รีวิว Bajaj Dominar 250 น้องข่าน เอนทรี่เลเวล บิดดี ขี่สนุกไม่แพ้แบรนด์ยุโรปในเครือ

รีวิว Bajaj Dominar 250 น้องข่าน พิกัดควอเตอร์ลิตร ที่บิดดีไม่แพ้แบรนด์ยุโรปในเครือ

รีวิว Bajaj Dominar 250 รูปโฉมเหมือนพี่ข่าน ลดพิกัดเครื่อง และออปชั่นเล็กน้อย ทำราคาเจาะตลาดกลุ่มเริ่มต้น
หลังจากเมื่อปีที่แล้ว ทางน้องจอน MotoRival เราได้มีโอกาสไปร่วมทริปทดสอบรถ Bajaj ใหม่ ที่เข้ามาจำหน่ายในไทย ด้วยกันถึง 4 รุ่น ซึ่งรุ่นใหญ่สุด ณ ขณะนั้นคือ Dominar 400 ในวันนี้ครับ ผมได้มีโอกาส มาทดสอบรุ่นน้องของเขา Dominar 250 ที่เรียกได้ว่าเพิ่งลงทำตลาดในไทย หมาดๆ กันเลย ได้เครื่อง 250cc + USD และปั๊ม Radial Mount จะเป็นเช่นไรกันบ้างมาดูรีวิวกันเลยครับ ซึ่งในที่นี้ผมขอเรียกมันว่า น้องข่าน เอนทรี่เลเวล แล้วกันครับ

สำหรับสาเหตุที่ผมเรียก Dominar 250 ว่า “ข่าน เอนทรี่เลเวล” ก็เป็นเพราะ ชื่อ Dominar มีความหมายว่า ผู้ครอบครอง
และ ข่าน คำนี้ หมายถึง ผู้ปกครอง นั้นเองครับ

เริ่มที่รูปลักษณ์
ต้องบอกว่าดูเผินๆ แบบผ่าน ก็จะดูคล้ายกับตัว Dominar 400 พี่ใหญ่ของมันเลย แต่มีการลดความจุขนาดเครื่องยนต์ และสเป็กเล็กน้อย
โดยยังคงจุดเด่นด้วยไฟ LED รอบคัน

ไฟหน้าขนาดใหญ่ มาพร้อมไฟ DRL และมีระบบเปิดไฟหน้าแบบออโต้
มีไฟเลี้ยว LED ขนาดเล็กขนาบอยู่ด้านข้างโคม และมีตัวบังลมหน้าเรือนไมล์ขนาดเล็ก

ไฟท้ายเป็นเส้นตรง 2 เส้น มีหลอด LED ข้างละ 5 หลอด

ท่อไอเสียออกข้างขวา แบบ 2 ช่อง ทรงเหลี่ยม

จุดเด่นของ Dominar คือ เป็นรถ Naked ที่มีอกล่างมาให้

และติดตั้ง Crashbar ข้างเครื่องมาจากโรงงาน

เบานั่ง 2 ตอน แบ่ง 2 Step ซึ่งมีความกว้างและหนา
มือจับกันตกเป็นลักษณะเขี้ยวอยู่บนแฟริ่งบั้นท้าย

มาตรวัดเป็น Digital Backlight สีดำ
แสดงความเร็วเป็นตัวเลข และวัดรอบเป็นสเกลวิ่ง มีบอกข้อมูลครบ ทั้ง Odo, Trip, นาฬิกา, เกจ์น้ำมัน และมีลูกเล่นไฟ Shift Light ซึ่งกระพริบเตือนในช่วงประมาณ 7,000rpm

นอกจากนี้ยังมีหน้าจอที่ 2 ซึ่งอยู่ด้านหน้าฝาถังน้ำมัน ซึ่งตรงนี้จะแสดงผลแตกต่างจาก Dominar 400

สวิทช์ไฟซ้าย นอกจากปุ่มโดยพื้นฐานทั่วไปแล้วก็มีปุ่มไฟ Pass
ส่วนสวิทช์ขวา มีปุ่มเปิด-ปิดไฟหน้ารถมาด้วย

ล้ออัลลอยลายเดียวกับพี่ข่าน เป็นลาย 5 ก้านคู่ลายใบพัด ซึ่งจะเป็นสีดำล้วน
และไซส์ล้อขนาดเล็กกว่ารุ่นพี่ 400
โดย Dominar 250 คันนี้ สวมไซส์ยางหน้าขนาด 100/80-17 และ ด้านหลัง 130/70-17

มิติรถ Dominar 250
ยาวxกว้างxสูง 2,156x836X1,112 มม.
ระยะฐานล้อ 1,453 มม.
นน. 180 กก. (Kerb)
ความสูงเบาะ 800 มม.
ถังน้ำมันจุ 13 ลิตร

ท่านั่ง
เริ่มที่ความสูงเบาะ 800 มม. ต้องถือว่าไม่เตี้ยเท่าไร แต่ผมสูง 175 ซม. สวมรองเท้ายังเหยียบขาลงหย่อนเท่าได้เพียงเล็กน้อย
เนื่องจากเบาะที่ถือว่าค่อนข้างสูงกว่า Naked Entry โดยส่วนใหญ่ รวมถึงช่วงถังน้ำมันที่กว้าง จึงทำให้เหยียบลงได้ไม่เต็มฝ่าเท้านัก

ส่วนตำแหน่งพักเท้าถือว่าค่อนข้างสูง แต่ก็ไม่ได้ร่นไปด้านหลังมากนัก แม้จะงอเข่าหน่อยเวลาขี่ แต่ก็ยังรู้สึกว่าถ้าขี่เดินทางยาวๆ ไม่น่าจะเมื่อยนัก

ตัวแฮนด์บาร์ขนาดกว้าง ยาวพอควร ตัวตำแหน่งแฮนด์สูงในระดับรถยนต์เก๋ง ทั่วไป ตัวกระจกมองข้างสูงระนาบเดียวกับรถตู้และพวกกระบะยกสูง ซึ่งจุดนี้อาจทำให้เวลาขี่รถติด ต้องบิดแฮนด์โยกตัวลัดเลาะช่องจราจรกันหน่อย

ขณะที่ช่วงครอบถังที่หนาใหญ่ แต่โดยรวมผมยังหนีบได้กระชับ แต่เนื่องจากช่วงถังน้ำมันค่อนข้างยาว ใครที่ช่วงตัวสั้นและต้องนั่งติดถัง
เพื่อจะได้โน้มตัวไปด้านหน้าได้สะดวก อาจะพบว่าช่วงมุมสันครอบถังดันบาดต้นขาไปสักนิด

นอกจากนี้ในเรื่องของไซส์ตัวและ นน.รถ ต้องเรียนตามตรงว่า เมื่อเทียบกับการเป็นรถ Naked พิกัด 250 แล้ว นน. ระดับ 180 กก. ก็ถือว่าหนักพอสมควร และมิติขนาดตัวต้องบอกว่าใหญ่ ระดับน้องๆ 650cc แล้ว จึงอาจทำให้การขี่ในเมืองอาจไม่ได้กระฉับกระเฉงนัก

ท่านั่งคนซ้อน
เริ่มแรก ก้าวขึ้นคร่อม ก็พบว่าพักเท้าหลัง ลื่นมาก เนื่องจากไม่มียางรองและไม่ได้ทำเป็นลักษณะหนาม อาจต้องระวังเวลาก้าวขึ้นเวลาฝนตก หรือ พื้นที่เปียกๆ
ตัวเบาะนั่งหนานุ่ม กว้างนั่งสบาย ตัวเบาะแบน องศาไม่เชิด ทำให้ผู้ซ้อนนั่งได้เต็มก้น และไม่เมื่อย แต่ก็มีข้อสังเกตุ ถ้าใครติดนั่งหนีบสะโพกผู้ขี่ จะพบว่า มุมสันของแฟริ่งท้าย มันบาดน่อง ผมแนะนำว่าให้นั่งแบะขาออกหน่อย และใช้มือจับกันตกเอา ซึ่งตัวมือจับกันตก แอบรู้สึกว่าขนาดมันเล็กไปนิดถ้าใครมือใหญ่ๆ อาจจับได้ไม่กระชับเท่าที่ควร

เครื่องยนต์ 1 ลูกสูบ ความจุ 248.8cc DOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ให้กำลังสูงสุด 27 แรงม้า PS@8,500rpm และ แรงบิดสูงสุดที่ 23.5Nm@6,500rpm
ส่งกำลังด้วยเกียร์ 6 Speed มาพร้อม Slipper Clutch

ผมต้องเรียนอย่างนี้ครับว่า แม้พื้นฐานเครื่องจะเป็นแบบเดียวกับ KTM 250 Duke แต่มีการพัฒนาให้มันเป็นหัวเทียนคู่ หรือ ชื่อ DTSi (Twin Spark)
ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ในห้องสันดาปดีขึ้น เผาไหม้หมดจด ก็จะส่งผลให้ไอเสียสะอาดขึ้น และประหยัดน้ำมันอีกด้วย

ตั้งแต่ติดเครื่องผมรู้สึกว่ามันน่าประทับใจกว่าค่ายยุโรป ในเครือเขาอีก ทั้งเสียงท่อ ที่ดูทุ้มและแน่นกว่า
แถมเครื่องยนต์ ดูสมูท ในจังหวะเปิดคันเร่งเดินได้เนียนกว่า ไม่ค่อยออกมาเป็นลูกๆ เหมือนแบรนด์ยุโรปในเครือ

การขี่ใช้งานเราพบว่า สมรรถนะความแรงอาจไม่ได้แรงอะไรมาก แต่ก็ถือว่าขี่ได้สนุก ในแบบที่เครื่องสูบเดียวพิกัดนี้ ควรจะเป็น สามารถบิดลากรอบได้ถึงช่วง 10,000rpm ก่อนรอบตัด (แม้ว่าหน้าปัดจะมีรอบโชว์ถึง 13,000rpm)

คือ ขี่ในเมืองก็ยังเร่งแซงได้ดี การเดินทางไกลก็ทำได้ ok เลย

การทดสอบ อัตราเร่ง- TopSpeed ทีมงาน MotoRival เรามีตัวเลขหน้าไมล์ให้เห็นถึง 150 กม./ชม.+
ส่วน GPS จริงได้เท่าไร สามารถชมได้ที่คลิปนี้ครับ

ด้านอัตราสิ้นเปลือง Bajaj เคลมที่ 32.3 กม./ลิตร แต่จากการใช้งานจริง ของทีม MotoRival ที่เป็นสายมือหนัก ก็ได้ช่วง 25 กม./ลิตร ซึ่งถ้าคนขี่ใช้งานทั่วไปวิ่งยาวๆ ก็น่าจะวิ่งได้ช่วง 20 ปลายๆ ใหเห็นกันได้ไม่ยากเย็น

ระบบกันสะเทือน
ด้านหน้าโช้กคู่หัวกลับขนาด 37 มม. (Dominar 400 จะใหญ่กว่าที่ 41 มม.) มีระยุบที่ 135 มม.

ด้านหลังโช้กเดี่ยว ปรับ Preload ได้ มีระยะยุบที่ 110 มม.

ภาพรวมการเซ็ทติ้งของ Dominar 250 คันนี้ ผมว่าทำได้ดี กว่าพี่ข่าน เนื่องจาก 400 จะออกไปทางแข็ง เน้นฟีลสปอร์ตมากกว่า
น้องข่าน คันนี้ เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ซับแรงดี และไม่กระด้าง สะเทือน
มีคนซ้อนไม่อึดอัด แต่ถ้าขี่คนเดียว ด้วยความเร็วก็ยังเฟิร์มในระดับหนึ่ง ไม่รู้สึกว่าย้วย แต่อย่างใด

ระบบเบรก
ด้านหน้าจานดิสก์เดี่ยว 300 มม. (ขนาดจานเล็กกว่า Dominar 400 อยู่ 20 มม.) ทำงานร่วมกับปั๊ม Radial Mount Bybre ซึ่งเป็นแบรนด์ลูกของ Brembo

ด้านหลังจานเดี่ยวขนาด 230 มม. ทำงานร่วมกับปั๊มลูกสูบเดี่ยวขนาดใหญ่

นอกจากนี้ มากับระบบ ABS แบบ Dual Channel ทั้งด้านหน้า-หลัง

ภาพรวมถือว่าการหยุดรถนั้นก็มั่นใจได้ดีในระดับหนึ่ง แต่เนื่องจากสไตล์ของปั๊ม Bybre นี้ แม้จะไล่น้ำหนักได้ แต่มันก็ไม่ได้จับจิก ยังให้ความรู้สึกว่าทื่อๆ ไปนิดหนึ่ง

สรุป รีวิว Bajaj Dominar 250 น้องข่าน ในพิกัดเริ่มเอนทรี่เลเวล
ถือเป็นรถที่ขี่ดี ทั้งเทคโนโลยี Dual Spark และให้ Slipper Clutch รวมถึง ABS
ส่วนรูปลักษณ์ ต้องบอกว่าน้องๆรถมิดคลาสเลย ซึ่งก็แลกมาด้วยขนาดตัวที่ค่อนข้างใหญ่ ทำเวลาขี่อาจจะไม่กระฉับกระเฉงนัก