รีวิว Harley-Davidson Livewire ที่สเปน EV Bike ของเล่น BoyToy รถในฝันต้องแบบนี้!

0

เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทางทีมงาน MotoRival เราได้รับเกียรติจากทาง Harley-Davidson Thailand และ สิงคโปร์ เชิญเราบินไปไกลถึงเมือง Malaga ประเทศสเปน เพื่อร่วมทดสอบรถ ในตระกูล Softail MY2020 ใหม่ ด้วยกัน 5 รุ่น
แต่ไม่ได้มีเพียงเท่านั้น ยังแอบมีเซอร์ไพรส์ ให้บรรดาสื่อที่มาร่วมทดสอบในทริปนี้ ได้มีโอกาสลองสัมผัส รถไฟฟ้า สมรรถนะสูงอย่าง Livewire แม้จะเป็นระยะทางสั้นๆ แต่ต้องบอกว่า ประทับใจมากๆ
เพื่อไม่ให้เสียเวลา มารับชม รีวิว Harley-Davidson Livewire แบบ 1st impression กันเลยครับ

Harley-Davidson Project Livewire นั้น ได้ถูกเดินโปรเจ็ค ครั้งแรกตั้งแต่สมัยปี 2014 ในโฉม Prototype

Harley-Davidson-LiveWire-avengers-Age-of-Ultron
ซึ่งการโปรโมทของ Harley-Davidson นั้น ก็ทำได้ดี เพราะได้มีการนำรถคันดังกล่าวไป ร่วมภาพยนตร์จอเงินอย่าง Avengers 2 (Age of Ultron) ซึ่ง
Black Widow ได้บิดลงจากยานของ Shield เพื่อร่วมต่อกรกับเหล่าตัวร้าย Ultron

2020-harley-davidson-livewire-production-16และหลังจากนั้นทาง HD ก็ได้มีการพัฒนา วิจัยมันต่อไปเพื่อให้สามารถใช้งานได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จนได้มีการเปิดตัวโฉมขายจริงในช่วง EICMA2018
แต่ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขสเป็กที่แท้จริงออกมาเท่าใดนัก

2019 Harley-Davidson Livewireต่อมาได้มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการก็ช่วงต้นปี 2019 พร้อมกับการประกาศราคาจำหน่ายใน USA
และได้เริ่มส่งมอบขายจริงในตลาด USA และ ยุโรป ในช่วงกลางปี 2019 ที่ผ่านมา
ส่วนประเทศอื่นๆ อย่างโซนเอเชีย เราก็ยังไม่มีแผน ณ ปัจจุบัน นี้

เอาล่ะครับเกริ่นกันมาพอสมควรแล้ว ต่อมาก็ขอมาเข้าที่ตัวรถกันเลย

Review-Harley-Davidson-Livewire_7Harley-Davidson Livewire ดูจะมีรูปลักษณ์ผสมผสานกันระหว่าง Naked Sport และ Cruiser

Harley-Davidson-Livewire_Headlampตัวไฟหน้าโคม LED มาพร้อมหน้ากากครอบไฟ มีไฟเลี้ยว LED เป็นแถบยาวติดตั้งอยู่ด้านข้าง

Harley-Davidson-Livewire_SideRearด้วยดีไซน์แบบท้ายโล่งเน้นสปอร์ต ไฟท้ายจึงถูกยกไปติดตั้งที่บริเวณขายึดทะเบียนกันดีดล้อหลัง โดยมีแถบไฟ LED วางขนาบข้างป้ายทะเบียน

Harley-Davidson-Livewire_Tankครอบถังน้ำมันหลอก ทรงหยดน้ำขนาดเล็ก เพราะไม่มีถังน้ำมันจริง ทำให้สามารถเพิ่มพื้นที่จุดเป็นตัวเบาะให้เวลาเราขี่แล้วขาหนีบถังได้นุ่มสบาย

ตำแหน่งฝาถังน้ำมันปกติ เมื่อเปิดขึ้นมาจะพบกับช่องเสียบชาร์จไฟ

Review-Harley-Davidson-Livewire_TFTจอสี TFT ทัชสกรีน ขนาด 109mm ปรับเอนองศาได้
แสดงผลแบบครบครัน ทั้งความเร็ว, ระยะทาง, ประจุแบตเตอรี่, ข้อมูลต่างๆ รวมถึงระบบการเชื่อมต่อ
เทคโนโลยี การเชื่อมต่อ มาครบ แต่ไม่มีเวลาได้เล่น
เชื่อมมือถือ ฟังเพลง ดู Navi คุยโทรศัพท์, สั่งงานด้วยเสียง

Review-Harley-Davidson-Livewire_Left-Switchสวิทช์ทางซ้ายมือ ประกอบไปด้วย ปิด TC แตร, ไฟสูง/ต่ำ/Pass, ไฟเลี้ยวซ้าย ปุ่มสั่งงานด้วยเสียง, ปุ่มควบคุมเครื่องเสียง, Cruise Control

Review-Harley-Davidson-Livewire_Right-Switchสวิทช์ขวา มีปุ่มไฟฉุกเฉิน ปุ่มสตาร์ท, Run-Off, Mode + ไฟเลี้ยวขวา, จอยสติ๊ก

ตัวเบาะนั่งเป็นแบบชิ้นเดียวแบ่ง 2 ตอน เบาะผู้ซ้อนดูจะเล็กและค่อนข้างแคบเสียหน่อย

Michelin-Scorcher-Sport-Harley-Davidson-Livewireล้ออัลลอย 17″ สวมยาง Michelin Scorcher Sport ไซส์ 120 หลัง 180 ซึ่งความพิเศษ มันเป็นยางที่ ผลิตเพื่อ Harley-Davidson Livewire โดยเฉพาะ พร้อมตีคำว่า Harley-Davidson รวมถึงโลโก้ลงบนตัวยาง

2020-harley-davidson-livewire-production-15มิติตัวรถ
ยาว : 2,135 มิลลิเมตร
กว้าง : 830 มิลลิเมตร
สูง : 1,080 มิลลิเมตร
ความสูงเบาะ : 780 มิลลิเมตร
ความสูงใต้ท้องรถ : 130 มิิลลิเมตร
มุมเรค : 24.5 องศา
ระยะเทรล : 108 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ : 1,490 มิลลิเมตร
องศาการเอียงเพื่อเลี้ยวสูงสุด : ด้านขวา 45 องศา / ด้านซ้าย 45 องศา
ความจุน้ำมันเกียร์ : 0.32 ลิตร
ความจุน้ำยาหล่อเย็น : 0.72 ลิตร
น้ำหนักตัวรถ : 249 กิโลกรัม

Review-Harley-Davidson-Livewire_Ride-Position
ท่านั่ง
ด้วยตำแหน่งเบาะที่สูงประมาณ 780 มม. ทำให้ผู้ทดสอบสูง 175 ซม. สวมบูท เหยียบเต็มเท้าขาหย่อนได้ พอประมาณ (เมื่อเทียบกับรถที่ความสูงเบาะพอๆ กันอย่างกลุ่ม Sport Entry Bike รู้สึกกลุ่ม Entry Bike จะเหยียบได้เต็มขากว่า)

Review-Harley-Davidson-Livewire-Pon_4ตำแหน่งพักเท้าตำแหน่งดูจะค่อนข้างสูงพอสมควรเพื่อให้เทโค้งได้เยอะถึง 45 องศา และตำแหน่งดูจะร่นไปด้านหลัง นั่นจึงท่านั่งจึงให้ท่านั่งการวางเท้า ให้ความเป็นสปอร์ตชัดเจน

ส่วนแฮนด์บาร์ ทรงกลาง ถือว่าตำแหน่งกำลังพอดี ในคอนโทรล ดํูไม่กว้างไป แต่ด้วยความที่เราขี่ในเมือง Malaga ซึ่งเป็นเมืองที่ มีลมแรงมากๆ ขี่ประมาณ 120 กม./ชม. ก็เริ่มเหนื่อยแล้ว ต้องก้มหมอบเก็บคองอศอก กันพอสมควร

การขี่เราได้ขี่ในช่วงบริเวณทางขึ้นเขา หลังโรงแรม ซึ่งระยะทางไม่น่าไกลมากนัก คาดว่า ไปกลับ น่าจะประมาณ 10 กว่าโล นิดๆ ไม่มีรถติด
พบว่าโดยรวมท่านั่งที่ออกไปทาง Naked Sport ถ้าขี่ยาวๆ ไกลๆ น่าจะมีเมื่อยขาอยู่บ้าง

Review-Harley-Davidson-Livewire-Pon_2
ส่วนการคอนโทรลรถนั้น ด้วยความที่ตัวรถค่อนข้างหนัก 249 กก. และน้ำหนักส่วนใหญ่ถูกทิ้งลงตรงกลางบริเวณที่เป็นแบตเตอรี่และมอเตอร์ขับเคลื่อน ซึ่งถ้าจะให้ไปเทียบกับพวก Naked Bike คลาสพันคันอื่นๆ นั่นอาจทำให้ความกระฉับกระเฉงในการคอนโทรลอาจจะสู้ไม่ได้ เวลาเลี้ยวพวกโค้งแคบๆ อาจจะไม่ฉับไวนัก
แต่ในโค้งกว้าง ก็ยังถือว่าทำได้ดี เทโค้งไม่ยาก เนื่องจากจุดศูนย์ถ่วงต่ำ

Harley-Davidson-Livewire_Batteryขุมพลังขับเคลื่อน เป็นมอเตอร์ไฟฟ้า Revelation ที่ติดตั้งอยู่ด้านใต้ของแบตเตอรี่ เพื่อลดจุดศูนย์ถ่วงให้ต่ำที่สุด เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการควบคุมที่ดีที่สุด
มันสามารถส่งกำลังสูงสุด 78kW (105 hp) มีแรงบิดสูงสุด 116Nm
เคลมสมรรถนะ 0-100 กม./ชม. ในเวลาประมาณ 3 วินาที และ TopSpeed 177 กม./ชม.

Review-Harley-Davidson-Livewire_Batt-Motorส่วนแบตเตอรี่แรงดันสูง (RESS – ระบบเก็บพลังงานที่สามารถชาร์จได้ใหม่) แบบ Li-ion มีความจุ 15.5 kWh
เคลมระยะทางที่วิ่งได้ 158 กม.
สำหรับการชาร์จไฟในบ้านปกติ 1 ชม. ได้ระยะทาง 15 กม.
ดังนั้นแนะนำว่าถ้าชาร์จในครัวเรือนก็เสียบทิ้งไว้ทั้งคืนเลย
ถ้ากรณีชาร์จผ่าน Station Fast Charge จะเต็มภายใน 1 ชม. (ชาร์จ 80% ใช้เวลา 40 นาที)

Harley-Davidson-LiveWire-Still_5เริ่มต้น เราก็แค่กดปุ่มสวิทช์ Run-off มาที่ตำแหน่ง On กำเบรก และกดสวิทช์สตาร์ท เพียงเท่านี้ ก็พร้อมบิดออกตัวแล้ว
*ให้สังเกตุที่แถบสีตรงหน้าจอ เมื่อติดเป็นสีเขียวทั้ง 2 ฝั่ง นั่นหมายความว่ารถพร้อมวิ่งแล้ว แค่บิดคันเร่งรถก็พุ่งทันที เพราะฉะนั้น ต้องระวังมากๆ ครับ
ห้ามบิดคันเร่งซ๊้ซั้ว เป็นอันขาด เนื่องจาก รถมอไซค์ทั่วไป เราจะรู้ว่าเครื่องยนต์ติดขึ้น เพราะมีเสียง และ การสั่นสะท้าน หรือ ยังสามารถบิดคันเร่งเบิ้ลเครื่องได้ เพราะมีตำแหน่งเกียร์ว่าง รวมถึงคลัทช์
หรือถ้าเป็นรถไฟฟ้า แบรนด์จีนอื่นๆ ที่กำลังไม่สูงมากเมื่อคุณเปิดคันเร่งก็อาจจะพุ่งออกตัวแบบเรื่อยๆ แต่ผมขอย้ำว่าห้ามกับ Livewire คันนี้เป็นอันขาด เพราะพละกำลังทั้งหมดจะส่งจากมอเตอร์ไฟฟ้าลงสู่ล้อหลังทันที อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ

Harley-Davidson-LiveWire-Still_2โหมด ขี่ มีให้เลือก 4 + 3 แบบ ซึ่ง จะมีการปรับเซ็ทค่าภายในไม่เหมือนกัน ทั้งในเรื่องของการตอบสนองของคันเร่ง, การส่งถ่ายกำลัง, ระดับการทำงานของ TC และ ระดับการ Regenerate Braking (การดึงพลังงานที่สูญเสียไปกลับเข้ามาสู่แบตเตอรี่

ซึ่งข้อดี สามารถเปลี่ยนโหมดได้ขณะที่ขี่อยู่เลยเพียงแค่ปิดคันเร่ง เท่านั้น

4 Mode ที่ให้มา ได้แก่

– Sport คันเร่งไวต้องระมัดระวังมากๆ มีแรงดึง Regen brake ค่อนข้างหนัก เหมือนมี E-Brake มาช่วย
– Road = Normal ขี่แบบปกติ
– Rain ในโหมดนี้ รู้สึกได้ชัดเลยว่าคันเร่วงหน่วงขึ้นอย่างชัดเจน และกำลังถูกตอนลง พอสมควร และ TC ดูจะจับทำงานมากกว่าเดิม
– Eco เนื่องจากระยะทางใกล้ถึงโรงแรมที่พักแล้ว ผมจึงได้ ลองกดใช้โหมดนี้เพียงสั้นๆ พบว่า ดูใกล้เคียงกับ Rain Mode แต่ Regen brake ดูจะมีแรงดึงกลับค่อนข้างมาก พอๆ กับ Sport

ซึ่งหากต้องการจะไปปรับเซ็ทค่าต่างๆ อย่างละเอียด จะต้องไปที่ Individual Mode ที่มี 3 รูปแบบให้ ตั้งค่า เก็บไว้ คือ A B C

สำหรับเสียงที่ออกมา แน่นอนว่าไม่ได้มาจากท่อไอเสีย เสียงวี้ด เป็นเสียงการปั่นของมอเตอร์อย่างเร็วจี๋ ซึ่งถ้าใครเป็นผู้ที่ชื่นชอบเสียงเครื่องยนต์รอบจัดๆ ผมว่า น่าจะฟังเสียงเจ้า Livewire คันนี้ แล้วพอลื่นหวานหูกันอยู่บ้าง

Review-Harley-Davidson-Livewire-Pon_3
จากการขี่ใช้งานนั้น ตั้งแต่เปิดคันเร่งทันที ผมถึงกับต้องร้อง Wow! ในหมวกกันน็อค เหย มันไม่เหมือน Harley-Davidson คันไหนๆ ที่ผมเคยขี่มาก่อนหน้าเลย
เพราะรถที่ผมว่าขี่ได้สนุกสุดของ HD คงเป็นรุ่น Fatbob กับ FXDR แต่พอ มาลอง Livewire คือ เหมือนเป็นอีกโลกหนึ่ง

ส่วนตัวผมไม่เคยขี่รถ EV มาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลย และเป็น Performance EV Bike ด้วย แม้ภาพรวมกำลังจะน้องๆ พวกรถ Supersport 600 แต่ต้องไม่ลืมว่า Supersport มันมีรอบเครื่องที่สูงมากจัดจ้าน ต้องลากจนเข้ารอบสูงๆ ถึงรีดพละกำลังแรงดึงออกมาได้
แต่ Livewire คันนี้มันไม่มีรอบเครื่อง เวลาเปิดคันเร่งควรระวังมากเป็นพิเศษ เพราะมันสามารถถ่ายแรงบิดได้เต็ม 100% ในทันทีที่คุณบิดข้อมืออย่างกระทันรวดเร็ว

Harley-Davidson-LiveWire-Still_4อัตราเร่งนั้นประทับใจมากๆ ไม่ต้องมาพะวง กำคลัทช์ตบเกียร์ออกตัวให้ดี แค่ เปิดคันเร่ง รถก็พร้อมพุ่งทันที อัตราเร่งผมให้ไม่แพ้พวกรถ Superbike เป็นแน่
มีหลายที ผมเริ่มรู้สึกเริ่มมันส์ ก็เผลอเปิดคันเร่งเร็วในจังหวะออกโค้ง หรือ ขี่ไหลๆ มาและ ลองกระแทกคันเร่งทันที พบว่าล้อหลัง Slip ไปหลายรอบเลย (ส่วนหนึ่งคาดว่าพื้นผิว แม้จะแห้ง แต่อากาศค่อนข้างเย็นทีเดียวอุณหภูมิของยางจึงไม่ค่อยได้จึงไม่ค่อยมี Grip เท่าที่ควร) แต่ก็ไม่ต้องกังวลมากนักเพราะมีระบบ TC เข้ามาช่วยเหลือ

Top Speed ที่เคลม 177 มีจังหวะที่โล่งๆ ผมลองกดไปดู ได้เกือบแตะๆ 160 กม./ชม. ซึ่งก็ไม่ไหวแล้ว เพราะลมแรงมากๆ ตัวแทบจะปลิวกันเลย เทียบแล้ว Naked Sport ความเร็วแนะๆ 180 ผมว่าก็เกินใช้งานแล้วล่ะ

ระบบกันสะเทือน จาก Showa ทั้งหน้า-หลัง

Review-Harley-Davidson-Livewire_SFFโช้กหน้า : SHOWA® หัวกลับ “Separate Function Forks – Big Piston (SFF-BP®)” ขนาดแกน 43 มิลลิเมตร ปรับเซ็ทได้ทุกค่า
ระยะยุบโช้กหน้า : 115 มิลลิเมตร

Harley-Davidson-Livewire-Malaga_4โช้กหลัง : SHOWA® ต้นเดียว Balance Free Rear Cushion Lite (BFRC-lite®) ปรับเซ็ทได้ทุกค่า
ระยะยุบโช้กหลัง : 115 มิลลิเมตร

Harley-Davidson-Livewire_Bottomส่วนตัวเฟรม, สวิงอาร์ม จากอลูมีเนียมในโฉม Prototype ถูกเปลี่ยนมาเป็นเหล็กหล่อ ขณะที่ล้ออัลลอย ยังอลูมีเนียม
น่าเสียดาย ถ้า ทั้งเฟรม และสวิงอาร์ม เป็นอลูมีเนียม น่าจะช่วยลดน้ำหนักตัวได้ลงไปอีก

โดยภาพรวมแล้ว การทำงานของช่วงล่าง บอกเลย ไม่ต้องพูดกันมาก เพราะ เทคโนโลยีของช่วงล่าง ทั้งหน้า/หลัง ที่เป็น SFF/ BFRC ชุดนี้นั้น
ได้ถูกนำไปใช้ในรถแข่งดีกรีแชมป์โลก WSBK มาแล้ว ดังนั้นการันตีสมรรถนะได้เป็นอย่างดี
และแน่นอนว่า โดยภาพรวมจากเทคโนโลยีการใช้งานของรถสนาม นั้นก็ถือว่าเฟิร์ม กระชับ และดูจะออกไปทางแข็งสักหน่อย ซึ่งถ้ามีเวลามาปรับเซ็ทตั้งค่ากันใหม่ ให้เน้นใช้งานแบบทั่วๆ ไป Comfort ก็น่าจะทำได้ไม่ยาก เพราะสามารถปรับ Set เองได้ทุกค่าเต็มระบบ

Harley-Davidson-Livewire-Malagaระบบเบรก ABS จาก Brembo หน้า-หลัง (Cornering ABS เป็นออปชั่นเสริม)
จานหน้าทวินดิสก์ขนาด 300 มม. จับด้วยปั๊ม Radial Brembo monobloc 4 ลูกสูบ
จานหลังเดี่ยวขนาด 260 มม. จับด้วยปั๊ม 2 ลูกสูบ

การทำงานนั้น แม้ TC จะกดปิด ได้ แต่ ABS ไม่สามารถปิดได้ การใช้งานนั้น ก็ถือว่าสมราคา สามารถหยุดรถได้กำลังดี
แต่เนื่องจากที่รถรีดแรงบิดได้มาก และทันที นอกจากนี้มันไม่มีเกียร์ ไม่มี E-Brake ดังนั้น ในช่วงที่ขี่ทางเขา ถ้าเราไม่ใช้โหมด Sport ที่มีแรง Regen Brake สูง จะต้องกำเบรกค่อนข้างหนักมากเสียหน่อย ถ้าได้ปั๊มบนเบอร์ใหญ่กว่านี้ หรือ พวกปั๊มลอยในแบบพวกรถ Supersport/Superbike น่าจะเบรกจิกมือมั่นใจขึ้นกว่านี้ได้อีก

Harley-Davidson-LiveWire-Still_3สรุป รีวิว Harley-Davidson Livewire 1st impression ในครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างปรากฎการณ์ครั้งใหม่ ของแบรนด์มอเตอร์ไซค์ระดับตำนาน USA ที่ถือเป็นราชา American Cruiser เพราะ รถคันนี้ ได้ลบภาพคนขี่สไตล์อนุรักษ์นิยมออกไป จับกลุ่มคนรุ่นใหม่ มากขึ้น ทั้งเทคโนโลยี, สมรรถนะสูง รวมถึงรูปลักษณ์ ที่แม้มีกลิ่นอาย HD แต่ ก็ดูทันสมัย และโดดเด่นมากๆ

จุดขายของ Livewire คือ ความเป็น EV Bike Performance นี่ล่ะ มันไม่ใช่รถที่สร้างมาเพื่อประหยัด แต่ สร้างมาเพื่อสมรรถนะต่างหาก
เป็นของเล่น Boy Toy ที่เรียกว่า ถ้าผมมีเงินผมซื้อแน่ๆ
ดังนั้นขออนุญาตฝาก Harley-Davidson Thailand พิจารณา ครับ ผมเชื่อว่า ในไทยคงมีผู้สนใจ จริงๆ และพร้อมที่จะซื้อ Livewire คันนี้อย่างแน่นอน

Harley-Davidson-LiveWire-Still_1ก่อนส่งท้าย จะขอพูดถึงข้อดีของ EV Bike กันอีกหน่อยว่ามันมีอะไรดีอีกบ้าง
ก็คือการบำรุงรักษาง่าย เพราะไม่ต้องเกี่ยวข้องกับระบบน้ำมัน, ระบบอากาศ นั่นจึงทำให้เราไม่ต้องมาวุ่นวายกับ
การเติมน้ำมันเชื้อเพลิง, การถ่ายน้ำมันเครื่อง, เปลี่ยน หรือ ทำความสะอาดกรองอากาศ + ดูแลรักษา หรือ จูนเกี่ยวกับระบบไอเสีย, เปลี่ยนหัวเทียน

ส่วนข้อเสียล่ะ ที่เห็นว่าน่าจะกังวล หลักๆ ก็เพียงเรื่องแบตเตอรี่ ซึ่งการที่รถเพิ่งเปิดตัวมาประมาณไม่ถึง 1 ปี นี้ ยังไม่รู้ว่ามีผู้ใช้งาน LongTerm แล้วเป็นเช่นไรบ้าง แบตใช้ได้ระยะทางเท่าใด เสื่อมเร็วหรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้ ก็คงต้องขึ้นกับนโยบายการรับประกันของแต่ละประเทศที่วางจำหน่าย
กับประเด็นเรื่องลุยน้ำนี่ล่ะ ซึ่งส่วนตัวผมมองว่า ในประเทศแถบ USA และ ยุโรปนั้น เรื่องระบบท่อระบายน้ำนั้น ไม่น่าจะมีปัญหา เหมือนบ้านเรา ร่วมกับฝนที่ตก แต่ไม่ได้ ตกหนักโครมแบบบ้านเราจึงอาจจะไม่เจอปัญหาน้ำท่วม

แต่ยังไงก็ดี รถคันนี้ ผมบอกไปแล้วว่ามันเป็น Boy Toy ดังนั้น ผมคงไม่เอามันออกมาขี่ลุยน้ำท่วมเป็นแน่ล่ะ

สำหรับ Harley-Davidson Livewire มี 3 สี ได้แก่ Orange Fuse, Yellow Fuse และ Vivid Black
ด้านราคาค่าตัว เมื่อแปลงค่าเงิน จากหน่วย USD แล้วอยู่ 9.3 แสนบาท

ขอขอบคุณ Harley-Davidson Thailand และ Singapore ที่ให้เกียรติทาง MotoRival เราเป็นสื่อเดียวในไทย ที่ร่วมทริปทดสอบในครั้งนี้
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver/Writer

อ่านข่าว EV เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าว Harley-Davidson เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่าน รีวิว อื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ

Share.

About Author

Background EXP in Automotive journalists more than 10 Years Writer & Test Driver @Pantip Garage 2018-Present @9carthai 2015- 2017 @Torque & VIPStyle Magazine 2015 @Autospinn 2012-2015 @GTmania.tv 2009-2010

error: Content is protected !!