สำหรับสเต็ปการแต่งรถเพื่อเสริมสมรรถนะเครื่องยนต์ให้แรงขึ้น นอกจากการเปลี่ยนท่อไอเสียแล้ว สิ่งหนึ่งที่มักเป็นสเต็ปต่อมาก็คงหนีไม่พ้นการเปลี่ยนกรองแต่งสักชิ้นเพื่อเปิดทางให้อากาศสามารถเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้มากขึ้น เครื่องยนต์จะได้จุดระเบิดได้รุนแรงขึ้น แต่ทว่ากรองอากาศในปัจจุบันมันก็มีอยู่หลากหลายแบบ หลายหลายจุดประสงค์เหลือเกิน ทั้งกรองกระดาษ, กรองผ้า, และกรองแตนเลส ซึ่งแล้วแต่ละแบบมันมีแตกต่างกันอย่างไรนั้น ? ในครั้งนี้เราจะมาไขข้อสงสัยให้เพื่อนๆทราบไปพร้อมๆกันครับ
– เริ่มจาก “กรองเดิม หรือที่เรียกว่ากรองกระดาษ” จะสามารถกรองฝุ่นได้ดีที่สุด เนื่องจากตัวกรองมีความละเอียดสูง จึงทำให้อากาศที่เข้าสู่ห้องเผาไหม้มีความสะอาดที่สุดเมื่อเทียบกับกรองชนิดอื่นๆ ทว่าในทางกลับกัน ด้วยความละเอียดของมันก็ทำให้อากาศเข้าได้น้อยซึงส่งผลต่อในเรื่องพละกำลังของเครื่องยนต์ เพราะยังไงในการสันดาปน้ำมันเชื้อเพลิง ตัวปฏิกิริยาก็ต้องการอากาศมาเป็นส่วนหนึ่งของการเผาไหม้ด้วย (ยิ่งอากาศมาก ก็ยิ่งจ่ายน้ำมันได้มาก ยิ่งทั้งสองอย่างมาก ก็ยิ่งจุดระเบิดได้แรง)
อย่างไรก็ดี ข้อเสียของตัวกรองกระดาษนอกเหนือจากกำลังเครื่องที่ด้อยกว่าชาวบ้านแล้ว ก็ยังเป็นเรื่องของความทาน เพราะด้วยความที่มันสามารถจับฝุ่นได้ดีมากจึงทำให้มันเกิดการตันได้ไวที่สุด และเมื่อมันตันแล้ว เราจะไม่สามารถทำความสะอาดได้เลย มีแต่ต้องทิ้งอย่างเดียวเท่านั้น หรือถึงล้างไปก็ไม่ได้ทำให้กรองสะอาดขึ้นกว่าเดิมเท่าไหร่นัก เนื่องจากยังไงฝุ่นละอองก็จะติดฝั่งในอยู่กับเนื่้อกรองอยู่ดี แถมตัวกรองอาจเปื่อยยุ่ยจนไม่สามารถใช้การได้อีก ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือการเปลี่ยนกรองใหม่เท่านั้น ซึ่งโชคดีที่กรองชนิดนี้ราคาไม่สูงเท่าไหร่นัก
– ดังนั้นในลำดับต่อมา เราจึงเริ่มมองหา “กรองสแตนเลส” ที่เหล่านักซิ่งสายสนามชอบใช้กัน เนื่องจากมันสามารถมีช่องให้อากาศสามารถไหลเข้าสู่เสื้อสูบไปผสมกับน้ำมันเชื้องเพลิงได้เยอะที่สุด (เยอะกว่านี้ก็คือใส่แค่ปากแตรแล้วไม่ต้องมีตะแกรงกั้นอะไรแล้ว) จึงทำให้หลายๆคนที่ซื้อไปใส่สามารถเห็นผลและสัมผัสได้ทันทีว่าเครื่องยนต์แรงขึ้น หรือถ้าเงินถึงก็แฟลชกล่อง/จูนกล่อง ECU พร้อมเพื่อปรับการจ่ายน้ำมันใหม่ให้สัมพันธ์กับอากาศที่เข้ามามากขึ้น ก็ยิ่งแรงขึ้นไปอีก แถมไม่พอยังทนทานสุดๆอีกด้วยเนื่องจากตัวกรองทำขึ้นจากวัสดุประเภทสแตนเลสที่ไม่สลายเป็นปุ๋ยไปง่ายๆถึงจะโดนน้ำ
แต่ทว่าด้วยความที่มันแทบไม่ปิดกั้นหรือกันฝุ่นอะไรได้เลยหากไม่มีขนาดใหญ่กว่าตะแกรง ซึ่งส่วนใหญ่ก็กันได้เฉพาะระดับเศษหินขึ้นไป จึงทำให้ฝุ่นละอองต่างๆที่เล็กกว่านั้นสามารถไหลเข้าสู่ห้องเครื่องได้ง่ายมาก และหลังจากที่ปฏิกิริยาสันดาปของน้ำมันเชื้อเพลิงกับอากาศได้เกิดขึ้นและหมดแล้ว ตัวฝุ่นละอองที่ว่านี้ก็ไม่ได้จะปลิวหรือไหลไปกับไอเสียออกทะลุปลายท่อทั้งหมด และมันจะยังคงเป็นคราบเขม่าติดวนเวียนในระบบอยู่อย่างนั้น ซึ่งหลังจากที่ใช้งานไปนานๆ ตัวคราบเขม่าทั้งหลายก็จะสร้างความเสียหายให้กับเครื่องยนต์หนักขึ้นเรื่อยๆ ทั้งโดยตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นการไหลเข้าไปผสมกับน้ำมันเครื่องจนทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็วขึ้น, ติดอยู่ตามบ่าวาล์วทำให้บ่าวาล์วสึกเร็วกว่าที่ควร, เกาะอยู่ที่แคทตาไลติก ทำให้ท่ออั้นและตันไว (แต่ส่วนใหญ่ก่อนเปลี่ยนกรองก็เปลี่ยนท่อกันอยู่แล้วจึงไม่ค่อยเจอปัญหานี้)
– จากข้อที่แล้ว จึงทำให้หลายคนอยากขยับขึ้มาอีกนิดเริ่มหันมามอง “กรองผ้า” ที่สามารถเอื้อให้อากาศไหลเวียนเข้าสู่ห้องเครื่องได้ดีขึ้น แถมถ้ากรองตันขึ้นมา หรือไม่ก็ได้รอบน้ำยาที่เคลือบไว้หายไปหมด เราก็ยังสามารถถอดมาล้างและ ใส่น้ำยาเคลือบเพื่อนำกลับไปใช้ใหม่ได้อีกด้วย เราจึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปซื้อกรองใหม่บ่อยนักเมื่อเทียบกับกรองกระดาษ (บางคนถ้าดูแลรักษาดีๆก้อยู่ได้แทบจะตลอดอายุตัวรถ)
อย่างไรก็ดีด้วยความที่มันไม่สามารถกรองฝุ่นได้ละเอียดเท่ากรองกระดาษ จึงทำให้เครื่องยนต์มีโอกาสเกิดคราวเขม่าภายในระบบสูงขึ้นไปอีกด้วยเช่นกัน ดังนั้นหากเทียบในเรื่องความเป็นมิตรต่อเครื่องยนต์ ตัวกรองผ้าก็ยังจะแพ้กรองกระดาษเดิมๆติดรถอยู่ดี
อ่านข่าวสาร Tips Trick เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ
