Triumph Rocket III ครุยเซอร์ใจใหญ่ เครื่อง 3 เม็ด 2,500cc จ่อเปิดตัวไทย สัปดาห์หน้า !!

ย้อนไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Triumph Rocket III R และ Triumph Rocket III GT สองบิ๊กครุยเซอร์รุ่นใหม่ล่าสุดของ Triumph ได้ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลกในประเทศอังกฤษ มาตอนนี้ก็ดูเหมือนว่ามันจะใกล้ได้เวลาที่จะถูกเผยโฉมแล้ววางจำหน่ายในประเทศไทยของเราบ้าง

โดยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นทาง Triumph Motorcycle Thailand ที่ได้เริ่มโปรโมทงาน Triumph Day 2019 ที่เตรียมจะจัดขึ้นในวันที่ 16 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ซึ่งฟังดูแล้วก้น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะสาวกค่ายเพราะนี่ถือเป็นงานที่ทางค่ายจะมีงานมีทติ้งเฉพาะลูกค้าของตนเองอย่างเป็นทางการในบ้านเราครั้งแรก

แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือตัวรถที่พวกเขาใช้ประกอบภาพโปรโมท ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่านี่คือภาพร่างของ Triumph Rocket III ครุยเซอร์ใจใหญ่ เครื่อง 3 เม็ด 2,500cc ที่ได้รับความสนใจจากชาวไทยอยู่พอสมควร ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงมากที่ทางผู้บริหารจะเปิดตัวมันในงาน Triumph Day 2019 กับ “กิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ” ที่พวกเขาระบุไว้

โดยหากพูดถึงงานตกแต่งภายนอกในเบื้องต้น All-New Triumph Rocket III ก็ถือว่าไม่ได้มีความแตกต่างจากตัว TFC มากมายนัก หรือเอาจริงๆก็คือมันยังมีเปลือกดีไซน์เหมือนกับตัวเปลือกคาร์บอน เพียงแค่เปลี่ยนวัสดุบอดี้พาร์ทต่างๆรอบคันเป็น ABS และอลูมิเนียมในหลายๆจุด ซึ่งจุดเด่นที่เรายังเห็นได้ชัดที่สุดคือชุดไฟหน้าโคมคู่ ใช้หลอดด้านในแบบ LED อันเป็นเอกลักษณะ ขณะที่ตัวเรือนร่างรอบคันก็แสดงให้เห็นมัดกล้ามชัดเจนตั้งแต่หลังแผงคอลากยาวจนถึงชุดท้าย

เครื่องยนต์ 3 สูบเรียง 2,458cc มีเรดไลน์สุงสุดที่ 7,000 รอบ/นาที แต่ทำกำลังสูงสุดได้มากขึ้นจากโฉมก่อน 11 เปอร์เซ็นต์ เป็น 164.7 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที สส่วนแรงบิดก็สามารถทำได้สูงถึง 221 นิวตันเมตร ด้วยรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำเพียง 4,000 รอบ/นาที และน้ำหนักเบาลงกว่าเดิมถึง 18 กิโลกรัม

ด้านน้ำหนักตัวไม่รวมของเหลว ด้วยชุดเฟรม, ส่วนควบต่างๆ, รวมถึงเครื่องยนต์ที่เราเกริ่นไปในข้างต้น ส่งผลให้มันมีน้ำหนักตัวเบาลงจากเดิมถึง 40 กิโลกรัม เหลืออยู่ที่ 294 กิโลกรัมในรุ่น GT และ 291 กิโลกรัมในรุ่น R

แต่ด้วยน้ำหนักตัวที่เฉียดหลัก 300 กิโลกรัม ทำให้ระบบกันสะเทือนของมันต้องจัดเต็มไม่แพ้รถซุปเปอร์ไบค์ ทั้งชุดโช้กหน้าหัวกลับปรับได้ทุกค่า ขนาดแกนกลางใหญ่ถึง 47 มิลลิเมตร ส่วนโช้กหลัง ที่ทำงานกับสวิงอาร์มแขนเดี่ยว จะเป็นแบบต้นเดี่ยว ปรับเซ็ทได้ทุกค่าเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานี้รับผิดชอบโดย Showa

ขณะที่ปั๊มเบรกเองก็แน่นอนว่าต้องเป็นของ Brembo โดยด้านหน้าจะเป็นแบบเรเดียลเมาท์โมโนบล็อคคาลิปเปอร์รุ่น Stylema ใหม่ล่าสุด ทำงานร่วมกับจาน Semi-Floating ขนาด 320 มิลลิเมตร ขณะที่ด้านหลังก็จะเป็นปั๊มโมโนบล็อครุ่น M4.32 เช่นกัน ทำงานร่วมกับจานเดี่ยว 300 มิลลิเมตร และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ระบบ Cornering-ABS ทำงานร่วมกับระบบ IMU ที่หลักๆแล้วจะมาพร้อมกับชุดแทร็คชันระบบคอนโทรล

ด้านชุดล้อเองก็เรียกได้ว่าใหญ่สะใจเช่นกัน โดยในฝั่งของล้อหน้าจะเป็นขนาด 17 x 3.5 นิ้ว รัดด้วยยางไซส์ 150/80-R17 ส่วนล้อหลังก็จะมีขนาด 16 x 7.5 นิ้ว รัดด้วยยาง 240/50-R16

ปิดท้ายด้วยชุดหน้าจอมาตรวัด ที่เป้นแบบพิมพ์นิยิมในปัจจุบันของ Triumph น่นก็คือมาตรวัดแบบ Full-Digital TFT มีตัวเรือนทรงกลมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางไว้แสดงผล รอบเครื่องยนต์, ความเร็ว, ระยะทาง, อุณหภูมิแวดล้อม และโหมดการขี่ขี่ 4 รุูปแบบ (Rain/Road/Sport/Rider) เป็นต้น ส่วนขอบจอด้านข้างจะแสดงผลในเรื่องของระดับน้ำมัน, ความร้อน, และสถานะของระบบความปลอดภัยต่างๆที่ทางค่ายใส่มาให้เพิ่มเติมเช่น แฮนด์อุ่นมือ, ระบบช่วยสตาร์ทบนทางชัน, และ Cruise Control ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานี้เราจะได้สัมผัสมันในวันเสาร์หน้าหรือไม่ มารอชมไปด้วยกันครับ