สัมผัสแรก รีวิว Yamaha MT-07 Naked คลาสกลาง สุดลงตัว

YAMAHA MT-07 Naked Bike คลาส Middle Weight คันล่าสุดจาก Yamaha ได้เปิดตัวไปในงาน Bangkok International Motor Show 2015 ที่ผ่านมา ซึ่ง MT-07 ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากรุ่นพี่ FZ-09 ซึ่ง MT-07 เองได้การตอบรับอย่างเป็นเยี่ยม และในวันนี้ 6 กค. ทาง Yamaha Motors ประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมเชิญสื่อมวลชนลองทดสอบสมรรถนะของ Yamaha MT-07 ใหม่นี้ ณ สนาม Yamaha Riding Academy บางนา กม. 21 ซึ่ง MotoRival เราไม่พลาดที่จะมา เก็บ รีวิว Yamaha MT-07 แบบ 1st Impression มาฝากกัน

YAMAHA MT-07 ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่คล่องตัว และเป็นมิตรกับผ้ขับขี่ทุกสรีระ ด้วยน้ำหนักตัวเพียง 182 กก. และ ความสูงเบาะเพียง 805 มม. ดีไซน์โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ตามสไตล์ MT-Series ไฟหน้าทรง 7 เหลี่ยม แบบมีไฟหรี่ในตัว และไฟท้าย LED ทรงเดียวกับ YZF-R3 โดยตัวเบาะของ MT-07 จะเบาะทรงสปอร์ต แบบ 2 ตอน ซึ่งแตกต่างจาก FZ-09 ที่เป็นเบาะยาว ตอนเดียวแบบ Touring ท่อไอเสียปลายสั้น ออกใต้ท้องพิมพ์นิยมยุคปัจจุบัน
จุดเด่นของ MT-07 อยู่ที่ล้ออลูมีเนียมด้านหลัง ที่กว้างเท่ารุ่นพี่ FZ-09 โดยสวมไซส์ยางหน้ากว้าง 180 มม. สำหรับสี MT-07 มากับ 3 สี ให้เลือก ได้แก่ เหลือง Reddish Yellow Cocktail, เทาเมทัลลิก Matt Gray Metallic และ เงิน Matt Silver

ในส่วนของมาตรวัดดิจิตอลอัจฉริยะ แสดงระดับเกจ์วัดน้ำมัน พร้อมคำนวณอัตราสิ้นเปลือง มีตัวเลขบอกเกียร์ รอบเครื่องยนต์เป็นสเกลในแนวนอน และตัวเลขบอกความเร็ว ที่สวิทช์ไฟขวามือ จะมีปุ่มไฟฉุกเฉินให้มาด้วย ซึ่งอยู่ใต้ปุ่ม Engine Start แบบดันนิ้วลง

ทันที่ลองนั่งคร่อมตัวรถดู มองหารูกุญแจเพื่อจะบิดสตาร์ท เบ้ารูกุญแจอยู่ทางด้านหน้าไมล์ ซึ่งอาจต้องเอื้อมมือโงกศรีษะมามองหาตำแหน่งในช่วงแรกที่ยังไม่ชิน มาต่อกันที่ตำแหน่งแฮนด์บาร์ มันค่อนข้างแคบมากทีเดียว และเนื่องจากตำแหน่งเบาะที่ไม่สูงมากด้วย ทำให้ตำแหน่งแฮนด์บาร์นั้นดูยกสูงพอสมควร ซึ่งดูทรงแล้ว+กับน้ำหนักที่เบา เชื่อว่ามันสามารถควบพริ้วบนการจราจรในเมืองได้เป็นอย่างดี ขณะที่ตำแหน่งของการวางขา ก็ค่อนข้างทำได้ดีต้นขาสามารถหนีบได้พอดีกับช่วงตัวถัง ซึ่งตำแหน่งวางขา และตำแหน่งแฮนด์ที่ยกขึ้นทำให้การขี่ไกลยาวๆ น่าจะไม่เมื่อยมากอีกด้วย

มาว่ากันที่ในด้านการขับขี่กันต่อแล้ว YAMAHA MT-07 มากับเครื่องยนต์ขนาด 689cc 2 สูบเรียง Crossplane (CP2) มีแรงม้าสูงสุดถึง 75 แรงม้า@9,000rpm และแรงบิด 68Nm @6,500rpm
การออกตัวช่วงต้นรอบเครื่องต่ำพบว่า คันเร่งค่อนข้างขึ้นได้สมูทมือ ในช่วงรอบก่อน 4000rpm ไม่พบอาการกระชาก หรืออาการเครื่องสำลักจากเกียร์ต่ำรอบต่ำ แต่เมื่อเปิดคันเร่งเพิ่มเข้าไป รอบพุ่งพรวดผ่าน 4,000rpm-8,000rpm ได้อย่างรวดเร็วซึ่ง ถือเป็นช่วงที่มี Torque band มาค่อนข้างหนักมากทีเดียว โดยการขี่ในสนาม YRA นี้เป็นช่วงที่มีทางตรงให้เท้คตัวสั้นๆ ซึ่งเราสามารถลากรอบเครื่องได้ถึงช่วงราวๆ 9,000rpm ซึ่งต้องบอกเลยว่า ทอร์คหนัก สัมผัสได้ถึงพละกำลังที่มากกว่ารถตระกูล 650cc คันอื่นๆ
และที่ประทับใจ ก็คือ ในวันที่เราได้ทดสอบช่วงบ่ายอันร้อนระอุ และผู้เขียนได้ต่อคิวรอพี่ๆนักข่าวท่านอื่น หวดทดสอบกันอย่างเต็มที่ กลับไม่พบปัญหาเรื่องความร้อนเลย มันสามารถระบายความร้อนได้อย่างดีเยี่ยมโดยไม่ให้ไอความร้อนมาสัมผัสเข้าที่บริเวณหน้าขา ต้นขาให้รำคาญใจเลย

ด้านการบังคับเลี้ยวนั้น ตามที่ได้กล่าวไปแฮนด์บาร์ที่ดูจะแคบไปหน่อยทำให้การหักเลี้ยวนั้นดูจะมีมุมแคบไปเสียหน่อย ทำให้จังหวะหักเลี้ยวนั้นอาจจะดูหักได้ไม่มากนักในช่วงที่ขี่ผ่าน Pylon ด้านใน ขณะที่การเคลื่อนตัวผ่านโค้งวงกว้างนั้นมันสามารถควบคุมได้โดยง่าย ทั้งการควบคุมและท่าทางการเข้าโค้งสามารถขับขี่ผ่านโค้งไปได้อย่างง่ายดาย ด้วยล้อหลังไซ์ยางกว้าง 180 ซึ่งคันที่เราทดสอบใช้ยาง Batlax BT023 สเป็ก Sport Touring ไซส์ Heavy Weight เลยซึ่งมันให้ Grip ได้ดีทีเดียวกับสภาพผิว YRA เช่นนี้ ขณะที่โช้คอัพหลังเดี่ยววางเฉียง ร่วมกับสวิงอาร์มอลูมิเนียมแบบสั้น ช่วงให้ช่วงล่างด้านหลังเฟิร์มกระชับดีทีเดียว

ระบบเบรคไฮโดรลิก พร้อม ABS เป็นมาตรฐาน เบรคหน้ามาพร้อมจานดิสก์ขนาด 282 มม. คาลิปเปอร์ 2 ลูกสูบ และด้านหลังจานดิสก์ขนาด 245 มม. คาลิปเปอร์ 1 ลูกสูบ ก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในการชะลอความเร็ว น้ำหนักเบรกทำได้อย่างหนักแน่น ซึ่งรถส่วนใหญ่ที่มีระบบเบรก ABS มักจะมีน้ำหนักที่ดูจะเฟดๆ ไปบางช่วง และเบรกได้ไม่หนักแน่นเท่าที่ควร

สรุปเบื้องต้น รีวิว YAMAHA MT-07 Rise Up your darkness คันนี้ แม้หน้าตาจะดูแปลกๆไปบ้าง ตังถังที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก แต่พละกำลังต้องเรียกว่าเกินตัวเสียจริง แถมขี่ง่าย ควบคุมง่าย ด้วยเทคโนโลยี CP2 ใหม่สดกว่าชาวบ้าน และความจุที่สูงกว่าทำให้ได้เปรียบเพื่อนๆ Middle Weight คันอื่นกันไป แฮนด์บาร์ที่ดูแคบทำให้การขี่ลัดเลาะไม่ใช่อุปสรรค แต่เรากลับรู้สึกว่า หากขี่ที่ความเร็วสูงแฮนด์ที่แคบเช่นนี้อาจดูไม่ค่อยมั่นใจเท่าใดนัก ร่วมกับช่วงจังหวะที่ต้องหักวงเลี้ยวกว้าง นอกนั้นต้องขอนิยามมันว่า Perfect Middle Weight เลยก็ว่าได้ ผู้ที่สนใจอยากจะมี Bigbike ที่ขี่แล้วน่าจะจบในคันเดียว ลองพิจารณา MT-07 ไว้ในอ้อมใจอีกคัน เพราะคุณจะได้รถ Made in Japan 100% และราคาเพียง 2.99 แสนบาท กับเทคโนโลยีความคุ้มค่าขนาดนี้ขอบอกคำเดียวว่า ต้องลอง!

ผู้สนใจอย่าลืมติดต่อสอบถาม Yamaha Riders Club เพื่อสานต่อนิยาม “The Dark Side MT-Series Tour” ไปกับ YAMAHA MT-07 คันนี้

ขอขอบคุณ
Yamaha Motors ประเทศไทย สำหรับการทดสอบ รีวิว YAMAHA MT-07 ในครั้งนี้
ภาพสวยๆ จาก พี่เก่งและพี่แบงค์ MotoCross

ภณ เพียรทนงกิจ Test Rider

อ่านข่าวสาร yamaha อื่นๆได้ที่นี่
อ่านรีวิวรถคันอื่นๆได้ที่นี่

เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ