รีวิว 2024 CBR650R สื่อไทย ได้หวดก่อนใครครั้งแรกในโลก หลังเปิดตัวที่ TIME2023 ณ สนามแก่งกระจานเซอร์กิต

หลังจากที่ Honda เปิดตัว 2024 CBR650R และ CB650R ใหม่ ครั้งแรกในโลก กันไปก่อนหน้านี้
และแค่ครึ่งเดือนก็เปิดตัวต่อเลยในไทย ไม่เพียงเท่านั้น ก็ให้คนไทยได้ทดสอบกันก่อนใครเลย ครั้งแรกในโลก
แต่ก็เรียกว่าเป็นสัมผัสแรกกันสั้นๆ ก่อนเนื่องจากได้ขับในแทร็ก แก่งกระจานเซอร์กิต

โดยเราต้องบอกกันก่อนนะว่า เราไม่ได้เทสในส่วนของตัว E-Clutch เพราะว่ายังไม่เคาะราคา แต่น่าจะเคาะภายในเดือนนี้ และ พร้อมส่งมอบคือ เดือนหน้า แต่ก็เปิดให้คนสนใจจองได้แล้วเช่นเดียวกัน

เอาเป็นว่าในคอนเท้นต์นี้ ผมจะขอมา รีวิว 2024 CBR650R สัมผัสแรกสั้นๆ กับการลองขี่ในแทร็กแก่งกระจานกันครับ
อย่างที่บอกนะว่า พรีวิว คร่าวๆ ได้พรีวิว ไปจาก TIME2023 แล้ว คลิปนี้อยากพูดฟีลลิ่ง กันเลย

เริ่มที่ท่านั่ง 2024 CBR650R น้ำหนัก เท่าๆเดิมเลย คือ 209kg wet (กรณี E-Clutch +2kg)

และความสูงเบาะ 810mm เท่าเดิมเอาจริงๆ แทบไม่ได้รู้สึกแตกต่างอะไรจากเดิมนัก ผมสูง 175ซม. ก็ยังเหยียบลงได้เต็มเท้าอยู่ จุดต่อมาคือ ตำแหน่งแฮนด์ ที่จะดูสปอร์ตกว่า 500R จับจิกเตี้ยกว่า และจำแหน่งพักเท้าก็ดูจะร่นไปหลังมากกว่าอีกหน่อย
โดยรวมทท่าขี่เหมาะกับการขี่ในสนามดีกว่า ส่วนการขี่บนถนนก็ยังถือว่าไม่เมื่อยมากนัก

จุดที่ปรับเปลี่ยนหลักๆ คือ ขุมกำลัง ที่จากตอนแรก เราดูสเป็ก Sheet จาก Global ที่เปิดมา บอกว่า Output กำลังสูงสุด มันไม่ต่างจากเดิม 94hp 63Nm แต่จากที่เราได้ฟังบรีฟ เพิ่มเติมพบว่าไม่เป็นเช่นนั้น เพราะมีการ ปรับเรื่องของการปรับระยะของแคมใหม่ ทำให้วาล์วไอดีเปิด-ปิดช้าลง ส่งผลให้ กำลังทั้งม้า และ ทอร์ค ตีนต้นจะมากขึ้นกว่าเดิมในรอบต่ำ ซึ่งในกราฟเผยให้เห็นว่ายกสูงกว่าเดิม แต่ช่วงปลายกราฟก็ไม่ได้ตกลง เพราะมีการ Remap Engine ใหม่เพิ่มเติมด้วย

ก่อนอื่นผมอาจต้องเรียนชี้แจงก่อนครับว่าผม ไม่เคยขี่ CBR650R มาก่อนในแทร็กนี้ เคยขี่ที่ ช้างฯ 2 ครั้ง เลยอาจจะเปรียบเทียบได้ไม่เต็มที่นัก

แต่กล่าวโดยรวมก็ถือพละกำลัง ของตัว 650R นั้นถือว่าเพียงพอกับการขี่ในแทร็กเล็กๆ อย่างแก่งกระจานที่ไม่ใช่ Hi Speed อยู่แล้ว จังหวะเรืองของตีนต้นนั้น อาจจะรู้สึกว่ามันดันขึ้นเนินได้ดึ้นนิดๆ ในจังหวะที่ผ่านจุดสตาร์ท และเป็นโค้ง T1-4 ก็ยังพอดันขึ้นเนินได้ดีอยู่ แต่เอาตึงๆ มือก็ช่วง สัก T3 Shift Down ลงหน่อยก็จะลากขึ้นได้แบบมีรอบให้ใช้ได้มากกว่า
เอาเป็นว่าภาพรวมสมรรถนะ นั้นผมว่า ไม่ได้ต่างจากเดิมมาก แต่ก็เรียกว่าต้นบิดติดมือขึ้นอีกหน่อย แต่ปลายก็ไมได้ลองจริงๆ เพราะแทร็ก แก่งกระจานไม่ใช่ Hi Speed และ Bumping เยอะด้วยอาจต้องระวังให้ดี
ซึ่งเท่าที่เราได้ยินมา จะมีโอกาสได้ลองทดสอบกับตัว E-Clutch กันอย่างแน่นอน ช่วงประมาณปีหน้า หรือ ถ้ามีโอกาสได้มารีวิวทดสอบกันอีก ผมจะไว้จะมาอธิบายพูดเพิ่มเรื่องการขี่ใช้งานความเร็วสูงเป็นเช่นไร

ระบบกันสะเทือน ที่ดูเหมือนเดิมแต่จะมีการปรับเซ็ทใหม่ เล็กน้อยให้มันกระชับเฟิร์มขึ้น
ซึ่งก็ต้องบอกตามตรงว่า แทร็กที่นี่ Bumping เยอะมากจริงๆ ก่อนหน้านี้ผมขี่ 250RR ยังรู้สึกดีดมากพอตัว
ถามว่า 650R ยังมีไหม ก็ต้องบอกว่ามีบ้าง แต่โดยรวมแล้วการเซ็ทติ้ง เดิมตั้งแต่ตัวเก่า หากเทียบกับ 500R ถือว่า CBR650R มีการเซ็ทช่วงล่างที่เฟิร์มแน่น ในระดับหนึ่งดีอยู่แล้ว จึงทำให้มันดูไม่ดีดย้วยเหมือนกับตัวน้องรองอย่าง 500R ซึ่งไว้จะมารีวิว เพิ่มกันอีกที

ฝั่งระบบเบรกเอง ก็ต้องบอกว่าเพียงพอกับพละกำลังตัวรถอยู่แล้ว แต่ส่วนตัว การขี่ในแทร็กผมยังแอบรู้สึกว่ามันจับไม่จิกหมับติดนิ้วมือมากนัก เพราะสไตล์ Nissin อาจต้องไล่น้ำหนักโดยรวมกันสักนิด

ปิดท้ายกันอีกสักนิด คือ หน้าจอที่ปรับเป็นสี TFT ตรงนี้ คมชัด Hi Contrast และ การออกแบบชั้น Layer ชิ้นกระจกใหม่
โดยรวมทำให้เวลาขี่ตอนแดดส่อง ยังมองเห็นมาตรวัดตัวเลขความเร็วได้ดีอยู่ ซึ่งก็ถือว่าช่วยได้ดีมากๆ ไม่สะท้อนจนไม่เห็นรายละเอียด ในช่วงกลางวัน

สรุป รีวิว CBR650R 2024 แบบสัมผัสแรกในสนาม ผมว่า ดูดีกว่าเดิมในเรื่องหน้าตารูปลักษณ์ แถมฟังก์ชั่นที่เพิ่มมาให้ในหน้าจอและระบบเชื่อมต่อ คือ แพงขึ้นกว่าเดิมแค่ 3,000- บอกเลยถือว่าใกล้เคียงที่ MotoRival เราวิเคราะห์คาดไว้ว่า น่าจะปรับเพิ่มในช่วงประมาณ 5,000- เอาเป็นว่า ใครที่มองหารถสปอร์ตมิดไซส์ 650cc ในช่วง 3 แสนต้น ก็ยังถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและคุ้มค่า เพราะแม้ว่า CB750 Hornet จะราคาถูกกว่านิดหน่อยได้การเป็นรถนำเข้า แต่มันก็ยังไม่ใช่ฟีลเครื่อง 4 สูบที่หลายคนถวิลหา ซุ่มเสียงและกำลังรอบปลาย รวมถึงสไตล์คันเร่งที่เดินขึ้นราบรื่นสมูทๆ