เจาะรายละเอียด New BMW M1000RR “ฉลามอัลติเมท” ว่าที่ผู้โค่นบัลลังก์ราชันย์ WSBK ปี 2021

0

อย่างที่เราได้มีการนำเสนอไปเมื่อวันก่อนว่า ในตอนนี้ New BMW M1000RR ได้ถูกเผยโฉมอย่างเป็นทางการแล้วเรียบร้อย หลังจากถูกลือกันมาแรมปี ดังนั้นเพื่อให้เพื่อนๆได้เข้าใจลึกซึ้งว่ามันมีความพิเศษที่แตกต่างจาก S1000RR ร่างต้นของมันอย่างไรบ้าง ในวันนี้ เราจึงจะมาไขข้อสงสัยเหล่านั้นให้เพื่อนๆได้รับทราบกันครับ

2019-bmw-s1000rr-engine-official-01
เริ่มกันที่ไฮไลท์แรกเลยก็คือเครื่องยนต์ ที่ในเบื้องต้นอย่างที่เพื่อนๆทราบกันว่ามันยังคงใช้บล็อค 4 สูบเรียง 999cc DOHC ผสานระบบวาล์วแปรผัน ShiftCam พื้นฐานเดียวกับ S1000RR แต่แท้จริงแล้วเครื่องยนต์ในตัว M1000RR นั้น จะได้รับการปรับแต่งเพิ่มจาก S1000RR ทั้งลูกสูบฟอร์จที่เบากว่าเดิม 12 กรัมต่อชิ้น, ก้านสูบไทเทเนียมที่เบากว่าเดิม 85 กรัม เพรียวกว่าและยาวกว่าเดิม 2 มิลลิเมตร จนส่งผลให้กำลังอัดเพิ่มขึ้นจาก 13.3 : 1 เป็น 13.5 : 1

2021-bmw-m1000rr-studio-11
ขณะที่ในส่วนชุดฝาสูบก็มีการปรับพอร์ทไอดีใหม่และปรับปากแตรให้แปรผันได้ในช่วงกว้างมากขึ้นเพื่อเพิ่มความสามารถในการไหลเวียนของไอดีในช่วงรอบปลาย, ลดขนาดกระเดื่องกดวาล์วไอเสียให้เล็กลงเพื่อรีดน้ำหนักและลดแรงเฉื่อย, เปลี่ยนวาล์วไอเสียเป็นไทเทเนียมและเปลี่ยนสปริงไอเสียใหม่ เพื่อให้รับกับการเพิ่มเรดไลน์ขึ้นอีก 500 รอบ/นาที เป็น 15,100 รอบ/นาที

นอกนั้นในด้านส่วนพ่วงต่างๆก็มีการปรับจูนกล่อง ECU ใหม่ให้จัดการกับระบบเชื้อเพลิงได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น อัพเกรดท่อไอเสียเป็นของ Akrapovic ที่เบากว่าเดิมแบบครึ่งต่อครึ่ง ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามาส่งผลให้ย่านกำลังของเครื่องยนต์ที่อยู่ใน M1000RR ตั้งแต่ช่วง 6,000 รอบ/นาที ขึ้นไปจนถึงเรดไลน์มีความติดมือและยกตัวสูงขึ้น และแม้แรงบิดสูงสุดจะเท่าเดิม คือ 113 นิวตันเมตร แต่ก็มาที่รอบสูงกว่า S1000RR คือที่ 11,000 รอบ/นาที (จาก 10,500 รอบ/นาที) ส่วนแรงม้าสูงสุดก็ขยับขึ้นเป็น 209 แรงม้า ที่ 14,500 รอบ/นาที จาก 204 แรงม้า ที่ 13,500 รอบ/นาที

2021-bmw-m1000rr-studio-10
ไม่เพียงเท่านั้นในฝั่งระบบส่งกำลัง ทาง BMW ยังติดตั้งชุดควิกชิฟท์เตอร์แบบ 2 ทางขึ้น/ลง ชุดใหม่ที่ถูกปรับเซ็ทการทำงานให้ต่อเนื่องฉับไวยิ่งขึ้น ชุดสลิปเปอร์คลัทช์เองก็มีการปรับกลไกลภายในใหม่เพื่อให้รองรับกับระบบ Launch Control ที่เพิ่มเข้ามา พร้อมกันนี้ยังเปลี่ยนสเตอร์หลังจาก 45 ฟัน เป็น 46 ฟัน เพื่ออัตราเร่งที่จี๊ดจ๊าดยิ่งขึ้น และรวมถึงเปลี่ยนไปใช้ชุดโซ่ขับ M Chain ที่ทาง BMW เคลมว่าไม่ต้องดูแลรักษาตลอดอายุการใช้งานเขาไปด้วย

ด้านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่น่าสนใจหลักๆก็คือโหมดการขับขี่ที่แต่เดิมจะมีโหมดพื้นฐาน 4 โหมด ได้แก่ Rain, Road, Dynamic, และ Race ในตัว M1000RR ก็จะมีการเพิ่มโหมด Race Pro เข้ามาอีก 3 รูปแบบ, สามารถปรับความไวของคันเร่งได้ 2 ระดับ, แถมชุดเซนเซอร์ IMU 6 แกนก็ถูกอัพเกรดให้มีความฉลาดยิ่งขึ้นทั้งนี้ก็เพื่อให้มันสามารถส่งค่าต่างๆไปยังระบบแทรคชันคอนโทรล, และวีลลีคอนโทรล (ป้องกันล้อหน้าลอย), กับ Cornering-ABS ที่ถูกพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น, เพิ่มระบบ Pit-Lane Speed Limit และ Hill Start Control Pro เข้ามา

2020-BMW-M1000RR (5)
แน่นอนว่าในเมื่อเครื่องยนต์แรงขึ้น ทาง BMW จึงมีการออกแบบชุดวิงเล็ทคาร์บอนให้กับรถซุปเปอร์ไบค์ของพวกเขาสักทีเพื่อความสเถียรของหน้ารถทั้งตอนเบรกและตอนออกจากโค้ง ซึ่งพวกเขาได้ระบุว่าชุดวิงเล็ทคาร์บอนที่อยู่กับ M1000RR รุ่นนี้นั้น จะสามารถสร้างแรงกดได้มากถึง 13.4 กิโลกรัมเลยทีเดียวหากรถวิ่งที่ความเร็วมากกว่า 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขณะที่ชุดวินชิลด์เองก็เปลี่ยนใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อลดลมปะทะตัวผู้ขี่
และแม้ว่าชุดเฟรมของ M1000RR จะยังคงเป็นเฟรมอลูมิเนียมตามเดิม เพื่อควบคุมต้นทุนไว้ไม่ให้เกินเพดานราคาของการแข่ขัน WSBK แต่อย่างน้อยทาง BMW ก็มีการปรับเซ็ทมิติในด้านอื่นๆใหม่เพื่อให้มันรองรับการใช้งานในสนามแข่งขันมากขึ้น ทั้งปรับแผงคอให้ชันขึ้นเป็น 23.6 องศาและลดระยะเทรลลง 3 มิลลิเมตร, เพิ่มความสูงท้ายรถอีก 6 มิลลิเมตร, เพิ่มความยาวสวิงอาร์มออกไปอีก 11.7 มิลลิเมตร เพื่อยืดฐานล้อเป็น 1,457 มิลลิเมตร และที่สำคัญคือตัวจุดยึดสวิงอาร์มสามารถปรับระดับสูงต่ำได้มากกว่าในตัว S1000RR อีกด้วย

2021-bmw-m1000rr-studio-08
ฝั่งระบบกันสะเทือนหน้า/หลัง ก็มีการปรับเซ็ทค่าสปริงและเซ็ทระบบ Dynamic Damping ใหม่, ชุดปั๊มเบรกหน้าแบบโมโนบล็อคคาลิปเปอร์สมรรถนะสูงตีตราสัญลักษณ์ “M” ชัดเจน (แต่ที่จริงผลิตโดย Nissin)

2021-bmw-m1000rr-studio-09
สำหรับน้ำหนักตัวของ BMW M1000RR ก็จะเคลมตัวเลขไว้ที่ 192 กิโลกรัม เมื่อรวมของเหลวพร้อมขี่ ซึ่งถือว่าเบากว่า S1000RR ไปประมาณ 5 กิโลกรัม โดยส่วนหนึ่งก็ต้องขอขอบคุณท่อไอเสียชุดใหม่ที่เบากว่าเดิม 3.7 กิโลกรัม และชุดล้อคาร์บอนที่ติดรถมาให้เป็นออพชันพื้นฐานออกโรงงานซึ่งเบาะกว่าเดิมอีก 1.7 กิโลกรัม

Fabian Kirchbauer Photography
และสุดท้ายก็คือชุดหน้าจอมาตรวัด TFT 6.5 นิ้ว ที่มีการเปลี่ยนอินเตอร์เฟซ และหน้าจอต้อนรับตอนบิดกุญแจใหม่ให้เข้ากับรุ่นรถ พร้อมกันนี้ยังรองรับระบบดาตาล็อก หรือระบบเก็บข้อมูลเวลาต่อรอบในสนามแข่งขันด้วยระบบ GPS มาให้อีก, แบตเตอรี่รุ่นใหม่เบากว่าเดิม, มีพอร์ทชาร์จไฟ USB มาให้ใต้เบาะผู้ซ้อน, และมีแฮนด์อุ่นมือกับระบบล็อคความเร็วมาให้ด้วยเพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้งาน

Fabian Kirchbauer Photography
ด้านราคาของ 2021 BMW M1000RR ณ ขณะนี้ก็มีการเปิดตัวเลขแค่เฉพาะสำหรับลูกค้าในทวีปยุโรปเท่านั้น นั่นคือ ราวๆ 1,242,000 บาท ซึ่งเพื่อนๆอาจจะดูว่ามันแพง แต่แท้จริงแล้วราคานี้ยังถือว่าถูกกว่าคู่แข่งอย่าง Ducati Panigale V4 R เสียอีก ซึ่งหากตัวรถซุปเปอร์ไบค์ค่ายไบพัดสีฟ้าคันนี้ถูกนำมาวางจำหน่ายในประเทศไทยขึ้นมา มันจะยังคงมีราคาในระดับที่ต่ำกว่าของซุปเปอร์ไบค์ค่ายแดงอิตาลีหรือไม่ เราก็คงต้องรอติดตามข้อมูลกันต่อไปครับ

เพื่อนๆ สามารถอ่านรีวิว BMW S1000RR ใหม่ ได้ที่นี่
อ่านข่าว BMW เพิ่มเติมได้ที่นี่

Share.

About Author

error: Content is protected !!