รีวิว Ride On ไม่ได้มีดีแค่กันยางแตก แต่สมรรถนะดีขึ้นด้วย สายซิ่ง สายสนามต้องมาดู

0

สำหรับนักบิดหลายคน ที่เป็นผู้ชื่นชอบการขี่ที่เน้น Performance รักในความเร็ว สิ่งจำเป็นที่ต้องมีตามมา นอกจากความแรงของรถแล้ว นั่นคือ การควบคุมรถที่ดีด้วย หลายคนเลือกทำช่วงล่างให้ดีขึ้น อาจจะ เปลี่ยนอัพเกรดโช้กอัพ, สปริง ฯลฯ แต่ถ้ามีอีกวิธี ซึ่งช่วยให้รถนิ่งขึ้น + เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ด้วย โดยมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าเปลี่ยนโช้กอัพล่ะ จะสนใจไหม?

Ride-On-CB650R
สวัสดีครับ เพื่อนๆ วันนี้ทีมงาน MotoRival ของเราจะขอพาคุณผู้ชม มารู้จักกับ Ride On มันคือ น้ำยาป้องกันยางแตก
แต่ เราจะไม่มารีวิว แบบเอาตะปูตำยาง เพราะแบบนั้น คนทำกันไปเยอะแล้ว รวมถึงผู้ที่รู้จักน้ำยา Ride On นี้ ก็คงรู้สรรพคุณในเรื่องของการป้องกันยางแตกกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ทีมงาน MotoRival เราจึงมา รีวิว Ride On กันในเรื่องคุณสมบัติ ที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ นั่นก็คือ สมรรถนะ หากเราเติมแล้ว จะขี่ดีขึ้นแค่ไหน มาชมกันครับ

Review-Ride-On_3
ก่อนอื่น คงต้องขอพูดถึงตัว Ride On กันก่อนว่า มันคืออะไร หลักการทำงาน มันช่วยอะไรบ้าง

Ride On เป็นเจล นำเข้าจาก USA มีส่วนผสมของกากใยไฟเบอร์ ซึ่งจะหลอมเป็นเนื้อเดียว ไม่แยกตัวออกจากกัน
ด้วยลักษณะแบบเจล ที่คงสภาพหนืดไว้ ไม่ละลายเป็นน้ำ หรือ แข็งตัวเป็นก้อนแบบกาว
จึงทำให้เวลาเติม แล้วตัวเจล จะไปเกาะภายในทั่วหน้ายาง มันจึงรักษาสมดุลรถได้ดี ทำให้วิ่งแล้วนิ่ง ไม่มีอาการแกว่ง
นอกจากนี้ ยังล้างออกง่าย และยังมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 4 ปี

Review-Ride-On_4
ที่จริงแล้ว คุณสมบัติหลักของมันคือ การถนอมยางให้ใช้งานได้ยาวนาน เนื่องจาก มันสามารถลดอุณหภูมิยางได้ถึง 11 องศาเซลเซียส รวมไปถึงรักษาแรงดันลมยางภายในล้อได้ยาวนานกว่าปกติ 4-5 เท่า จึงไม่ต้องเติมลมบ่อย เคยมีผู้ทดสอบเติม Ride On ขี่รถจากเอเชียไปยัง ยุโรป ไม่ต้องเติมลมเลย ด้วยการที่รักษาแรงดันลมยางอย่างเหมาะสม เมื่อเท่ียบกับผู้ที่ไม่ค่อยได้หมั่นเช็คลมยางแล้ว มันจะช่วยให้อัตราสิ้นเปลืองดีขึ้นอีก 1-3%

ซึ่งคุณสมบัติที่ว่ามานี้ จะใกล้เคียงกับการเติมลม Nitrogen แต่ ดีกว่า นั่นจึงทำให้ Ride On เคลมว่า ช่วยยืดอายุการใช้งานยางให้ยาวนานขึ้นอีก 25%

เอาล่ะรู้จักเจ้า Ride On กันไป พอสมควรแล้ว เราขอพามาชมวิธีการเติมใช้งานจริงกันเลยดีกว่า

Review-Ride-On_1
วิธีการเติม
1. พยายามตั้งรถให้จุ๊บลมอยู่ตรงกลางด้านล่าง แล้วให้ปล่อยลมยางออกให้หมด
ซึ่งวิธีการที่เราแนะนำ คือ ขันจุ๊บลมออก แล้วเอานิ้ว หรือ กุญแจกดเข้าไปเพื่อปล่อยลมให้ออกมาระดับนึงก่อน หลังจากนั้น ก็นำที่ขันศรลม ที่ให้มาในซอง
ขันศรลมออก เพื่อปล่อยลมให้ออกให้หมด (วิธีนี้ จะปลอดภัยกว่า ขันศรลมตั้งแต่แรก เพราะแรงดันลมยางสูงอาจทำให้ ศรลมกระเด็นหาย และแรงอัดอาจทำให้เกิดอันตรายได้)

Review-Ride-On_2
2. ดูขนาดของยาง จากแผ่นกระดาษคู่มือที่ให้มาว่า ยางของคุณต้องเติมปริมาณเท่าไร
หลังจากนั้น ให้ต่อท่อยางที่ให้มาในซอง เข้าที่จุ๊บลม หลังจากนั้น ก็ตัดหัวปั๊มของ Ride On เพื่อบีบเนื้อเจลเข้าไปตามปริมาณที่แผ่นคู่มือระบุไว้

สำหรับรถทดสอบ Honda CB650R ของเรา
ล้อหน้าสวมยางไซส์ 120/70 ZR17 ซึ่งตารางแนะนำให้ใส่ 7-8 Oz
ซึ่ง Ride On 1 ขวด มีขนาด 8 Oz พอดี และทาง Ride On แนะนำให้ใส่ในปริมาณสูงสุดตามที่กำหนดจะดีที่สุด ดังนั้นล้อหน้าจึงควรบีบให้หมดหลอด

ส่วนล้อหลังสวมยางไซส์ 180/55 ZR17 ซึ่งตารางแนะนำให้ใส่ 11-13 Oz
เราจึงต้องบีบให้หมด 1 ขวด และ อีกขวด ให้บีบอีก 5 Oz

Review-Ride-On_5
3. หลังจากเติมเสร็จ ให้ขันศรลมกลับเข้าไป และนำรถไปเติมลมยาง ให้ได้ตามค่ามาตรฐาน

4. หลังจากเติมเสร็จ ให้นำรถไปวิ่งใช้ความเร็ว เพื่อให้ Ride On เคลือบทั่วหน้ายางข้างใน
โดย Ride On แนะนำระดับความเร็ว 120 กม./ชม.
*ในช่วงแรก จะพบว่ายางสั่น เนื่องจากเจลกองอยู่ด้านล่างของตัวยางในตำแหน่งเดียว
เมื่อเราวิ่งด้วยความเร็วสักพัก อาการสั่นนั้นจะหายไป นั่นหมายความว่า น้ำยาเกาะทั่วหน้ายางด้านในเรียบร้อย

Review-Ride-On-Cover2
เอาล่ะ เติมกันเสร็จแล้ว ก็ไปเทส สมรรถนะกันเลยดีกว่า

หลังจากที่ทีมงานเรานำรถ CB650R ที่เติม Ride On ไปทดสอบมานั้น
ต้องเรียนตามตรงว่า ในด้านของ Top Speed ความเร็วปลาย มันคงไม่ได้ ช่วยให้รถทำ Top Speed ได้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
เพราะจากการทดสอบของเรา Top Speed ก่อนและหลัง จะใกล้เคียงกันที่ระดับ 230 กม./ชม. ขึ้นกับสภาพลม และถนน ในรอบที่เติม Ride On จะทำความเร็วได้มากกว่าเล็กน้อย

แต่จุดที่สัมผัสได้เลยตั้งแต่แรก คือ ที่ความเร็วสูงๆ โดยเฉพาะกับรถ Naked เช่นนี้ โดยเฉพาะล้อหน้า จะรู้สึกได้ชัด พบว่ารถนิ่ง ช่วงล่างหน้าแน่นขึ้น เวลาแซง หรือ เปลี่ยนเลน ทำได้ง่าย และ รู้สึกมั่นใจยิ่งขึ้นกับการคอนโทรลรถที่ระดับความเร็วสูง

ขณะที่ล้อหลังนั้น อาจจะไม่ได้รู้สึกมากเท่าล้อหน้า แต่ก็พอจับได้ว่า อาการดิ้นของล้อหลังมันลดลง โดยเฉพาะในช่วงเปิดคันเร่งหนักๆ
รวมไปถึง เวลาเข้าโค้ง ก็สามารถเดินคันเร่งทำความเร็วได้ดีขึ้นด้วย

Review-Ride-On-Cover3
สรุป รีวิว Ride On ในครั้งนี้ มันไม่ได้มีสรรพคุณเพียงแค่ป้องกันยางแตกเท่านั้น แต่ยังช่วยรักษาสมดุลของล้อและยาง ทำให้ภาพรวมในการขี่รถคู่ใจของคุณ ดูเฟิร์มนิ่งขึ้น คอนโทรลรถได้ง่าย และมั่นใจยิ่งขึ้น เมื่อขี่ที่ความเร็วสูง
นั่นจึงไม่แปลกใจที่ นักแข่งในสนามหลายคนต่างเลือกใช้

นอกจากนี้ อย่างที่ได้กล่าวไปในตอนต้น มันมีคุณสมบัติในการ ยืดอายุการใช้งานของยาง รวมถึงรักษาแรงดันลมยางให้คงที่ จึงไม่ต้องเติมลมบ่อย

เรียกได้ว่า เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจทีเดียว หากคุณเป็นผู้ที่สนใจในประสิทธิภาพ ของการควบคุมรถแล้วล่ะก็ การเติม Ride On ใส่ยางรถคันโปรดของคุณ ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว และได้ของแถมเป็นการป้องกันยางแตกอีกด้วย

Ride-On
Ride On สำหรับรถจักรยานยนต์ ขวดมีปริมาณ 8 Oz ราคาขวดละ 665 บาท
ผู้ที่สนใจสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง http://neverlosetech.com/
หรือ ค้นหาร้านตัวแทนจำหน่าย พร้อมติดตั้งได้ที่นี่

เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ

Share.

About Author

Background EXP in Automotive journalists more than 10 Years Writer & Test Driver @Pantip Garage 2018-Present @9carthai 2015- 2017 @Torque & VIPStyle Magazine 2015 @Autospinn 2012-2015 @GTmania.tv 2009-2010

error: Content is protected !!