ถ้าเราพูดถึงรถมอเตอร์ไซค์บิ้กไบค์ คนไทยส่วนใหญ่ก็คงจะนึกภาพรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ต ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4 สูบ เสียงหวานลื่นหู จนหลายคนเอาคำว่า “รถสี่สูบ” ไปใช้เป็นคำเรียกรถแนวสปอร์ต หรือรถบิ๊กไบค์เลยด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าถ้าเราย้อนไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน คนไทยจำนวนมากแทบจะมองว่ารถบิ๊กไบค์ต้องมี 4 สูบ น้อยกว่านี้ไม่นับญาติด้วย

แต่รู้หรือไม่ว่ารถมอเตอร์ไซค์ 4 สูบ ที่ถือเป็นจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น Honda CBR650R หรือ Kawasaki Z800 กลับไม่ได้รับความนิยมเท่าไร ในตลาดใหญ่อย่างทวีปยุโรป แต่ทำไมถึงเป็นแบบนั้น แล้วคนที่นั่นเขาชอบรถแนวไหน?

ก่อนอื่นก็ต้องมาดูกันก่อนว่า “ทำไมคนไทย ถึงอินรถ 4 สูบ” ซึ่งคำตอบของคำถามนี้ก็ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว ว่าเป็นเพราะ “คนญี่ปุ่น และค่ายรถญี่ปุ่น” เพราะทั้งค่ายรถมอเตอร์ไซค์ และอิทธิพลด้านวัฒนธรรมการขับขี่มอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่ที่คนไทยได้รับมา นั้นมาจากประเทศญี่ปุ่น แปลว่าอะไรก็ตามที่ได้รับความนิยมที่นั่น ก็มีแนวโน้มว่าจะนิยมในไทยด้วย และต่อให้หลายคนจะไม่ได้อินกับรถแบบญี่ปุ่น แต่รถยุโรปก็ถือเป็นสิ่งไกลตัวเมื่อ 30-40 ปีก่อน

ซึ่งเหตุผลที่ทำให้รถที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ ได้รับความนิยมในญี่ปุ่น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเรื่องใบขับขี่ที่แบ่งเป็นหลายขั้น แถมมาตรฐานการสอบก็สูง การที่คนทั่วไปจะมีใบขับขี่รถบิ๊กไบค์ถือเป็นเรื่องยาก ค่ายรถจึงแก้ปัญหาด้วยการทำรถเล็กขนาดไม่เกิน 400 ซีซี ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ แบบเดียวกับรถแข่งคลาส 750 ซีซี ที่คนเห็นในทีวี

ทำให้ในช่วงยุค 1980-1990 เราได้เห็นรถมอเตอร์ไซค์ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ ได้จากค่ายรถทุกรายในประเทศญี่ปุ่น แล้วยุคนั้นยิ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังรุ่งเรือง คนไม่ได้ติดดปัญหาเรื่องเงินในกระเป๋า พวกเขาพร้อมจ่ายให้รถเล็กสายสนามที่มีต้นทุนสูง สเปคแน่นคัน เพราะติดเรื่องใบขับขี่ต่างหาก

ทุกอย่างที่ว่ามาก็ทำให้คนไทยดูจะชอบรถมอเตอร์ไซค์ที่มีลูกสูบเยอะเป็นพิเศษ เพราะในสมัยก่อนเรามีตัวเลือกแค่นั้น แต่ทางฝั่งของรถยุโรปมันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะคนที่นั่นชอบรถมอเตอร์ไซค์ที่มีน้ำหนักเบา ลูกสูบไม่ต้องเยอะ รอบไม่ต้องสูง แต่ขอแรงบิดที่เยอะและกระฉับกระเฉง ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะถนนในยุโรปค่อนข้างเก่า มีตรอกซอกซอย มีทางคดเคี้ยวในเมืองเยอะ วงเวียนก็เยอะ

สังเกตุได้จากค่ายรถมอเตอร์ไซค์ในยุโรปเอง ที่ถ้าหากไม่ใช่รถมอเตอร์ไซค์ซุปเปอร์ไบค์สายสนามของจริงอย่าง Ducati Panigale V4, BMW S1000RR, MV Agusta F4 เราก็จะเห็นได้ว่ารถแทบทั้งหมดในตลาดจะนิยมใช้เครื่องยนต์ 2-3 สูบ เป็นหลัก อาจจะเป็นสูบเรียงบ้าง สูบวีบ้าง หรือสูบนอนบ้างก็แล้วแต่ความถนัดของแต่ละค่าย และแทบทุกค่ายก็เพิ่งเริ่มทำรถ 4 สูบ หลังปี 2000 ด้วยซ้ำ

เรื่องของใบขับขี่ที่มีการจำกัดแรงม้าไม้ไว้ที่ 47 Hp ก็อาจเป็นอีกเหตุผลในรถ 4 สูบ ไม่ได้รับความนิยมในยุโรป เพราะในใบขับขี่ที่มีการจำกัดแรงม้า แต่ไม่ได้จำกัดแรงบิด ค่ายรถที่อยากให้รถตัวเองขี่แล้วรู้สึกแรงมากที่สุด และได้เปรียบคู่แข่งมากที่สุด ก็ทำได้โดยการอัดตัวเลขแรงบิดในรอบต่ำและกลางเพิ่มขึ้น ซึ่งเครื่องยนต์สูบเยอะทำแบบนั้นไม่ได้

แต่ถ้าเรามาดูที่ปัจจุบัน ก็ดูเหมือนว่ามุมมองและความนิยมรถมอเตอร์ไซค์แบบ 4 สูบ ในประเทศไทยจะเริ่มถูกปรับเปลี่ยนมาให้เท่าเทียมกับรถ 1-3 สูบ มากกว่าเมื่อก่อน ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะคนรับรู้เอกลักษณ์ และข้อดี ข้อเสียของเครื่องยนต์แต่ละแบบมากขึ้น ไม่ได้มองว่าเครื่องยนต์แบบหนึ่งเหนือชั้นกว่าเครื่องยนต์อีกแบบอย่างเมื่อก่อน
นอกจากนี้เหตุผลที่ทำให้รถสูบเยอะได้รับความนิยมลดลงทั่วโลก ก็ไม่ได้มีผลมาจากความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปเท่านั้น เพราะกฎหมายค่ามลพิษที่เข้มงวด ก็ทำให้รถสูบเยอะผ่านได้ยากขึ้น ค่ายรถจึงอยากทำรถสูบน้อยที่มีค่ามลพิษต่ำกว่าแทน
อ่านข่าวสารมอเตอร์ไซค์ล่าสุดได้ที่นี่