ย้อนไปเมื่อราวๆ 20 กว่าปีที่แล้ว ด้วยผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่แตกเมื่อปี พ.ศ. 2540 หรือที่เรียกว่า “วิกฤติต้มยำกุ้ง” ทำให้การซื้อรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ยังเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ทั้งจากราคาตัวรถที่ค่อนข้างสูงเพราะกำแพงภาษี, การซื้อรถที่ยังไม่ค่อยมีระบบผ่อนสำหรับบิ๊กไบค์, และใครหลายๆคนประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนักจากวิกฤติเศรษฐกิจดังกล่าว จนกระทั่งพระเอกของเราในครั้งนี้อย่าง 2009 Kawasaki ER-6n ได้ถูกเผยโฉมออกมา ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป
2009 Kawasaki ER6n ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกในไทยช่วงปลายปี 2008 หลังจากที่ทาง Kawasaki เริ่มเห็นช่องทางในการเปิดตลาดรถมอเตอร์ไซค์ทางเลือกอื่นนอกจากรถแม่บ้านทั่วๆไป ตั้งแต่ความสำเร็จของ KSR 110 รถมอเตอร์ไซค์แนวมินิไบค์ที่ไม่ใช่รถแม่บ้านสายคุ้มค่าแต่กลับได้รับความนิยมสร้างยอดขายพุ่งกระฉูดต่อเนื่องนานหลายปี ตามด้วยการขยับมาทำตลาดสปอร์ตไบค์พิกัด 250cc อย่าง Kawasaki Ninja 250 ในช่วงปลายปี 2007 ซึ่งก็มีกระแสตอบรับดีไม่แพ้กัน
ดังนั้นจุดเด่นของเจ้า ER-6n หากไม่นับหน้าตาอันสุดแสนดุดัน ก็คือการที่มันเป็นรถมอเตอร์ไซค์คลาส 650cc คันแรกๆที่ถูกนำมาผลิตและประกอบในประเทศไทยทั้งคัน ส่งผลให้ทางค่ายสามารถวางจำหน่ายมันด้วยราคา 2 แสนบาทกลางๆเท่านั้น ซึ่งเทียบเท่าหรือถูกกว่ารถมอเตอร์ไซค์คลาส 400cc 4 สูบเรียง ที่ต้องนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ในยุคนั้น และด้วยน้ำหนักตัวซึ่งแทบไม่หนีไปจากรถมอเตอร์ไซค์คลาสดังกล่าว แต่ขุมกำลัง 2 สูบเรียง DOHC 649cc แรงบิดสูง ที่ติดรถมากลับให้อัตราเร่งและความคล่องตัวสูงต่างกันลิบลับ (ค่อนไปทางดิบดุดัน จนมือใหม่บางคนอย่าแหยมเด็ดขาดด้วยซ้ำ) บวกกับประสิทธิภาพของระบบเบรกและระบบกันสะเทือนที่ไว้ใจได้ในฉบับที่รถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ควรจะเป็น เจ้า ER-6n จึงกลายเป็นรถมอเตอร์ไซค์ยอดนิยมต่อเนื่องมาจนถึงยุคปลายของโฉมที่ 2 (ER6n MY2012+) ของมันเลยทีเดียว
โดยตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปี ที่ Kawasaki ER-6n ทั้งสองโฉมถูกวางจำหน่ายในประเทศไทย (ตั้งแต่ปลายปี 2008 ถึงปลายปี 2016) ด้วยกระแสตอบรับจากลูกค้าชาวไทยที่จัดว่าดีมากๆ ทั้งจากสมรรถนะ และความคุ้มค่าของตัวรถ เหล่าผู้ผลิตค่ายอื่นๆที่เห็นโอกาส ก็เริ่มนำรถมอเตอร์ไซค์พิกัดสูงกว่า 400cc ของตนเองเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆอีกครั้ง (หลังจากที่ตัดใจกันไปนานเพราะลูกค้าหายวูบช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง เมื่อปี พ.ศ. 2540) ทั้งนี้เพื่อแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดที่ควรจะได้ และเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบรถมอเตอร์ไซค์จากแบรนด์ตนเอง ซึ่งบางรายที่สามารถทำเรื่องขอผลิตรถในประเทศไทยได้ ก็รีบทำเลยเช่นกันเพื่อที่จะได้ตัดปัญหาในเรื่องต้นทุนการวางจำหน่าย และอะไหล่เหมือนกับที่ Kawasaki ประสบความสำเร็จกับ ER-6n
จึงปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าเจ้าเน็คเก็ตไบค์ 2009 Kawasaki ER-6n คันนี้ นอกจากจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์พิกัดมากกว่า 650cc คันแรกๆที่ถูกนำมาผลิตในประเทศไทยเองแล้ว มันยังเป็นตัวบุกเบิกตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ชั้นดี ที่ทำให้เราได้ซื้อรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ได้หลากหลาย และจับต้องง่ายมากขึ้นจนถึงปัจจุบันจริงๆ
โดยสำหรับรายละเอียดทางเทคนิคของ Kawasaki ER-6n มีรายละเอียดดังนี้
ชื่อโมเดล | Kawasaki ER-6n
ผลิตช่วงปี | ค.ศ. 2008 – 2011 (โฉมแรกที่วางจำหน่ายในไทย)
เครื่องยนต์ | 4 จังหวะ, 2 สูบเรียง, DOHC, 8 วาล์ว (4 วาล์วต่อสูบ)
ความจุเครื่องยนต์ | 649 cc
ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก | 83 x 60 มิลลิเมตร
ระบบระบายความร้อนเครื่องยนต์ | ระบายความร้อนด้วยน้ำ
อัตราส่วนกำลังอัด | 11.3 : 1
ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง | หัวฉีด Keihin 2 ชุด ทำงานร่วมลิ้นเริ่งสาย ขนาด 38 มิลลิเมตร
ระบบสตาร์ท | ไฟฟ้าด้วยมือ
แรงม้าสูงสุด | 72 แรงม้า (PS) ที่ 8,500 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด | 66 Nm ที่ 7,000 รอบ/นาที
ระบบตัดต่อกำลัง | ชุดคลัตช์แบบเปียกซ้อนหลายแผ่น
ระบบเกียร์ | 6 สปีด
ความจุถังน้ำมัน | 15.5 ลิตร
อัตราสิ้นเปลือง | 17.2 กิโลเมตร/ลิตร
ความเร็วสูงสุด | ราวๆ 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ชุดเฟรม | โครงเหล็ก
ระบบกันสะเทือนหน้า | โช้คตะเกียบคู่หัวตั้ง
ระบบกันสะเทือนด้านหลัง | โช้คเดี่ยวติดตั้งเยื่องศูนย์กลาง ปรับเซ็ทพรีโหลดได้ ทำงานร่วมสวิงอาร์มแขนคู่
ระบบเบรกด้านหน้า | ดิสก์เบรกคู่ ขนาด 300 มิลลิเมตร พร้อมปั๊มแอกเซียลเมาท์คาลิปเปอร์ 2 ลูกสูบ
ระบบเบรกด้านหลัง | ดิสก์เบรกเดี่ยว ขนาด 220 มิลลิเมตร พร้อมปั๊มแอกเซียลเมาท์คาลิปเปอร์ 1 ลูกสูบ
ล้อหน้า | อัลลอยด์ 3 ก้านตัว Y
ล้อหลัง | อัลลอยด์ 3 ก้านตัว Y
ยางหน้า | 120/70-17
ยางหลัง | 160/60-17
มิติตัวรถ (กว้าง x ยาว x สูง) | 760 x 2,100 x 1,095 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ | 1,405 มิลลิเมตร
ความสูงเบาะ | 785 มิลลิเมตร
น้ำหนักไม่รวมของเหลว | 174 กิโลกรัม
น้ำหนักรวมของเหลว | 196 กิโลกรัม
อ่านข่าว Kawasaki เพิ่มเติมได้ที่นี่
