รีวิว Corsa Platinum R93 เอาใจสายสปอร์ตไม่เกิน 500cc ด้วยยางดอกแบบกึ่งสลิค ขี่สนุก แต่สบายกระเป๋าสตางค์
ในช่วงสถานการณ์เช่นนี้ ผมขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ หลายคนนะครับ ยิ่งพวกเราจะใช้เงินทีนึง ก็คงต้องคิดถึงความคุ้มค่ามากที่สุด
แต่สำหรับเพื่อนๆ ที่ใช้มอเตอร์ไซค์ ยางถือเป็น Accessories ที่จำเป็นลำดับต้นๆ และควรเปลี่ยนเมื่อเริ่มเสื่อมหรือ ถึงกำหนดเวลา
ซึ่งสำหรับคนที่ใช้รถสายสปอร์ต ทั้งหลายจะเปลี่ยนยางที อาจจะต้องคิดหนักกันหน่อย เพราะยางสปอร์ตที่ดีๆ มักจะมีราคาสูง
โดยเฉพาะพวกยางเนื้อนิ่มแบบกึ่งสลิคด้วยแล้วแทบเหนื่อยเลยทีเดียว
แต่ในวันนี้ครับ ผมจะขอมาแนะนำ ยางสำหรับผู้ใช้รถไม่เกิน 500cc ชอบเล่นโค้ง ราคาไม่แพง จับต้องได้ คุ้มราคา
Corsa Platinum R93 ซึ่งหลายคน อาจจะไม่รู้จัก แต่ผมต้องบอกไว้ก่อนเลยครับว่า แบรนด์นี้ เป็นแบรนด์ลูกของ Michelin เอาเป็นว่า เพื่อไม่ให้เสียเวลาผมจะขอพามารู้จักยางตัวนี้กันก่อนเลยดีกว่าครับ
ก่อนอื่นผมขอมาพูดถึงแบรนด์ Corsa กันก่อนดีกว่า คำว่า “Corsa” อย่างที่หลายคนทราบมันแปลว่า “การแข่งขัน”
แบรนด์ Corsa เป็นแบรนด์จากอินโดนีเซีย เกิดขึ้นปี 2007 ได้รับการพัฒนาเทคโนโลยียางโดยวิศวกรจาก Pirelli ในปี 1991 และ วิศวกรจาก Continental ในปี 2004 โดยในปัจจุบันนี้เค้าเป็นแบรนด์ลูกของ Michelin
นอกจากนี้ Corsa ยังร่วมกับ Achilles แบรนด์ยางรถยนต์ในเครือ จับมือกันเป็น Sponsor ให้กับทีมบอลชื่อดัง Manchester United ในปี 2013 และ Paris Saint Germain ปี 2016
สำหรับในประเทศไทย เพิ่งได้ถูกนำเข้ามาทำตลาดเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ โดยรุ่นที่ถูกนำเข้ามาจะเป็นตระกูล Corsa Platinum เท่านั้น ซึ่งเป็นยางเกรดเรือธงเปิดตัวในปี 2015 ดังนั้น เพื่อนๆ มั่นใจได้ครับว่าจะเป็นยางสปอร์ต ราคาถูก แต่ Corsa Platinum ก็เป็นยางที่มีสมรรถนะดีและคุ้มค่าอย่างแน่นอน
กลับมาที่ยาง Corsa Platinum R93 คู่นี้กันครับ ที่ผมเรียกมันว่าเป็นกึ่งสลิค เพราะถ้าดูจาก Range แล้ว R93 เป็นรุ่นรองท็อปถ้าไม่นับยาง Racing ซึ่งยางที่เป็นตัวท็อปคือ R46 ที่เป็นไซส์สำหรับรถขนาดเล็กไปเลย
ส่วนเลข 93 กับ 46 ไม่รู้ว่าผู้ผลิตได้แรงบรรดาลใจมาจาก Marc Marquez
และ Valentino Rossi หรือเปล่านะครับ แต่ผมว่าคงใช่ล่ะ
สำหรับ Corsa Platinum R93 คู่ที่เราได้มาทดสอบนี้ ผมต้องชี้แจงก่อนว่า ทางผู้นำเข้าได้ทำการทดสอบจริงมาแล้ว เป็นเวลา 10 เดือน กับระยะทางประมาณ 6,000 กม. บนถนน และในสนาม แถมมี Burn ยางอีกด้วย จึงอาจจจะมีดูไม่ได้ใหม่มากนะครับ ในจุดนี้
รูปลักษณ์
Corsa Platinum R93 จะไซส์ขอบ 17″ เท่านั้น มีให้เลือก คือ ด้านหน้ากว้าง 110-120 ส่วนด้านหลังกว้าง 130-160
อย่างที่บอกเป็นยางแบบกึ่งสลิค ดังนั้นตัวดอกยางของเค้า จะดีไซน์ในแบบกึ่งเรียบ เพื่อให้มีพื้นที่ยึดเกาะมากที่สุด
โดยตัวลายดอกยางจะเป็นรูปตัว V ให้ความโฉบเฉี่ยว เหมาะสมกับความเป็นยางสปอร์ต
นอกจากนี้ จะมี Indicator ชี้วัดองศาการเทโค้งเอาไว้ด้วย
เทคโนโลยี
– Compound ของยางจะเป็นแบบกึ่ง Soft เนื้อนิ่ม มีองค์ประกอบของสาร Carbon Black + Silica อย่างละ 50%
ทำให้มันมีความทนทาน เมื่อยางมีอุณหภูมิสูงๆ อย่างเวลาที่เราลง Track และทำให้หน้ายางคงสภาพดีลดการเสียรูป ส่งผลให้ลดแรงต้านการหมุนลง นอกจากนี้ Silica จะช่วยให้การยึดเกาะที่พื้นผิวเปียก และ อุณหภูมิต่ำได้ดีอีกด้วย
– Profile ยางแบบตัว V ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในจังหวะพลิกเลี้ยว และเพิ่มพื้นที่ผิวสัมผัส ทำให้มีการยึดเกาะในโค้งดีขึ้น
ฟีลลิ่ง
จากที่บอกไปครับว่า ยางตัวนี้วิ่งทดสอบใช้จริงบนถนนเมืองไทย และลง Track มาแล้ว ถึง 6,000 กม.
แต่จากที่ผมได้สัมผัส มันยังมีความหนืดดีอยู่ จึงทำให้ขี่ได้มั่นใจแทบจะทันทีที่ขี่รถ
การเปลี่ยนเลน, พลิกเลี้ยวต่างๆ สามารถควบคุมได้ง่าย จึงทำให้เราขับขี่ได้ว่องไว กระฉับกระเฉง
เมื่อขี่ด้วยความเร็วสูง ต้องบอกก่อนนะครับว่า มันเป็นยางผ้าใบ ดังนั้นการขี่ที่ความเร็วสูงในที่เราหมายถึงคือ ยังอยู่ในช่วงความเร็วเดินทาง สักไม่เกิน 140 กม./ชม. ผมยังรู้สึกมั่นใจดี ในแบบยางน้องๆ กึ่งสลิคที่เป็นพวกเรเดียลเลย
ส่วนการเทโค้ง ก็แน่นอนครับ มั่นใจหายห่วง ขี่ได้สนุก พร้อมลงสนามเลยครับ
สำหรับเรื่อง Mileage ระยะทางในการใช้งานได้จริง อย่างที่บอกครับ เนื้อยางนิ่มให้การยึดเกาะดีมาก แต่ก็อาจจะหมดไว กว่ายางสปอร์ตเกรดที่ค่อนมาทาง On Road คู่อื่น แต่จากที่ประเมินดู ผมว่าวิ่งได้ราวๆ 20,000 กม. กับสมรรถนะประมาณนี้ และราคาไม่แพงผมว่า ok แล้วนะครับ
สรุป รีวิว Corsa Platinum R93 ถือได้ว่าเป็นยางสปอร์ตแบบเนื้อนิ่ม เหมาะกับรถไม่เกิน 500cc ถ้าเพื่อนๆ สายเทโค้ง ผมแนะนำเลย
เรียกได้ว่าคุ้มค่าคุ้มราคา ลง Track ก็ได้ ขี่ถนนก็เยี่ยม
ราคา Corsa Platinum R93 เริ่มเพียงเส้นละ 1,350-2,000 บาท คู่นึงจบไม่เกิน 3,500 บาท เท่านั้นครับ สำหรับไซส์ยางหลัง 160
เพื่อนๆ ที่สนใจ สามารถติดต่อได้ทางเพจ https://www.facebook.com/CorsaMotoThailand
อ่าน รีวิว เพิ่มเติมได้ที่นี่
