หนึ่งในคำถามที่อยู่คู่วงการ Bigbike มานานที่สุด และยังมีคนเถียงกันอยู่จนถึงทุกวันนี้ ก็คงจะเป็นข้อสงสัยในตัววงการเองว่า Bigbike คืออะไร? เพราะถามแต่ละคนก็ได้คำตอบไม่เหมือนกัน Honda CBR500R นับเป็นบิ๊กไบค์ไหม? แล้วรถตัวแรงอย่าง Kawasaki ZX-4R ถือว่าเป็นบิ๊กไบค์หรือเปล่า?

การหาคำตอบของคำถามนี้ที่ดูเหมือนจะง่าย กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด ไม่เช่นนั้นมันคงไม่ใช่คำถามที่คนเถียงกันจนถึงปัจจุบัน เพราะถ้าเราดูที่ส่วนอื่นของโลก Bigbike ในแต่ละประเทศ แต่ละตลาด ก็มีค่านิยมและนิยามของคนแต่ละท้องที่ที่ต่างกันออกไป

ยกตัวอย่างเช่นเจ้าแห่งผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์อย่างญี่ปุ่น ที่จะนิยามรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ว่าต้องมีเครื่องยนต์ ที่มีปริมาตรกระบอกสูบมากกว่า 400 ซีซี เนื่องจากกฎหมายญี่ปุ่นกำหนดว่าผู้ที่ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ที่มีเครื่องใหญ่กว่า 400 ซีซี จำเป็นต้องทำใบขับขี่พิเศษเพิ่มเติมจากใบขับขี่ธรรมดา เป็นผลจากความแรงและอันตรายของตัวรถ

ตลาดใหญ่อีกแห่งอย่างทวีปยุโรป ก็จะใช้วิธีแบ่งประเภทรถตามใบขับขี่เช่นกัน แต่ตลาดฝั่งนั้นจะไม่ได้แบ่งระดับของรถตามปริมาตรกระบอกสูบ แต่จะเปลี่ยนเป็นการวัดจากพละกำลังสูงสุดที่เครื่องยนต์นั้นสร้างได้ รถที่มีกำลังสูงสุดมากกว่า 35 KW หรือประมาณ 47 Hp จะถูกจัดเป็นรถใหญ่ที่ต้องมีใบขับขี่เพิ่ม

จากนิยามของกฎหมายที่แตกต่างกัน ก็ทำให้รูปร่างของตลาดทั้งสองนั้นต่างกันออกไปด้วย รถหลายรุ่นในยุโรปที่มีเครื่องยนต์ใหญ่มาก กลับถูกวางจำหน่ายพร้อมรุ่นลดแรงม้า เพื่อให้ลูกค้าที่ไม่มีใบขับขี่พิเศษสามารถเป็นเจ้าของได้ ถ้าลูกค้าไปทำใบขับขี่เพิ่มเมื่อไร ทางศูนย์บริการก็จะจูนแรงม้ารถของเราให้มาเต็มเป็นปกติ

ส่วนรถเล็กที่ถูกจำกัดเพดานแรงม้า แต่ไม่จำกัดปริมาตรกระบอกสูบ ก็มักจะมาพร้อมเครื่องยนต์ลูกใหญ่กว่าที่มีอยู่ในตลาดอื่น และถูกจูนให้สร้างแรงบิดมากเป็นพิเศษ เนื่องจากแรงบิดเป็นตัวเลขที่ไม่ถูกกฎหมายควบคุม ยกตัวอย่างเช่น Honda CBR500R และ Kawasaki Ninja 500

ส่วนรถจากทางญี่ปุ่นที่มีข้อจำกัดด้านความจุเครื่องยนต์ ก็จะใช้วิธีรีดรอบเครื่องยนต์ให้สูงที่สุด และสร้างแรงม้าให้ได้มากที่สุดภายใต้ปริมาตรกระบอกสูบที่มีอยู่อย่างจำกัด ส่งผลให้เราเห็นรถคลาสตำนานแบบ 4 สูบเรียง 400 ซีซี จากเหล่าค่ายใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น Honda CB400 Super Four หรือ Kawasaki ZX-4R

แต่ถ้าเราย้ายไปดูที่ประเทศอินเดีย นิยามของ Bigbike นั้นจะเริ่มต้นที่ประมาณ 300-350 ซีซี ซึ่งต่างกับยุโรปและญี่ปุ่นตรงที่อินเดีย ไม่ได้มีนิยามแบบเป็นทางการที่อ้างอิงมาจากกฎหมายประเภทใบขับขี่ แต่เป็นค่านิยมของตลาดนั้นเองโดยตรง จะเห็นได้ว่ารถอย่าง Honda CB350, Royal Enfield 350 ต่างก็เลือกตำแหน่งนี้มาใช้เป็นเส้นแบ่งเหมือนกัน อันที่จริงแล้วค่ายปีกนกในอินเดีย เลือกที่จะนำ CB350 มาใส่ในโชว์รูปของ Honda Big Wing เลยด้วยซ้ำ

ทางด้านของอินโดนีเซีย ที่ถึงแม้จะไม่มีการแยกประเภทใบขับขี่ตามปริมาตรกระบอกสูบ แต่ด้วยความที่รัฐบาลจัดเก็บภาษีรถมอเตอร์ไซค์ที่มีเครื่องยนต์ใหญ่กว่า 250 ซีซี สูงเป็นพิเศษ เนื่องจากมองเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ก็ทำให้รถที่เกินเส้นแบ่งบันไดภาษีตรงนั้น ถูกมองว่าเป็น Bigbike ในสายตาของคนในประเทศ

อันที่จริงแล้วถ้าเราดูในประเทศไทยเอง คนจากแต่ละยุคก็จะมองว่ารถกลุ่มไหนถึงจะเป็น Bigbike แตกต่างกันออกไป คนจากเมื่อ 15-20 ปีก่อน อาจจะมองว่ารถมอเตอร์ไซค์ขนาดประมาณ 250 ซีซี นั้นก็ถือว่าใหญ่แล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไปเราก็เริ่มมองรถใหญ่ว่าเป็น 300-400 ซีซี ตามลำดับ เนื่องจากในตอนแรกเราไม่มีนิยามทางกฎหมาย คนทั่วไปแค่ดูกระแสของรถคลาสเริ่มที่มีอยู่ในตลาดตอนนั้น เช่นตอนนี้ที่รถส่วนใหญ่ใช้เครื่อง 400-450 ซีซี กันหมดแล้ว เราถึงเริ่มมองรถคลาสนี้ว่าเริ่มใหญ่

และถึงแม้ตอนนี้เราจะมีการออกกฎหมายนิยามรถ Bigbike อย่างเป็นทางการว่าต้องมีเครื่องยนต์ใหญ่กว่า 400 ซีซี หรือมีพละกำลังสูงสุดมากกว่า 47 Hp โดยอ้างอิงกฎหมายของทั้งยุโรปและญี่ปุ่น แต่ก็ไม่วายยังมีปัญหาตามมา เพราะรถบางรุ่นที่ถือว่าบิ๊กในตลาดนึง ก็ไม่ได้ถูกมองว่าบิ๊กในอีกตลาด แต่ในไทยก็ถูกมองว่าบิ๊กเหมือนกันหมด

ยกตัวอย่างเช่น Royal Enfield Himalayan 411 ที่มีพลกำลังแค่ 26 Hp กลับถูกกฎหมายตีความว่าใหญ่ เพราะปริมาตรกระบอกสูบเกิดที่กฎหมายกำหนดมาเล็กน้อย

ทางด้านของ Kawasaki ZX-4R ที่มีปริมาตรกระบอกสูบพอดีกับกฎหมาย ก็ถูกตีความว่าบิ๊กไบค์เหมือนกัน เนื่องจากมันสร้างพละกำลังสูงสุดกว่า 77 Hp ซึ่งถือว่าแรงเกินนิยามรถเล็กของยุโรปไปมาก

ไหนจะตัวปัญหาอย่าง Honda 500 series ที่ทำการแบ่งรุ่นเป็น 500 ซีซี สำหรับตลาดโลก และจะมีรุ่น 400 ซีซี สำหรับตลาดในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งรถเหล่านี้ต่างก็มีขนาดตัวเท่ากัน แรงพอกัน และไม่ถูกนับว่าเป็นบิ๊กไบค์ในตลาดของตัวเอง แต่กลับถูกนับว่าเป็นบิ๊กไบค์ในประเทศไทย
สุดท้ายนิยามคำว่า Bigbike ก็เป็นเหมือนนิยามที่มาจากมุมมองของแต่ละคนมากกว่า เพราะไม่ได้มีเส้นแบ่งที่บอกความแตกต่างของรถทั้งสองแบบในเชิงวิศวกรรม ยกเว้นบางตลาดที่มีนิยามอย่างเป็นทางการโดยข้อกฎหมาย จนทำให้ค่ายรถต้องสร้างรถที่ใช้ประโยชน์จากกฎหมายที่ว่าให้ดีที่สุด และทำให้ลูกค้าเห็นเส้นแบ่งที่ว่าตามไปด้วย
อ่านข่าวสารมอเตอร์ไซค์ล่าสุดได้ที่นี่