กนี้ ผมถือว่ามันเป็นรถที่หน้าตาดูดีสุดในคลาส 150cc ณ ขณะนี้ พร้อมยกระดับฟีเจอร์ รูปลักษณ์ให้เทียบชั้น SuperSport Entry Class มากขึ้น
มันโดดเด่นในเรื่องของการคอนโทรล ซึ่งผมว่ากระต่ายเพลิงมันเป็นรถที่ขี่ง่าย บิดมันส์ บาลานซ์และดูลงตัวสุด ในคลาส ณ ขณะนี้
ราคา 2022 CBR150R STD แบบแนะนำ อยู่ที่ 92,900 บาท มีให้เลือก 3 สี คือ แดง, ดำ-แดง, ดำ-เหลือง
ราคา 2022 CBR150R ABS แบบแนะนำ อยู่ที่ 99,900 บาท มีให้เลือก 2 สี คือ Tricolor และ ดำ-แดง
ผู้ที่สนใจไปชมตัวจริงได้เลยที่ Honda Wing Center ทั่วประเทศ
อ่านข่าว Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านรีวิว เพิ่มเติมได้ที่นี่