3D print เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกที่เพิ่งมีมาไม่นาน แต่ก็เริ่มเข้ามาใกล้สู่ชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ที่มีข้อได้เปรียบด้านการสร้างรูปทรงที่ซับซ้อนและไม่สามารถสร้างได้ด้วยการหล่อขึ้นรูปแบบปกติ โดยในช่วงไม่มี่กีที่ผ่านมาเราก็ได้เห็นค่ายรถทั้งเก่าและใหม่พยายามนำเอาเทคโนโลยีดังกล่าวมาปรับใช้กับสินค้าของตัวเอง โดยส่วยใหญ่เราก็จะเห็นมันออกมาในฐานะรถหรือชิ้นส่วนต้นแบบที่ไม่ได้ผลิตจริง เนื่องจากความช้าในการผลิตจำนวนมากนั้นเป็นจุดอ่อนของการพิมพ์ 3 มิติ
และอันที่จริงความพิเศษของเฟรมมอเตอร์ไซค์แบบ 3D print (ภาพบนสุด)จาก University of Nebrija ที่ทำร่วมกับบริษัทโลหะ ArcelorMittal จากประเทศสเปนนั้นก็ไม่ได้แก้ไขข้อด้อยเรื่องความเร็วในการผลิตแต่อย่างใด(ไม่รู้ว่าผมจะเกริ่นเรื่องนั้นให้ยาวไปทำไม) แต่กลับเป็นการคิดค้นวิธีที่จำทำให้ชิ้ส่วนดังกล่าวที่เบาอยู่แล้ว “เบาลงไปอีก” แต่ยังคงความแข็งแรงที่จำเป็นเอาไว้อยู่ โดยทีมงานทำการสร้างโปรแกรมที่ช่วยคำนวนความหน้าและรูปทรงของวัสดุในจุดต่าง ๆ ของชิ้นงานและตัดวัสดุส่วนที่ไม่จำเป็นออกเพื่อลดน้ำหนัก
เทคโนโลยีการคำนวนดังกล่าวมีความพิเศษตรงที่ มันสามารถสร้างชิ้นงานที่บางหรือกลวงที่มีความหนาของวัสดุเพียง 0.8-1 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าบางมากจนวัสดประเภทอลูมีเนียมนั้นไม่แข็งแรงพอที่จะใช้ได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทีมงานเลือกใช้เหล็กผสมที่มีความแข็งแรงมากกว่าแทน และถึงแม้ว่าเหล็กผสมนั้นจะมีน้ำหนักมากกว่า แต่การสร้างชิ้นงานด้วยการพิมพ์ 3 มิตินั้นก็ช่วยชดเชยเรื่องนั้นได้
โดย Sergio Corbera นักศึกษาสาขาวิศวกรรมที่ร่วมโครงการนั้นบอกว่าตัวเฟรมเหล็กน้ำหนัก 3.8 กิโลกรัม ที่สร้างขึ้นนั้นช่วยให้ตัวรถสามารถขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพบนสนาม โดยอ้างอิงจากการจำลองในคอมพิวเตอร์ และเมื่อเทียบกับเฟรมอลูมีเนียมของค่ายรถปกติที่มีน้ำหนักประมาณ 5 กก. กับเฟรมแบบเหล็กที่หนักประมาณ 7 กก. ก็ถือเป็นการลดน้ำหนักที่ดูดีพอสมควร
อ่านข่าวสารจักรยานยนค์ใหม่ล่าสุดได้ที่นี่
